ผมมีความชอบทางด้านการบิน แต่ไม่ได้ทำงานในวงการนี้ ผมชอบดู Flightradar เป็นประจำเพื่อดูการจราจรทางอากาศในสนามบินต่างๆ และมีข้อสงสัยดังนี้ครับ
1. ผมสังเกตว่า สนามบินในไทย (ที่ผมดูบ่อยๆก็ BKK, HKT) มีการเว้นระยะห่างในการ take off ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสนามบินในสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ
ผมพบว่าเมื่อให้เครื่อง take off ไปแล้ว ลำต่อไปมักต้องรอจนกว่าเครื่องที่เพิ่ง take off ไปไต่ระดับถึงประมาณ 3,000 ฟุตขึ้นไป จึงจะปล่อยให้ลำต่อไป take off ได้ (ไม่ว่าจะ A320 ตามด้วย A320 หรือ A380 ตามด้วย A320 ก็ทิ้งระยะไม่ต่างกันมาก) เป็นแบบนี้ทั้งที่ BKK และ HKT ในขณะที่สนามบินในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เช่น JFK, LGA, LHR, LGW ทิ้งระยะห่างน้อยมาก ลำหน้าไต่ระดับได้ 1,100-1,300 ฟุตก็ปล่อยลำถัดไป take off ได้แล้ว คือเครื่องบินลำหน้าเพิ่งไต่ระดับพ้นเขตสนามบินก็ปล่อยลำถัดไปเลย (ถ้าเทียบระยะกับสุวรรณภูมิคือเครื่อง take off runway 02R พอพ้น Skylane ก็ปล่อยลำถัดไป take off ต่อเลย)
คือเป็นนโยบายของแต่ละสนามบินที่จะกำหนดระยะห่างให้ปลอดภัยมากกว่ามาตรฐานหรือเปล่าครับ ในขณะที่สนามบินที่เครื่องบินหนาแน่นจะกำหนดตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำไปเลย
2. ในส่วนการ landing สนามบินในไทยมักจัดระยะห่างในการลงจอดค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสนามบินในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษหลายแห่ง สัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสไปที่หาดไม้ขาวที่ภูเก็ต เลยไปดูเครื่องบินที่สนามบินซะหน่อย (พบว่าข้อมูลใน Flightradar จะช้ากว่าที่ตาเห็นเครื่องบินตรงหน้าจริงๆซัก 2-3 วินาที) แต่บางครั้งเห็นเครื่องหยุดรอจะ take off นานผิดปกติ เลยเปิด Flightradar ดูพบว่ามีเครื่องกำลังจะ landing ที่ความสูงประมาณ 2,500-3,000 ฟุต ซึ่งก็รอกันอย่างน้อย 3 นาที แต่พอไปดูสนามบินที่เปิดใช้รันเวย์เดียวอย่าง LGW อันนี้โหดมาก เขาจัดให้เครื่อง take off & landing สลับกันไปเลย แถมเครื่องที่จะ take off นั้นพอเข้าสู่รันเวย์เตรียมเร่งเครื่อง เครื่องที่กำลังจะ landing มีความสูงแค่ 1,800-2,000 ฟุตเท่านั้น
คำถามเดียวกันกับข้อ 1 ครับ คือการกำหนดระยะห่างในการ landing นั้น สนามบินที่มีความหนาแน่นสูง จะทำตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำ แต่ถ้าสนามบินไหนไม่หนาแน่นมาก จะเพิ่มระยะห่างให้สูงกว่ามาตรฐานก็ได้ และหอบังคับการบินในไทยมักเลือกวิธีนี้เพื่อความปลอดภัยใช่ไหมครับ
หอบังคับการบินในแต่ละสนามบิน มีแนวทางปฏิบัติต่างกันหรือไม่ในเรื่องระยะห่างระหว่างเครื่องบินเมื่อ take off และ landing
1. ผมสังเกตว่า สนามบินในไทย (ที่ผมดูบ่อยๆก็ BKK, HKT) มีการเว้นระยะห่างในการ take off ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสนามบินในสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ
ผมพบว่าเมื่อให้เครื่อง take off ไปแล้ว ลำต่อไปมักต้องรอจนกว่าเครื่องที่เพิ่ง take off ไปไต่ระดับถึงประมาณ 3,000 ฟุตขึ้นไป จึงจะปล่อยให้ลำต่อไป take off ได้ (ไม่ว่าจะ A320 ตามด้วย A320 หรือ A380 ตามด้วย A320 ก็ทิ้งระยะไม่ต่างกันมาก) เป็นแบบนี้ทั้งที่ BKK และ HKT ในขณะที่สนามบินในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เช่น JFK, LGA, LHR, LGW ทิ้งระยะห่างน้อยมาก ลำหน้าไต่ระดับได้ 1,100-1,300 ฟุตก็ปล่อยลำถัดไป take off ได้แล้ว คือเครื่องบินลำหน้าเพิ่งไต่ระดับพ้นเขตสนามบินก็ปล่อยลำถัดไปเลย (ถ้าเทียบระยะกับสุวรรณภูมิคือเครื่อง take off runway 02R พอพ้น Skylane ก็ปล่อยลำถัดไป take off ต่อเลย)
คือเป็นนโยบายของแต่ละสนามบินที่จะกำหนดระยะห่างให้ปลอดภัยมากกว่ามาตรฐานหรือเปล่าครับ ในขณะที่สนามบินที่เครื่องบินหนาแน่นจะกำหนดตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำไปเลย
2. ในส่วนการ landing สนามบินในไทยมักจัดระยะห่างในการลงจอดค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสนามบินในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษหลายแห่ง สัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสไปที่หาดไม้ขาวที่ภูเก็ต เลยไปดูเครื่องบินที่สนามบินซะหน่อย (พบว่าข้อมูลใน Flightradar จะช้ากว่าที่ตาเห็นเครื่องบินตรงหน้าจริงๆซัก 2-3 วินาที) แต่บางครั้งเห็นเครื่องหยุดรอจะ take off นานผิดปกติ เลยเปิด Flightradar ดูพบว่ามีเครื่องกำลังจะ landing ที่ความสูงประมาณ 2,500-3,000 ฟุต ซึ่งก็รอกันอย่างน้อย 3 นาที แต่พอไปดูสนามบินที่เปิดใช้รันเวย์เดียวอย่าง LGW อันนี้โหดมาก เขาจัดให้เครื่อง take off & landing สลับกันไปเลย แถมเครื่องที่จะ take off นั้นพอเข้าสู่รันเวย์เตรียมเร่งเครื่อง เครื่องที่กำลังจะ landing มีความสูงแค่ 1,800-2,000 ฟุตเท่านั้น
คำถามเดียวกันกับข้อ 1 ครับ คือการกำหนดระยะห่างในการ landing นั้น สนามบินที่มีความหนาแน่นสูง จะทำตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำ แต่ถ้าสนามบินไหนไม่หนาแน่นมาก จะเพิ่มระยะห่างให้สูงกว่ามาตรฐานก็ได้ และหอบังคับการบินในไทยมักเลือกวิธีนี้เพื่อความปลอดภัยใช่ไหมครับ