: Carry-On (2024) : หนังรักสายการบินที่ไม่ได้มีดีแค่นักแสดงนำ แต่มีอะไรมากกว่าที่คิด!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังที่เพิ่งได้ดูมาสดๆ ร้อนๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ ชื่อเรื่องว่า "Carry-On" ครับ เป็นหนังที่เห็นโปสเตอร์แล้วก็เอ๊ะ! ทำไมดูคุ้นๆ หน้าจัง พอเห็นรายชื่อนักแสดงนี่ร้องอ๋อเลย เพราะมีทั้ง Osy Ikhile ที่เคยดูใน "Heartstopper" ซีซั่นหลังๆ และ Taron Egerton ที่เราคุ้นเคยจากบทบาทสายลับใน "Kingsman" นั่นเองครับ แค่เห็นสองคนนี้มาร่วมงานกันก็รู้สึกว่าน่าสนใจแล้วครับ ยิ่งพอรู้ว่าเป็นหนังรักสายการบิน ยิ่งนึกภาพบรรยากาศอบอุ่นๆ ฟินๆ ดูสบายๆ ไปอีก
เปิดเรื่องมาก็พาเราไปเจอ Ethan (รับบทโดย Taron Egerton) ชายหนุ่มที่ชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงครับ เขากำลังจะแต่งงาน แล้วก็กำลังจะย้ายไปอยู่กับว่าที่ภรรยา แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุและต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทำให้ Ethan ต้องตัดสินใจเลื่อนงานแต่งงานออกไป และต้องรีบเดินทางกลับไปดูแลพ่อทันทีครับ ปัญหาคือตั๋วเครื่องบินเต็มหมดแล้วครับ หาที่ไหนก็ไม่มี!
ในสถานการณ์คับขันแบบนี้เองครับ ที่ Ethan ได้เจอกับ L.C. (รับบทโดย Osy Ikhile) ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจะเดินทางไปนิวยอร์กเช่นกันครับ แต่ L.C. กลับมีตั๋วเครื่องบินที่ว่างอยู่ ซึ่งเป็นที่นั่งที่ Ethan ตามหามาทั้งวัน! ด้วยความจำเป็นและสถานการณ์ที่บีบคั้น Ethan ก็เลยต้องยอมที่จะแชร์ที่นั่งกับ L.C. ครับ แหม แค่จุดเริ่มต้นก็ชวนลุ้นแล้วนะครับว่าสองหนุ่มต่างบุคลิกจะมาเจออะไรกันบนเครื่องบิน
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครครับ ในตอนแรก Ethan กับ L.C. นี่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้เลยครับ Ethan เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นห่วงครอบครัวมากๆ ส่วน L.C. ก็ดูเหมือนจะเป็นคนสบายๆ มีความเป็นอิสระสูง แต่การต้องมาใช้เวลาด้วยกันบนเครื่องบินที่เดินทางไกลๆ เนี่ยแหละครับ คือจุดที่ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้เปิดใจคุยกันมากขึ้น ได้เห็นมุมมองชีวิตที่แตกต่างกัน
บทสนทนาระหว่าง Ethan กับ L.C. นี่เป็นอะไรที่ละเมียดละไมมากๆ ครับ ผู้กำกับใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาได้ดี ทำให้เราเห็นพัฒนาการของความรู้สึกของทั้งคู่ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ ไม่ได้เร่งรีบ หรือดูยัดเยียดจนเกินไป เราจะได้เห็นโมเมนต์ที่พวกเขาเริ่มเปิดเผยความในใจ เริ่มปรึกษาปัญหากัน และเริ่มที่จะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
Taron Egerton นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ฝีมือเขาไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ ในบท Ethan เราจะเห็นความทุ่มเท ความกังวล ความสับสนของเขาได้อย่างชัดเจนครับ การแสดงออกทางสีหน้า แววตา เขาถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้หมดเปลือกจริงๆ ครับ ส่วน Osy Ikhile ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ เขาสามารถถ่ายทอดความเป็น L.C. ที่ดูมีความลึกลับในตัวเอง แต่ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ได้อย่างน่าค้นหาครับ เคมีของทั้งคู่ก็เข้ากันมากๆ ครับ เล่นด้วยกันแล้วดูลงตัว ดูเชื่อได้ว่าสองคนนี้จะตกหลุมรักกันได้จริงๆ
นอกจากเรื่องราวความรักที่น่าติดตามแล้ว หนังเรื่องนี้ยังพาเราไปสำรวจประเด็นเรื่องครอบครัว การยอมรับตัวเอง และการค้นหาความสุขในชีวิตด้วยครับ Ethan ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากครอบครัว และต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ในขณะที่ L.C. เองก็มีเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาต้องคิดทบทวนถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองเช่นกันครับ
ผมชอบที่หนังไม่ได้เน้นแค่ฉากโรแมนติกหวานๆ อย่างเดียวครับ แต่ยังสอดแทรกประเด็นที่ทำให้คนดูได้คิดตามไปด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้มีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่หนังรักที่ดูแล้วเพลินๆ แต่ยังได้ข้อคิดกลับไปด้วยครับ ฉากที่ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องความฝัน เรื่องความกลัว เรื่องความคาดหวังจากคนรอบข้าง มันโดนใจผมมากๆ ครับ
บรรยากาศของหนังก็ดีครับ ได้เห็นภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ ของเมืองต่างๆ จากบนเครื่องบิน รวมถึงฉากในนิวยอร์กที่ดูมีชีวิตชีวา ก็ยิ่งเสริมให้หนังดูน่าดูยิ่งขึ้นครับ ดนตรีประกอบก็เข้ากับอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดีครับ มีทั้งเพลงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ และเพลงที่ช่วยเสริมให้ฉากโรแมนติกดูซาบซึ้งมากขึ้น
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังรักที่ดูแล้วไม่เครียดจนเกินไป มีทั้งความอบอุ่น ความซึ้ง และข้อคิดดีๆ แนะนำ "Carry-On" เลยครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกดี รู้สึกอยากจะโอบกอดคนที่เรารัก และอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตัวเองครับ
โดยรวมแล้วผมให้คะแนน "Carry-On" อยู่ที่ประมาณ 8/10 ครับ เป็นหนังที่ดูเพลินๆ นักแสดงนำแสดงได้ดี บทพูดน่าสนใจ และมีประเด็นให้คิดตามครับ ถึงแม้ว่าบางช่วงอาจจะเดาทางได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของหนังลดลงไปเลยครับ เป็นอีกหนึ่งหนังรักสายการบินที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองหามาดูกันครับ หวังว่ารีวิวของผมจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ!
Carry-On (2024) : หนังรักสายการบินที่ไม่ได้มีดีแค่นักแสดงนำ แต่มีอะไรมากกว่าที่คิด!
: Carry-On (2024) : หนังรักสายการบินที่ไม่ได้มีดีแค่นักแสดงนำ แต่มีอะไรมากกว่าที่คิด!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังที่เพิ่งได้ดูมาสดๆ ร้อนๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ ชื่อเรื่องว่า "Carry-On" ครับ เป็นหนังที่เห็นโปสเตอร์แล้วก็เอ๊ะ! ทำไมดูคุ้นๆ หน้าจัง พอเห็นรายชื่อนักแสดงนี่ร้องอ๋อเลย เพราะมีทั้ง Osy Ikhile ที่เคยดูใน "Heartstopper" ซีซั่นหลังๆ และ Taron Egerton ที่เราคุ้นเคยจากบทบาทสายลับใน "Kingsman" นั่นเองครับ แค่เห็นสองคนนี้มาร่วมงานกันก็รู้สึกว่าน่าสนใจแล้วครับ ยิ่งพอรู้ว่าเป็นหนังรักสายการบิน ยิ่งนึกภาพบรรยากาศอบอุ่นๆ ฟินๆ ดูสบายๆ ไปอีก
เปิดเรื่องมาก็พาเราไปเจอ Ethan (รับบทโดย Taron Egerton) ชายหนุ่มที่ชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงครับ เขากำลังจะแต่งงาน แล้วก็กำลังจะย้ายไปอยู่กับว่าที่ภรรยา แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุและต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทำให้ Ethan ต้องตัดสินใจเลื่อนงานแต่งงานออกไป และต้องรีบเดินทางกลับไปดูแลพ่อทันทีครับ ปัญหาคือตั๋วเครื่องบินเต็มหมดแล้วครับ หาที่ไหนก็ไม่มี!
ในสถานการณ์คับขันแบบนี้เองครับ ที่ Ethan ได้เจอกับ L.C. (รับบทโดย Osy Ikhile) ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจะเดินทางไปนิวยอร์กเช่นกันครับ แต่ L.C. กลับมีตั๋วเครื่องบินที่ว่างอยู่ ซึ่งเป็นที่นั่งที่ Ethan ตามหามาทั้งวัน! ด้วยความจำเป็นและสถานการณ์ที่บีบคั้น Ethan ก็เลยต้องยอมที่จะแชร์ที่นั่งกับ L.C. ครับ แหม แค่จุดเริ่มต้นก็ชวนลุ้นแล้วนะครับว่าสองหนุ่มต่างบุคลิกจะมาเจออะไรกันบนเครื่องบิน
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครครับ ในตอนแรก Ethan กับ L.C. นี่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้เลยครับ Ethan เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นห่วงครอบครัวมากๆ ส่วน L.C. ก็ดูเหมือนจะเป็นคนสบายๆ มีความเป็นอิสระสูง แต่การต้องมาใช้เวลาด้วยกันบนเครื่องบินที่เดินทางไกลๆ เนี่ยแหละครับ คือจุดที่ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้เปิดใจคุยกันมากขึ้น ได้เห็นมุมมองชีวิตที่แตกต่างกัน
บทสนทนาระหว่าง Ethan กับ L.C. นี่เป็นอะไรที่ละเมียดละไมมากๆ ครับ ผู้กำกับใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาได้ดี ทำให้เราเห็นพัฒนาการของความรู้สึกของทั้งคู่ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ ไม่ได้เร่งรีบ หรือดูยัดเยียดจนเกินไป เราจะได้เห็นโมเมนต์ที่พวกเขาเริ่มเปิดเผยความในใจ เริ่มปรึกษาปัญหากัน และเริ่มที่จะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
Taron Egerton นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ฝีมือเขาไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ ในบท Ethan เราจะเห็นความทุ่มเท ความกังวล ความสับสนของเขาได้อย่างชัดเจนครับ การแสดงออกทางสีหน้า แววตา เขาถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้หมดเปลือกจริงๆ ครับ ส่วน Osy Ikhile ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ เขาสามารถถ่ายทอดความเป็น L.C. ที่ดูมีความลึกลับในตัวเอง แต่ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ได้อย่างน่าค้นหาครับ เคมีของทั้งคู่ก็เข้ากันมากๆ ครับ เล่นด้วยกันแล้วดูลงตัว ดูเชื่อได้ว่าสองคนนี้จะตกหลุมรักกันได้จริงๆ
นอกจากเรื่องราวความรักที่น่าติดตามแล้ว หนังเรื่องนี้ยังพาเราไปสำรวจประเด็นเรื่องครอบครัว การยอมรับตัวเอง และการค้นหาความสุขในชีวิตด้วยครับ Ethan ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากครอบครัว และต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ในขณะที่ L.C. เองก็มีเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาต้องคิดทบทวนถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองเช่นกันครับ
ผมชอบที่หนังไม่ได้เน้นแค่ฉากโรแมนติกหวานๆ อย่างเดียวครับ แต่ยังสอดแทรกประเด็นที่ทำให้คนดูได้คิดตามไปด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้มีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่หนังรักที่ดูแล้วเพลินๆ แต่ยังได้ข้อคิดกลับไปด้วยครับ ฉากที่ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องความฝัน เรื่องความกลัว เรื่องความคาดหวังจากคนรอบข้าง มันโดนใจผมมากๆ ครับ
บรรยากาศของหนังก็ดีครับ ได้เห็นภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ ของเมืองต่างๆ จากบนเครื่องบิน รวมถึงฉากในนิวยอร์กที่ดูมีชีวิตชีวา ก็ยิ่งเสริมให้หนังดูน่าดูยิ่งขึ้นครับ ดนตรีประกอบก็เข้ากับอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดีครับ มีทั้งเพลงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ และเพลงที่ช่วยเสริมให้ฉากโรแมนติกดูซาบซึ้งมากขึ้น
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังรักที่ดูแล้วไม่เครียดจนเกินไป มีทั้งความอบอุ่น ความซึ้ง และข้อคิดดีๆ แนะนำ "Carry-On" เลยครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกดี รู้สึกอยากจะโอบกอดคนที่เรารัก และอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตัวเองครับ
โดยรวมแล้วผมให้คะแนน "Carry-On" อยู่ที่ประมาณ 8/10 ครับ เป็นหนังที่ดูเพลินๆ นักแสดงนำแสดงได้ดี บทพูดน่าสนใจ และมีประเด็นให้คิดตามครับ ถึงแม้ว่าบางช่วงอาจจะเดาทางได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของหนังลดลงไปเลยครับ เป็นอีกหนึ่งหนังรักสายการบินที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองหามาดูกันครับ หวังว่ารีวิวของผมจะเป็นประโยชน์นะครับ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ!