
: Blade: Trinity (2004) - ภาคสุดท้ายที่แฟนพันธุ์แท้ต้องดู แต่...ก็แอบเสียดาย
สวัสดีครับทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Blade: Trinity ภาคสุดท้ายของตำนานนักล่าแวมไพร์อย่าง Blade ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2004 กันครับ ใครเป็นแฟน Blade ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้แน่ๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ รอดูมานานว่าจะจบตำนานนี้ยังไง
เกริ่นก่อนเลยว่า Blade ภาคแรกนี่ผมชอบมากจริงๆ มันมีความดิบ ความเท่ ความดาร์ก ที่ทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ภาคสองก็ยังโอเคอยู่ แต่พอมาภาคสามนี่...บอกตรงๆ ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันครับ
เริ่มต้นเรื่องก็มาแบบจัดเต็มเลยครับ Blade (รับบทโดย Wesley Snipes) ยังคงเป็นนักล่าแวมไพร์ที่เก่งกาจเหมือนเดิม แต่ภาคนี้แกต้องเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่โหดเหี้ยมกว่าเดิม นั่นก็คือ Drake หรือ Dracula ในร่างใหม่ที่ทรงพลังมากๆ แถมยังมีความเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก เรียกว่าเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อจริงๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบในภาคนี้ก็คือการเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาครับ นั่นก็คือทีม Nightstalkers ที่นำโดย Hannibal King (รับบทโดย Ryan Reynolds) และ Abigail Whistler (รับบทโดย Jessica Biel) สองคนนี้เข้ามาเพิ่มสีสันและความสดใหม่ให้กับหนังได้พอสมควรเลยครับ สไตล์การต่อสู้ของ Abigail ก็ดูดุดันน่าสนใจดีครับ ส่วน Ryan Reynolds นี่ก็ยังคงความกวนๆ ฮาๆ สไตล์ของเขาเอาไว้ได้ดี ทำให้ฉากที่ต้องมีบทสนทนากันดูไม่น่าเบื่อครับ
การออกแบบฉากแอ็คชั่นก็ยังคงความอลังการเหมือนเดิมครับ มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ด้วยดาบ ปืน และสกิลพิเศษของ Blade ที่ดูรวดเร็วและทรงพลังมากๆ ฉากต่อสู้กับแวมไพร์นี่เลือดสาดสะใจคอหนังบู๊แน่นอนครับ มีการใช้เทคนิค CG ที่ดูดีในยุคนั้น แต่บางฉากอาจจะดูขัดตาไปบ้างตามกาลเวลาครับ
อีกอย่างที่น่าสนใจคือการขยายจักรวาลของ Blade ให้ใหญ่ขึ้นครับ เราได้เห็นเบื้องหลังขององค์กรแวมไพร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการที่มนุษย์เริ่มที่จะต่อต้านแวมไพร์อย่างจริงจังมากขึ้นด้วย อันนี้ผมว่าเป็นการพัฒนาที่ดีครับ ทำให้เรื่องราวดูมีมิติมากขึ้น
แต่...ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ผมรู้สึกว่ามันยังขาดๆ เกินๆ ไปบ้างครับ
อย่างแรกเลยคือเรื่องบทครับ บางทีบทสนทนามันดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ บางฉากก็เหมือนยัดมุกตลกเข้ามาแบบแปลกๆ ไม่เข้ากับโทนของหนังเท่าไหร่ครับ ความดาร์กและความเท่แบบภาคแรกๆ มันดูจางลงไปเยอะเลยครับ
การดำเนินเรื่องบางช่วงก็รู้สึกยืดยาดไปนิดครับ เหมือนพยายามจะยัดหลายๆ อย่างเข้ามาในเรื่องเดียว จนบางทีก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีจุดโฟกัสที่ชัดเจนเท่าไหร่ครับ
อีกอย่างที่ผมแอบเสียดายคือการแสดงของ Wesley Snipes ครับ ในภาคนี้แกดูเหมือนจะไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่เท่าสองภาคแรกนะ อาจจะมีปัญหาเบื้องหลังอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อการแสดงของแกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจครับ แต่โดยรวมแล้ว แกก็ยังคงความเท่แบบ Blade ได้อยู่ครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันขาดประกายบางอย่างไป
ตัวร้ายอย่าง Drake เองก็เก่งกาจครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังขาดคาแรกเตอร์ที่น่าจดจำมากนักเมื่อเทียบกับตัวร้ายในภาคก่อนๆ ครับ แค่ดูเก่งอย่างเดียวมันอาจจะยังไม่พอ ต้องมีอะไรที่ทำให้คนดูอินหรือรู้สึกกลัวจริงๆ จังๆ ด้วย
สรุปแล้ว Blade: Trinity ภาคนี้สำหรับผม ถือว่าเป็นภาคที่พอจะดูได้ครับ ถ้าคุณเป็นแฟน Blade จริงๆ ยังไงก็ต้องดูให้จบครับ เพื่อให้เห็นบทสรุปของตำนานนี้ การออกแบบฉากแอ็คชั่นยังคงดี เพลงประกอบก็ยังเร้าใจ แต่เรื่องบทและโทนของหนังอาจจะทำให้บางคนผิดหวังไปบ้างเมื่อเทียบกับสองภาคแรก
ถ้าให้คะแนน ผมให้ประมาณ 6.5/10 ครับ เป็นหนังที่ดูสนุกในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ถึงกับประทับใจมากนักครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็น Blade ในรูปแบบอื่นอีกในอนาคตนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ใครเคยดูแล้วมีความคิดเห็นยังไง มาแชร์กันได้เลยนะครับผม
Blade: Trinity (2004) - ภาคสุดท้ายที่แฟนพันธุ์แท้ต้องดู แต่...ก็แอบเสียดาย
: Blade: Trinity (2004) - ภาคสุดท้ายที่แฟนพันธุ์แท้ต้องดู แต่...ก็แอบเสียดาย
สวัสดีครับทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Blade: Trinity ภาคสุดท้ายของตำนานนักล่าแวมไพร์อย่าง Blade ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2004 กันครับ ใครเป็นแฟน Blade ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้แน่ๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ รอดูมานานว่าจะจบตำนานนี้ยังไง
เกริ่นก่อนเลยว่า Blade ภาคแรกนี่ผมชอบมากจริงๆ มันมีความดิบ ความเท่ ความดาร์ก ที่ทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ภาคสองก็ยังโอเคอยู่ แต่พอมาภาคสามนี่...บอกตรงๆ ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันครับ
เริ่มต้นเรื่องก็มาแบบจัดเต็มเลยครับ Blade (รับบทโดย Wesley Snipes) ยังคงเป็นนักล่าแวมไพร์ที่เก่งกาจเหมือนเดิม แต่ภาคนี้แกต้องเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่โหดเหี้ยมกว่าเดิม นั่นก็คือ Drake หรือ Dracula ในร่างใหม่ที่ทรงพลังมากๆ แถมยังมีความเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก เรียกว่าเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อจริงๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบในภาคนี้ก็คือการเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาครับ นั่นก็คือทีม Nightstalkers ที่นำโดย Hannibal King (รับบทโดย Ryan Reynolds) และ Abigail Whistler (รับบทโดย Jessica Biel) สองคนนี้เข้ามาเพิ่มสีสันและความสดใหม่ให้กับหนังได้พอสมควรเลยครับ สไตล์การต่อสู้ของ Abigail ก็ดูดุดันน่าสนใจดีครับ ส่วน Ryan Reynolds นี่ก็ยังคงความกวนๆ ฮาๆ สไตล์ของเขาเอาไว้ได้ดี ทำให้ฉากที่ต้องมีบทสนทนากันดูไม่น่าเบื่อครับ
การออกแบบฉากแอ็คชั่นก็ยังคงความอลังการเหมือนเดิมครับ มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ด้วยดาบ ปืน และสกิลพิเศษของ Blade ที่ดูรวดเร็วและทรงพลังมากๆ ฉากต่อสู้กับแวมไพร์นี่เลือดสาดสะใจคอหนังบู๊แน่นอนครับ มีการใช้เทคนิค CG ที่ดูดีในยุคนั้น แต่บางฉากอาจจะดูขัดตาไปบ้างตามกาลเวลาครับ
อีกอย่างที่น่าสนใจคือการขยายจักรวาลของ Blade ให้ใหญ่ขึ้นครับ เราได้เห็นเบื้องหลังขององค์กรแวมไพร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการที่มนุษย์เริ่มที่จะต่อต้านแวมไพร์อย่างจริงจังมากขึ้นด้วย อันนี้ผมว่าเป็นการพัฒนาที่ดีครับ ทำให้เรื่องราวดูมีมิติมากขึ้น
แต่...ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ผมรู้สึกว่ามันยังขาดๆ เกินๆ ไปบ้างครับ
อย่างแรกเลยคือเรื่องบทครับ บางทีบทสนทนามันดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ บางฉากก็เหมือนยัดมุกตลกเข้ามาแบบแปลกๆ ไม่เข้ากับโทนของหนังเท่าไหร่ครับ ความดาร์กและความเท่แบบภาคแรกๆ มันดูจางลงไปเยอะเลยครับ
การดำเนินเรื่องบางช่วงก็รู้สึกยืดยาดไปนิดครับ เหมือนพยายามจะยัดหลายๆ อย่างเข้ามาในเรื่องเดียว จนบางทีก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีจุดโฟกัสที่ชัดเจนเท่าไหร่ครับ
อีกอย่างที่ผมแอบเสียดายคือการแสดงของ Wesley Snipes ครับ ในภาคนี้แกดูเหมือนจะไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่เท่าสองภาคแรกนะ อาจจะมีปัญหาเบื้องหลังอะไรบางอย่างที่ส่งผลต่อการแสดงของแกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจครับ แต่โดยรวมแล้ว แกก็ยังคงความเท่แบบ Blade ได้อยู่ครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันขาดประกายบางอย่างไป
ตัวร้ายอย่าง Drake เองก็เก่งกาจครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังขาดคาแรกเตอร์ที่น่าจดจำมากนักเมื่อเทียบกับตัวร้ายในภาคก่อนๆ ครับ แค่ดูเก่งอย่างเดียวมันอาจจะยังไม่พอ ต้องมีอะไรที่ทำให้คนดูอินหรือรู้สึกกลัวจริงๆ จังๆ ด้วย
สรุปแล้ว Blade: Trinity ภาคนี้สำหรับผม ถือว่าเป็นภาคที่พอจะดูได้ครับ ถ้าคุณเป็นแฟน Blade จริงๆ ยังไงก็ต้องดูให้จบครับ เพื่อให้เห็นบทสรุปของตำนานนี้ การออกแบบฉากแอ็คชั่นยังคงดี เพลงประกอบก็ยังเร้าใจ แต่เรื่องบทและโทนของหนังอาจจะทำให้บางคนผิดหวังไปบ้างเมื่อเทียบกับสองภาคแรก
ถ้าให้คะแนน ผมให้ประมาณ 6.5/10 ครับ เป็นหนังที่ดูสนุกในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ถึงกับประทับใจมากนักครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็น Blade ในรูปแบบอื่นอีกในอนาคตนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ใครเคยดูแล้วมีความคิดเห็นยังไง มาแชร์กันได้เลยนะครับผม