ประวัติศาสตร์การสร้าง ระบบจรวดหลายลำกล้อง DTI-2 เขี้ยวเล็บกองทัพไทย

ประวัติศาสตร์การสร้าง ระบบจรวดหลายลำกล้อง DTI-2 เขี้ยวเล็บกองทัพไทย

1. ภูมิหลังและแรงผลักดันเชิงยุทธศาสตร์
จุดเริ่มต้นของ DTI-2 เกิดจากบทเรียนอันเจ็บปวดในสมรภูมิเขาพระวิหาร (พ.ศ. 2551-2554) ซึ่งกองทัพไทยเผชิญกับการระดมยิงด้วยจรวด BM-21 Grad ของกัมพูชา อาวุธชนิดนี้สามารถทำลายล้างเป็นพื้นที่กว้างและสร้างความกดดันทางจิตวิทยาได้อย่างรุนแรง ในขณะที่ไทยขาดแคลนอาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้องที่คุ้มค่าในการยิงโต้ตอบปริมาณมาก ความเสียเปรียบนี้จึงกลายเป็นโจทย์เร่งด่วนให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ต้องวิจัยและพัฒนาอาวุธขึ้นเองเพื่อรักษาสมดุลทางทหาร

2. การถ่ายทอดและต่อยอดเทคโนโลยีจากจีน
ประเทศไทยใช้กลยุทธ์การเรียนรู้ผ่าน "ครูใหญ่" อย่างโครงการ DTI-1 (ซึ่งใช้เทคโนโลยีจรวด WS-1B ขนาด 400 มม. ของจีน) เพื่อศึกษาวิชาดินขับจรวดแบบแข็ง (Solid Propellant) เมื่อได้องค์ความรู้แล้วจึงนำมา "ย่อส่วน" และพัฒนาใหม่เป็น DTI-2 ขนาด 122 มม. โดยเน้นเทคโนโลยีหลัก 3 ด้านคือ:

ดินขับ HTPB: ให้แรงขับสูงและเสถียร

ระบบตลับจรวด (Modular Pod): ปฏิวัติการบรรจุใหม่ให้รวดเร็วและปลอดภัยกว่าระบบเก่า

อากาศพลศาสตร์: ใช้ครีบหางแบบพับได้ (Wrap-around Fins) เพื่อความเสถียรในการบิน

3. นวัตกรรมและจุดเด่นทางวิศวกรรมของไทย
DTI-2 ไม่ใช่แค่การลอกเลียนแบบ แต่มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าจรวดระดับเดียวกันในตลาดหลายด้าน:

ระยะยิงที่ไกลกว่า: สามารถยิงได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร (มากกว่าจรวดทั่วไป 10-20 กม.) ทำให้สามารถยิงโต้ตอบจากระยะปลอดภัยนอกรัศมีปืนใหญ่ศัตรู

ระบบควบคุมการยิง (FCS) ฝีมือคนไทย: พัฒนาซอฟต์แวร์ภาษาไทย เชื่อมต่อข้อมูลกับโดรน (UAV) และคำนวณการยิงอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาและข้อผิดพลาดจากมนุษย์

ความยืดหยุ่นของฐานยิง: ออกแบบให้เป็นโมดูลาร์ สามารถติดตั้งได้กับยานพาหนะหลากหลายชนิด รวมถึงการนำไปติดตั้งบนรถสายพาน Type 85 เก่าเพื่อเพิ่มพูนกำลังรบอย่างคุ้มค่า

4. บทบาทในสมรภูมิอนาคตและการประเมินทางยุทธวิธี
ในสถานการณ์จำลอง DTI-2 จะทำหน้าที่เป็นอาวุธหลักในภารกิจยิงโต้ตอบปืนใหญ่ศัตรู (Counter-battery fire) การสร้างฉากขวางกั้นสกัดกั้นทหารราบ และการทำลายจุดควบคุมโดรนของฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม บทความชี้ให้เห็นว่าการใช้งานจริงอาจส่งผลกระทบในมิติระหว่างประเทศ ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมในการยืนยันความชอบธรรมในการป้องกันตนเอง

5. ข้อจำกัดและแนวทางการพัฒนาในอนาคต
แม้จะเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญ แต่ DTI-2 ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาต่อ:

ความแม่นยำ: ปัจจุบันเป็นจรวดไม่นำวิถี ทำให้มีความคลาดเคลื่อนตามระยะทางและกระแสลม

ห่วงโซ่อุปทาน: ยังต้องพึ่งพาสารเคมีและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างจากจีน

ความปลอดภัยของหน่วยยิง: ควันและรังสีความร้อนจากการยิงอาจถูกเรดาร์ศัตรูตรวจจับได้ง่าย

ก้าวต่อไป คือการพัฒนา DTI-2 รุ่นต่ไป ซึ่งติดตั้งระบบนำวิถีด้วยดาวเทียม (GPS/INS) เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้ทัดเทียมนานาชาติ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่