KEY POINTS
Meta ดำเนินการเชิงรุกในไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยลบเนื้อหาหลอกลวงบน Facebook ไปกว่า 7.3 ล้านชิ้น และปิดบัญชีปลอมนับหมื่นก่อนผู้ใช้รายงาน
เปิดโปงเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกลวงเหยื่อในไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก
มิจฉาชีพเริ่มใช้ AI สร้าง Deepfake คนดังเพื่อหลอกลงทุน แต่ Meta ได้พัฒนา AI Firewall และระบบจดจำใบหน้าเพื่อสกัดกั้นได้ทันท่วงที
Meta ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดีย เผยรายงานสถานการณ์ภัยคุกคามล่าสุด ครึ่งปีแรก เดินหน้า กวาดล้างมิจฉาชีพ ครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทย โดยสามารถสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและ มิจฉาชีพออนไลน์ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI Deepfake ในการหลอกลวงประชาชน เผยสถิติในไทยมีการลบเนื้อหาอันตรายออกไปแล้วกว่า 7 ล้านรายการ
Meta ปิดบัญชีปลอม มิจฉาชีพออนไลน์ในไทย และโฆษณาเถื่อนนับล้าน
ในรายงานการจัดการภัยคุกคามเชิงรุก (Adversarial Threat Report) ระบุชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ Meta ให้ความสำคัญในการปราบปรามการฉ้อโกงอย่างเข้มข้น โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ ดังนี้
กวาดล้างเนื้อหาขยะ: มีการลบเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายฉ้อโกงบน Facebook สูงถึง 7.3 ล้านชิ้น และบน Instagram กว่า 15,000 ชิ้น โดยระบบสามารถตรวจจับและลบออกได้เองถึง 99% ก่อนที่จะมีผู้ใช้กดรายงานเข้ามา
กวาดล้างบัญชีต้องสงสัย: สั่งปิดบัญชีผู้ใช้ต้องสงสัยบน Facebook กว่า 66,000 บัญชี และ Instagram 24,000 บัญชี
คุมเข้มตลาดซื้อขาย: แบนประกาศขายของใน Marketplace ที่เข้าข่ายหลอกลวงกว่า 18,000 รายการ
สกัดโฆษณาอันตราย: ลบโฆษณาที่ผิดกฎกว่า 380,000 ชิ้น และแบนบัญชีโฆษณาอีก 3,000 บัญชีตั้งแต่ต้นทาง
Meta ปิดบัญชีปลอม มิจฉาชีพออนไลน์ในไทย และโฆษณาเถื่อนนับล้าน
รู้ทันกลโกงข้ามชาติ จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์สู่ "เครือข่ายแอบอ้างรัฐ"
รายงานยังเปิดโปงพฤติกรรมของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา ซึ่งเป็นภัยคุกคามหลักของภูมิภาคนี้ โดยระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม 2568 Meta ได้ลบทรัพย์สินทางดิจิทัลของเครือข่ายดังกล่าวกว่า 6,400 รายการ ซึ่งรูปแบบของ มิจฉาชีพออนไลน์ กลุ่มนี้มีความซับซ้อนขึ้น โดยมักจะ
แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่: ปลอมตัวเป็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและข่มขู่เหยื่อ
กดดันเหยื่อ ต้อนจนมุม: พยายามกดดันให้เหยื่อสนทนาผ่านแอปพลิเคชันแชทที่เข้ารหัส หรือใช้ช่องทางชำระเงินทางเลือกที่ตรวจสอบยาก
ใช้ระบบอัตโนมัติ: ใช้เทมเพลตและบอทในการหว่านล้อมเหยื่อจำนวนมากพร้อมกัน
เป้าหมายหลักของขบวนการนี้ครอบคลุมทั้ง ไทย ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ได้ยกระดับการทำงานเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบ
Meta ปิดบัญชีปลอม มิจฉาชีพออนไลน์ในไทย และโฆษณาเถื่อนนับล้าน
AI กลายเป็นอาวุธของสแกมเมอร์
เทรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดคือการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทั้งฝั่งผู้ร้ายและผู้ป้องกัน
ฝั่งมิจฉาชีพ: มีการตรวจพบการใช้ AI สร้างวิดีโอ AI Deepfake โดยนำใบหน้าบุคคลที่มีชื่อเสียงมาตัดต่อเพื่อโปรโมตเว็บพนันหรือ หลอกลงทุน (พบมากในอินเดียและออสเตรเลีย) รวมถึงการใช้ AI ช่วยแปลภาษาเพื่อสร้างประกาศรับสมัครงานหลอกลวงที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ฝั่ง Meta: ตอบโต้ด้วยเทคโนโลยี Llama Firewall และเฟรมเวิร์ก Rule of Two เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมผิดปกติของ AI Agents รวมถึงการใช้ระบบจดจำใบหน้า ซึ่งมีบุคคลสาธารณะเข้าร่วมโครงการเกือบ 500,000 คน ส่งผลให้ยอดรายงานโฆษณาหลอกลวงที่ใช้คนดังเป็นเหยื่อล่อลดลงถึง 22% ทั่วโลก
ทั้งนี้ นอกจากการใช้เทคโนโลยีแล้ว Meta ยังเน้นย้ำความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น การสนับสนุนข้อมูลให้ตำรวจสิงคโปร์จับกุมเครือข่ายฉ้อโกง และการเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษปราบปรามศูนย์สแกมเมอร์ (Scam Center Strike Force) กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
ไทยผนึก Meta และ FBI ปราบ "เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ" ทั่วอาเซียน
KEY POINTS
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ร่วมมือกับ Meta, FBI และหน่วยงานตำรวจสากล เปิดปฏิบัติการ Joint Disruption Week ในไทย
สั่งปิดเพจปลอมและบัญชีเสี่ยงกว่า 59,000 รายการ พร้อมสกัดกั้นโฆษณาหลอกลวงได้เฉลี่ย 4,000 รายการต่อวัน
ระบุตัวผู้ต้องสงสัยระดับแกนนำ 6 ราย เชื่อมโยงขบวนการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ในกัมพูชา เตรียมขยายผลจับกุมทันที
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้ามาตรการเชิงรุกในการจัดการปัญหาภัยไซเบอร์ ล่าสุด ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ประกาศความสำเร็จในการร่วมมือกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Meta และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากนานาชาติ
เพื่อ ปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผลจากปฏิบัติการสามารถกวาดล้างบัญชีเสี่ยงและเพจปลอมได้จำนวนมหาศาล
ปฏิบัติการ Joint Disruption Week ปราบสแกมเมอร์
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ทางศูนย์ ACSC ได้ยกระดับการทำงานสู่มาตรฐานสากลผ่านปฏิบัติการพิเศษ "Joint Disruption Week" ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ
Meta (ผู้ให้บริการ Facebook)
สหรัฐอเมริกา: หน่วยปฏิบัติการ U.S. Scam Center Strike Force, FBI, สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) และหน่วยข่าวกรอง (US Secret Service)
ออสเตรเลีย: สำนักงานตำรวจสหพันธ์ (AFP) และหน่วยข่าวกรองอาชญากรรมแห่งชาติ (ACIC)
สหราชอาณาจักร: หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ (NCA)
สิงคโปร์: กองกำลังตำรวจสิงคโปร์ (SPF)
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของไทยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก (Intelligence Sharing) เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงินและรูปแบบการหลอกลวงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
เปิดสถิติ ปิดเพจปลอม 5.9 หมื่นรายการ-ล็อกเป้าสแกมเมอร์
ผลจากการบูรณาการข้อมูลและความเชี่ยวชาญระหว่าง ACSC และพันธมิตร นำไปสู่การดำเนินการกวาดล้าง อาชญากรรมออนไลน์ ที่เป็นรูปธรรมและรวดเร็ว โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
ล้างบางเพจอันตราย: ดำเนินการลบ เพจปลอม และบัญชี Facebook ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า 59,000 รายการ โดยเฉพาะบัญชีที่เชื่อมโยงกับกระบวนการฟอกเงินและการประกาศรับสมัครงานผิดกฎหมาย
สกัดกั้นโฆษณาหลอกลวง: พัฒนาระบบตรวจจับร่วมกับ Meta ทำให้สามารถบล็อกโฆษณาหลอกลวงได้มากกว่า 4,000 รายการต่อวัน ช่วยลดโอกาสที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อ
ระบุตัวคนร้าย: สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยระดับสั่งการได้ 6 ราย รวมถึงเครือข่ายนายหน้าจัดหางานที่ส่งคนไปทำงานกับแก๊ง สแกมเมอร์ ในกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมดำเนินการจับกุมทันที
ยกระดับไทยสู่ผู้นำปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทความเป็นผู้นำของประเทศไทยในการต่อสู้กับภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ โดย Meta ในฐานะแพลตฟอร์มพันธมิตร ได้แสดงความชื่นชมและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
สำหรับแผนงานในอนาคต ปี 2026 ศูนย์ ACSC เตรียมขยายความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างเครือข่ายความปลอดภัยที่ครอบคลุม และมุ่งมั่นที่จะ ปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชนไทยและทั่วโลก
เปิดรายงาน Meta ครึ่งปี 68 ลบเนื้อหาหลอกลวงในไทยกว่า 7.3 ล้านชิ้น