จากข่าวมนัส บุญจำนงค์ ได้แง่คิดว่าทั้งชายหญิง ยามเราสบาย ยามที่คนในครอบครัวลำบากไม่ควรทอดทิ้งคนในครอบครัวค่ะ

หลายคนว่าสมรักษ์ดีกว่ามนัส ตรงที่มีลูกใช้หนี้ให้ เราว่าสมรักษ์ดีตรงที่ ตอนยังรวยยังเลี้ยงดู ดูแลลูกดี
ไม่เหมือนมนัส ปัญหาสังคมคนชอบเอาตัวรอดทอดทิ้งคนในครอบครัวที่รักจริง เป็นข้อคิดว่า ยามเราสบาย หรือยามที่คนในครอบครัวลำบาก ไม่ควรทิ้งคนในครอบครัวเพราะถ้าทำแบบนี้ยามเราตกยาก อาจไม่เหลือใครช่วยค่ะ

บทความนี้เขียนดี

ไม่คิดจริงๆ ว่าสุดยอดนักมวยที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกอย่างมนัส บุญจำนงค์ จะต้องกลายเป็นพวกฉ้อโกง และเข้าไปอยู่ในเรือนจำแบบนี้

ชีวิตคนเรา มันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย

มนัส บุญจำนงค์ ชื่อนี้คือตำนานของวงการกีฬาไทย นี่คือนักกีฬาไทย "คนแรก"  ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกได้มากกว่า 1 เหรียญ

คนปกติ ได้เหรียญโอลิมปิกสักครั้ง ก็ยากแสนยากแล้ว แต่มนัส ทำได้ 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน มันแสดงให้เห็นว่า พรสวรรค์ของเขา อยู่ในระดับเทพจริงๆ

ช่วงที่มนัสลงแข่งโอลิมปิก มวยสากลใช้กฎนับหมัด ซึ่งมันเข้าทางเขามากๆ มนัสเป็นคนที่มีจังหวะเป็นเลิศ จิ้มแล้ววนออก วงแขนยาวๆ ของเขา โกยแต้มได้เป็นชิ้นเป็นอันตลอด

ในโอลิมปิก 2004 ที่เอเธนส์ มนัสลงแข่งมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รอบ 32 คนสุดท้าย จนถึงรอบชิง โดยเอาชนะคู่แข่ง "เกิน 10 หมัด" ทุกรอบ

ส่วนรอบชิง มนัสขึ้นชกกับยูเดล จอห์นสันจากคิวบา ปรากฏว่ามนัสเหนือชั้นกว่ามากๆ คู่ชกพยายามเหวี่ยงหมัด แต่มนัสโยกหลบเนียนๆ แล้วสวนโป้ง เป็นแต้มตลอด

สุดท้ายชนะไปสบายๆ 17-11 คว้าเหรียญทองรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท 64 กิโลกรัม ไปอย่างสวยหรู

1996 สมรักษ์ คำสิงห์, 2000 วิจารณ์ พลฤทธิ์ และ 2004 มนัส บุญจำนงค์ ทีมมวยสากลของไทย เก็บเหรียญทองได้ 3 โอลิมปิกติดต่อกัน

เมื่อได้เหรียญทองแล้ว มนัสกลายเป็นเศรษฐีในพริบตา เขาทำเงินได้มากกว่า 10 ล้านบาท ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ

แต่พอมีเงินมากมาย มนัสกลับปล่อยใจให้ไหลไปกับชื่อเสียงเงินทอง พริบตาเดียว ไม่ถึง 2 ปี เขาเงินหมด ครอบครัวแตกแยก หย่ากับภรรยา ชีวิตจมดิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ จนหมดสภาพฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก

อย่างไรก็ตาม โชคดีของมนัส ที่ พลเอก ทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่น ณ ขณะนั้น เอ็นดูมนัสอย่างมาก และให้โอกาสกลับมาสู่ค่ายซ้อมอีกครั้ง

มนัสเป็นคนที่เกเร ไม่มีวินัย ตอนที่เก็บตัวที่ปากช่อง ต่อหน้า พลเอกทวีป เขาก็จะทำตัวดี แต่พอนายกสมาคมกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ มนัสชอบแหกค่ายซ้อมเป็นประจำ จนสตาฟฟ์โค้ชเอือมระอาแบบสุดๆ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีวินัยต่ำมาก แต่ฝีมือของมนัสคือ "ของจริง" ในเอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา มนัสเป็นนักมวยไทยคนเดียวที่คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ

พอได้เหรียญทองที่โดฮา มนัสกลับมาสู่ลูปเดิม เขาปล่อยตัวจนน้ำหนักขึ้น และฝีมือตก ก่อนจะโดนมาซาซูกุ คาวาชิ นักมวยญี่ปุ่น ต่อยยับจนตกรอบแรกในรายการเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ที่ชิคาโก้

แต่มนัสก็กลับตัวกลับใจก่อนโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่งจะเริ่ม สุดท้ายก็เอาชนะในรอบคัดเลือก คว้าโควต้าไปโอลิมปิกได้อีกครั้ง คือถ้ามนัสจะทำ เขาทำได้เสมอ อยู่ที่เจ้าตัวจะอยากมีวินัยหรือไม่แค่นั้น

ในโอลิมปิกที่ปักกิ่ง มนัสที่ซ้อมบ้าง ไม่ซ้อมบ้าง แต่ไปไกลถึงเหรียญเงิน ลองคิดดูว่า ถ้าเขามีวินัยแบบสุดๆ เหมือนวิจารณ์ พลฤทธิ์ หรือ สมจิตร จงจอหอ เจ้าตัวจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มากกว่านี้แค่ไหน

หลังได้เหรียญเงินโอลิมปิก มนัสตกเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ตลอด แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องกีฬา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข่าวฉาวส่วนตัว

เช่น มนัสมีแฟนใหม่ ชื่อ อรุณี แต่ระหว่างเก็บตัวแอบไปนัวเนียกับภรรยาเก่า ชื่อ พจนีย์จนแฟนเก่าตั้งท้อง กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ชุลมุนแบบสุดๆ

ภรรยาเก่าให้สัมภาษณ์ว่า "ขอให้ผู้หญิงคนใหม่ที่มนัสจะแต่งงานด้วย เป็นคนสุดท้ายของคุณ จะได้ไม่มีผู้หญิงคนไหนต้องมาเสียใจอีก"

นอกจากเรื่องผู้หญิงจนได้รับฉายาจากสื่อว่า "เพลย์บอย" อีกสิ่งที่มนัสมีปัญหาอย่างรุนแรงคือเรื่องการบริหารเงิน

มนัสเล่าว่า "เรามาจากบ้านนอก เราไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ได้เงินมาก็ซื้อรถ ซื้อบ้าน เที่ยวเตร่ หมดเงินกับครอบครัว แล้วก็เพื่อนฝูง"

"พอกลับจากโอลิมปิกก็มีงานโชว์ตัว โชว์ตัวเสร็จเราก็เที่ยวต่อ มีเพื่อนฝูงเข้าหาเยอะ เราก็พากินพาเที่ยว คืนนึง 2-3 หมื่น บางทีเพื่อนยืมเงินก็ให้ไปเลย ไม่สนใจอะไร ผมเป็นคนที่ถ้ามีเงินก็พร้อมให้ ใจดีใจถึงอยู่แล้ว ไม่เคยหวงอะไรกับใคร"

สุดท้าย ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ รายได้จากเหรียญโอลิมปิก ในหลักสิบล้าน ก็ร่อยหรอจนแทบไม่เหลือเลย เพื่อนฝูงที่เคยกินเคยเที่ยว ก็หนีหน้ากันหมด

มนัสเล่าว่า "เสียใจ น้อยใจมากครับ บางครั้งเราไม่มีตังค์ เราโทรไปขอยืมเพื่อน เขาก็บอกว่าไม่มี ผมมานั่งคิดว่า ตอนเรามี เราไม่เคยหวง เวลาไปเที่ยวด้วยกัน เที่ยวเสร็จผมยังให้ตังค์ค่ารถกลับบ้านด้วยซ้ำ"

หลังจากหมดตัว มนัส หันมาประกอบอาชีพอื่นๆ เช่น ขายขนมคอนเฟล็ก และเดินสายออกรายการโทรทัศน์ พยายามรวบรวมเงินให้ได้อีกครั้ง

เขาทำหลายอาชีพ เช่น เคยลงเป็นสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรคการเมืองหนึ่ง รวมถึงพยายามผันตัวเป็นเทรนเนอร์สอนมวย

ในมุมหนึ่ง มนัสก็พยายามสู้ แต่อีกมุมหนึ่งเขาก็ก่อเรื่องก่อราวตลอด มีข่าวฉาวเยอะมากๆ

มีข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่อง ว่าเขาชอบเล่นการพนัน ไปสิงสู่ที่สนามมวย รวมถึงยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่

มีนาคม 2015 มนัสไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนที่ร้านเหล้าในย่านจตุจักร เขาพยายามลุกไปชนแก้วกับผู้หญิงรายหนึ่ง แต่โดนปฏิเสธกลับมา จนเจ้าตัวรู้สึกเสียหน้า สุดท้ายมนัสกับพวก เดินไปที่ลานจอดรถ แล้วเอาฝาเบียร์กรีดรถเบนซ์ของคนที่ปฏิเสธชนแก้ว ก่อนจะหลบหนีไป

ผู้เสียหายไปแจ้งความ สุดท้ายมนัสโดนจับ และต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณี เป็นเงิน 60,000 บาท

ตอนเรื่องนี้กลายเป็นข่าว มนัสโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า "คนเราเคยผิด แต่รับผิด ก็ไม่เสียหายหรอก ทำปัจจุบันให้ดีขึ้นก็พอ"

คดีต่อมา ที่มนัสก่อขึ้นคือ ในปี 2021 เขาอ้างกับก๊วนเพื่อนที่เตะบอลด้วยกันว่า ตัวเองได้โควต้าล็อตเตอรี่มาจำนวนหนึ่ง จากสมรักษ์ คำสิงห์ ในราคาทุน และพร้อมขายต่อให้

งวดแรก เพื่อนคนดังกล่าว จ่ายเงินให้มนัส แล้วได้ล็อตเตอรี่กลับไปจริง แต่พองวดที่ 2 และ 3 เพื่อนจ่ายเงินให้ 1.4 ล้านบาท แต่มนัสอ้างว่า "หาสลากไม่ได้" บอกว่าถูกโกงมาอีกต่อ และไม่สามารถคืนเงินให้คู่กรณีได้ สุดท้ายผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง

ไม่ใช่แค่เพื่อนคนนี้ แต่มีอีกหลายคนที่โดนหลอกแบบเดียวกัน บางรายเอาเงินให้มนัสสูงถึง 11 ล้านบาท แต่ไม่ได้ล็อตเตอรี่ตามที่คุยกัน จนต้องไล่บี้ ขู่ว่าจะแฉเละ สุดท้ายจึงได้เงินคืนมา แต่บางรายก็เงินหายไปเลย ไม่ได้คืน

มีเจ้าทุกข์ไปฟ้องตำรวจ 2 ราย และคดีถึงชั้นศาลเรียบร้อย แต่ในวันพิพากษา มนัสไม่ยอมมาตามนัด

ศาลวินิจฉัยว่า มนัสมีความผิดฐานฉ้อโกง คดีที่ 1 โดนจำคุก 1 ปี 6 เดือน และ คดีที่ 2 โดนจำคุก 1 ปี 3 เดือน รวมเป็น 2 ปี 9 เดือน แต่มนัสไม่ยอมมาศาล ทำให้มีการออกหมายจับไว้

และในวันที่ 19 ธันวาคม 2025 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้นำกำลังเข้าจับกุมมนัส ที่คอนโดมิเนียม ในจังหวัดนนทบุรี จากนั้นศาลแขวงดอนเมือง ได้ส่งเขาไปอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที

โดยมนัส กล่าวทิ้งท้ายว่า "วันนี้จะมีการชิงแชมป์มวยซีเกมส์ 12 รุ่น ไม่น่าถูกจับวันนี้ อดเชียร์มวยเลย"

บทสรุปของมนัส บุญจำนงค์ เจ้าของเหรียญโอลิมปิก 2 เหรียญ ที่ครั้งหนึ่งเป็นขวัญใจชาวไทย นอกจากจะถังแตกแล้ว เขากลายเป็นพวกฉ้อโกง และต้องลงเอยอยู่ที่เรือนจำ

ใครจะไปเชื่อว่า คนที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น และมีเงินทองหลายสิบล้าน จะต้องมาลงเอยด้วยรูปแบบนี้ ชีวิตมันพลิกผันจริงๆ

สำหรับนักกีฬาเหรียญโอลิมปิกนั้น เมื่อคุณสร้างชื่อเสียงกลับมาให้ประเทศชาติ ก็จะได้รางวัลมหาศาลหลายล้าน และชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ เป็นการตอบแทนความพยายามนั้น

อย่างไรก็ตาม มันอยู่ที่ความคิด และสมอง ของแต่ละคน ว่าจะเอาสิ่งที่ได้รับไปทำอะไร

บางคน เอาเงิน และชื่อเสียง ไปต่อยอดเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น

แต่ก็มีบางคน เอาเงินที่ได้ ไปล้างผลาญแบบสามล้อถูกหวย และเอาชื่อเสียง ไปหลอกให้ชาวบ้านเชื่อใจ แล้วก็ไปโกงเขา

ฮีโร่โอลิมปิกบางคน ถูกยกย่องอย่างน่าเคารพจนถึงวันนี้ ส่วนบางคนก็กลายเป็นอย่างมนัสนี่ล่ะครับ

เพราะสุดท้ายแล้วมันคือชีวิตของคุณ มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเลือกเส้นทางได้ อุตส่าห์มีโอกาสดีมากแล้วแท้ๆ แต่ถ้ายังกล้าเลือกทางหายนะอีก ก็ยอมใจจริงๆ

#whatashame

---------------------

ขอบคุณบทความ โดย Singha ผู้สนับสนุนที่อยู่กับวิเคราะห์บอลจริงจังมาอย่างยาวนานนะครับ รักสิงห์เสมอครับผม #ถ้าใจบอกว่าใช่แล้วรออะไร

ขอบคุณบทความจาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่