ฟองสบู่ AI กำลังจะแตก ดูจากราคาRAM ที่สูงขึ้น จีนสะสมแร่ทอง เงิน และแรร์เอิร์ท บีบให้ขาดแคลนแล้วปั่นราคาให้สูงขึ้น

การที่จีนเริ่มใช้ "อาวุธทางทรัพยากร" อย่างเข้มข้นขึ้น จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจทำให้
ฟองสบู่ AI และ IT ในซีกโลกตะวันตกปรับฐานอย่างรุนแรง หรือที่เรียกว่า "ฟองสบู่แตก" ได้เลยครับ
ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2568 (2025) ชี้ให้เห็นว่าสัญญาณเหล่านี้เริ่มปรากฏขึ้นแล้ว
โดยเฉพาะนโยบายใหม่ของจีนที่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2569

💎 1. สงครามแร่ธาตุ: เมื่อ "วิตามินของอุตสาหกรรม" กลายเป็นตัวประกัน
แร่ Rare Earths และเงิน (Silver) คือหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี AI และ Data Center:
Silver (เงิน): จีนประกาศว่าจะเริ่มคุมเข้มการส่งออกเงินผ่านระบบใบอนุญาตใหม่ใน มกราคม 2569 (Source 2.3)
ซึ่งเงินเป็นส่วนประกอบสำคัญในแผงวงจรและอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ การขาดแคลนจะทำให้ต้นทุนการผลิตฮาร์ดแวร์พุ่งสูงขึ้นทันที
Rare Earths (แร่หายาก): จีนครองการแปรรูปแร่เหล่านี้กว่า 85-90% ของโลก (Source 5.3) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงในระบบหล่อเย็นของ AI Server และชิปขั้นสูง หากจีนบีบซัพพลาย ต้นทุนของบริษัทอย่าง NVIDIA, Dell หรือ HP จะพุ่งขึ้นมหาศาล
📉 2. กลไกที่จะทำให้ฟองสบู่ AI และ IT "แตก"
ฟองสบู่จะแตกเมื่อ "ความคาดหวัง" สวนทางกับ "ความเป็นจริง" โดยมีปัจจัยบวก (Negative Catalysts) ดังนี้:
Margin Squeeze (กำไรถูกบีบ): เมื่อต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น แต่บริษัทเทคโนโลยีไม่สามารถผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าได้ทั้งหมด
กำไรจะลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เทรดบน P/E สูง ๆ ถูกขายทิ้ง
Lead Time ที่ยาวนานขึ้น: ข้อมูลจาก Gartner (ธ.ค. 2568) ระบุว่าการคุมเข้มของจีนเริ่มส่งผลให้ระยะเวลาส่งมอบ (Lead Time) อุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ยาวนานขึ้น (Source 3.2) หากบริษัท AI ไม่สามารถขยายระบบได้ตามแผน รายได้ที่คาดหวังไว้ก็จะหายไป
การดึงสภาพคล่องกลับ: การที่จีนสะสมทองคำและเงิน (ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 100% ในปี 2568) ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง (Growth Stocks) เข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย (Hard Assets) มากขึ้น
🇨🇳 3. "เกราะกำบัง" ของจีน vs. ความเสี่ยงของตะวันตก
สิ่งที่น่าสนใจคือ จีนอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าในเกมนี้:
ต้นทุนภายในที่ถูกกว่า: จีนคุมต้นทุนวัตถุดิบเองได้ ทำให้บริษัท AI ของจีน (เช่น Baidu, Alibaba) อาจได้เปรียบด้านต้นทุนเหนือคู่แข่งในสหรัฐฯ
การพึ่งพาตนเอง: จีนพยายามแยกห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) มาตลอดหลายปี ทำให้ระบบนิเวศ IT ของจีนเริ่มมีความเป็นอิสระจากตะวันตกมากขึ้น (Source 4.1)

📊 ตารางสรุปความเสี่ยงในปี 2026
ปัจจัย                                              ผลกระทบต่อ AI/IT                                      โอกาสเกิด
จีนคุมการส่งออกเงิน (Jan 2026)    ต้นทุนแผงวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พุ่ง    สูงมาก (90%)
Rare Earth Shortage                     การผลิตชิปและเซิร์ฟเวอร์หยุดชะงัก/ล่าช้า        ปานกลาง-สูง (70%)
ทองคำแตะระดับ New High            เงินไหลจากตลาดหุ้นเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย     สูง (80%)

นอกจากนี้มีข่าว จีนยกเลิก ดีลซื้อข้าวสาลี จากสหรัฐ 18 ธ.ค.2568 เพราะไต้หวันซื้ออาวุธจากสหรัฐ
จีนออกแถลงการณ์ประณามทันที โดยเรียกว่าเป็นการกระทำที่ "อันตราย" และละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างร้ายแรง
พร้อมขู่ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรง

การเสริมอาวุธหนักให้ไต้หวันและการตอบโต้จากจีน เพิ่มความเสี่ยงของ "การปะทะทางทหาร"
ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะกระทบต่อ เส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้า และ การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ของตลาดAIอย่างรุนแรง
ค่าเงินดอลลาร์และหยวน: ความตึงเครียดนี้ทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลง และนักลงทุนเริ่มหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่างทองคำมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่