🚩 "รายได้หลักแสน แต่เงินเก็บหลักศูนย์" ... กับดักที่เรียกว่า Lifestyle Inflation
ยิ่งหาได้มาก ยิ่งใช้เก่ง นี่คือ "ความสามารถพิเศษ" ของมนุษย์ที่น่ากลัวที่สุด
หลายคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต พอถึงวันที่รายได้ขยับขึ้น สิ่งแรกที่เราคิดคือ "ฉันควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าเดิม" ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเลยครับ! การขยับคุณภาพชีวิตตามความเหมาะสมคือรางวัลของคนเก่ง
แต่เส้นกั้นบางๆ ระหว่าง "ความสุข" กับ "ความประมาท" คือการวางแผน
💸 เมื่อคำว่า "ไหว" กลายเป็นกับดัก
ในวันที่เงินเดือนขึ้น หรือธุรกิจไปได้สวย เรามักจะเผลออัปเกรดทุกอย่างพร้อมกัน:
จากบ้านที่อยู่สบาย ➡️ ต้องเป็นบ้านหรูในโครงการดัง
จากรถที่ใช้งานดี ➡️ ต้องเป็นรถยุโรปเพื่อภาพลักษณ์
จากโรงเรียนทั่วไป ➡️ ต้องเป็นอินเตอร์ค่าเทอมเหยียบหมื่นเหยียบแสน
เราบอกตัวเองว่า "ฉันหาได้ ฉันจ่ายไหว" แต่สิ่งที่เรามักลืมคำนวณคือ "ค่าส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมานี้ เราต้องจ่ายมันไปอีกกี่ปี?" และที่สำคัญคือ เราไม่ได้แบ่งส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นไปออมหรือลงทุนเลย
⚠️ วันที่ "ไม่เป็นอย่างที่คิด" ... คุณจะเลือกทางไหน?
ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนครับ วันที่รายได้หดหาย หรือวิกฤตเศรษฐกิจมาเยือน Lifestyle Inflation จะทิ้งภาระก้อนโตไว้ให้คุณ และเมื่อถึงตอนนั้น คุณจะเหลือทางเลือกเพียง 2 ทาง:
ยอม "ลด" มาตรฐานชีวิตลง: ซึ่งทำใจยากมาก เพราะเราชินกับความสบายไปแล้ว การต้องขายรถ ลดขนาดบ้าน หรือย้ายโรงเรียนลูก คือความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างรุนแรง
กู้หนี้มายื้อเวลา: นี่คือจุดเริ่มต้นของวงจรนรก (Debt Spiral) กู้มาโปะเพื่อให้คนอื่นยังเห็นว่าเรา "ดูดี" เหมือนเดิม แต่ข้างในพังทลาย
🌱 เปลี่ยน "เงินที่หาได้เพิ่ม" ให้กลายเป็น "อิสรภาพ"
แทนที่จะเอาเงินที่เพิ่มขึ้นไปถมกับ "สินทรัพย์ที่เสื่อมค่า" ลองเปลี่ยนกลยุทธ์ดูไหมครับ?
กฎ 50/50: เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ให้รางวัลตัวเองได้ 50% ส่วนอีก 50% ต้องนำไปออมหรือลงทุนทันที
สะสมสินทรัพย์ที่ผลิตเงิน: เปลี่ยนจากรถหรู เป็นพอร์ตหุ้นที่ปันผล หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยเช่าได้
สร้าง Buffer ก่อนสร้างหนี้: ก่อนจะอัปเกรดไลฟ์สไตล์ ตรวจสอบดูว่าเงินสำรองฉุกเฉินของคุณครอบคลุมรายจ่ายใหม่นี้ได้กี่เดือน
จำไว้ว่า: ความรวยที่แท้จริง ไม่ได้วัดจากสิ่งที่คุณ "โชว์" แต่จากสิ่งที่คุณ "เหลือ" ในวันที่คุณหยุดทำงาน
อย่าให้ความเก่งในการหาเงินของคุณ ถูกทำลายด้วยความไม่ระวังในการใช้เงินเลยครับ
#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin
"รายได้หลักแสน แต่เงินเก็บหลักศูนย์" ... กับดักที่เรียกว่า Lifestyle Inflation
ยิ่งหาได้มาก ยิ่งใช้เก่ง นี่คือ "ความสามารถพิเศษ" ของมนุษย์ที่น่ากลัวที่สุด
หลายคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต พอถึงวันที่รายได้ขยับขึ้น สิ่งแรกที่เราคิดคือ "ฉันควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าเดิม" ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเลยครับ! การขยับคุณภาพชีวิตตามความเหมาะสมคือรางวัลของคนเก่ง
แต่เส้นกั้นบางๆ ระหว่าง "ความสุข" กับ "ความประมาท" คือการวางแผน
💸 เมื่อคำว่า "ไหว" กลายเป็นกับดัก
ในวันที่เงินเดือนขึ้น หรือธุรกิจไปได้สวย เรามักจะเผลออัปเกรดทุกอย่างพร้อมกัน:
จากบ้านที่อยู่สบาย ➡️ ต้องเป็นบ้านหรูในโครงการดัง
จากรถที่ใช้งานดี ➡️ ต้องเป็นรถยุโรปเพื่อภาพลักษณ์
จากโรงเรียนทั่วไป ➡️ ต้องเป็นอินเตอร์ค่าเทอมเหยียบหมื่นเหยียบแสน
เราบอกตัวเองว่า "ฉันหาได้ ฉันจ่ายไหว" แต่สิ่งที่เรามักลืมคำนวณคือ "ค่าส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมานี้ เราต้องจ่ายมันไปอีกกี่ปี?" และที่สำคัญคือ เราไม่ได้แบ่งส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นไปออมหรือลงทุนเลย
⚠️ วันที่ "ไม่เป็นอย่างที่คิด" ... คุณจะเลือกทางไหน?
ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนครับ วันที่รายได้หดหาย หรือวิกฤตเศรษฐกิจมาเยือน Lifestyle Inflation จะทิ้งภาระก้อนโตไว้ให้คุณ และเมื่อถึงตอนนั้น คุณจะเหลือทางเลือกเพียง 2 ทาง:
ยอม "ลด" มาตรฐานชีวิตลง: ซึ่งทำใจยากมาก เพราะเราชินกับความสบายไปแล้ว การต้องขายรถ ลดขนาดบ้าน หรือย้ายโรงเรียนลูก คือความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างรุนแรง
กู้หนี้มายื้อเวลา: นี่คือจุดเริ่มต้นของวงจรนรก (Debt Spiral) กู้มาโปะเพื่อให้คนอื่นยังเห็นว่าเรา "ดูดี" เหมือนเดิม แต่ข้างในพังทลาย
🌱 เปลี่ยน "เงินที่หาได้เพิ่ม" ให้กลายเป็น "อิสรภาพ"
แทนที่จะเอาเงินที่เพิ่มขึ้นไปถมกับ "สินทรัพย์ที่เสื่อมค่า" ลองเปลี่ยนกลยุทธ์ดูไหมครับ?
กฎ 50/50: เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น ให้รางวัลตัวเองได้ 50% ส่วนอีก 50% ต้องนำไปออมหรือลงทุนทันที
สะสมสินทรัพย์ที่ผลิตเงิน: เปลี่ยนจากรถหรู เป็นพอร์ตหุ้นที่ปันผล หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยเช่าได้
สร้าง Buffer ก่อนสร้างหนี้: ก่อนจะอัปเกรดไลฟ์สไตล์ ตรวจสอบดูว่าเงินสำรองฉุกเฉินของคุณครอบคลุมรายจ่ายใหม่นี้ได้กี่เดือน
จำไว้ว่า: ความรวยที่แท้จริง ไม่ได้วัดจากสิ่งที่คุณ "โชว์" แต่จากสิ่งที่คุณ "เหลือ" ในวันที่คุณหยุดทำงาน
อย่าให้ความเก่งในการหาเงินของคุณ ถูกทำลายด้วยความไม่ระวังในการใช้เงินเลยครับ
#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin