
- กะว่าจะไม่เอ่ยถึงแล้วในเมื่อตัวหนังได้เข้าและออกจากโรงไปพร้อมกับกระแสน้ำท่วมหวยคัวที่มาพรากโอกาสการดูรวมถึงแคมเปญอื่นที่เข้ามาให้ร่วมขณะนั้นไปต่อหน้าต่อตาอย่างน่าเจ็บใจไม่หายจนได้มาดูในช่องทางพิเศษจบมันอดที่จะนึกคำขึ้นมาเอ่ยความในใจในสิ่งที่ได้ดูไปตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 35 นาทีไม่ได้เลยว่าสารที่สัมผัสมัน Touch ใจผมอย่างรวดเร็วตรงสภาวะของตัวละครที่กำลังเผชิญไม่ต่างจากสภาวะที่ผมเป็นอยู่ในแง่ของการ “ถูก“ ให้ “อยู่“ กับ “สิ่ง“ ที่ไม่ได้ก่อและไม่รู้การมาของ “มัน“ ที่เริ่มมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? จะมีผลอะไรกับการใช้ชีวิตของ “กู“ หรือ ““ ที่เป็นคนหาสร้างมันมานี้รึเปล่า ? นี่แหล่ะที่วิ่งเข้าในหัวทันทีที่เห็นตัวสามีขับรถพาภรรยาของเขาซึ่งคือนางเอกของเรื่องนี่แหล่ะไปยังบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่าเขาไกลปืนเที่ยงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันแสนเยือกเย็นจนสะพรึง

- พอก้าวขาออกจากรถไม่ใช่ว่าจะประเคนเข้าสู่โหมดสะพรึงขวัญกระตุกต่อมอารมณ์พร้อมกับเสียงในหัวดังขึ้นมาด้วยความอยากรู้ทันที มันต้องอาศัยการเลี้ยงบรรยากาศโดยรอบด้วยโทนสีฟ้าเย็นยะเยือกอมทุกข์แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ใกล้เคียงกับตอนดูเรื่อง Longlegs (2024) ในแง่ของการสร้าง Situations ปกติแต่ไม่น่าไว้ใจจนเกิดความระแวงจนหันไปมองข้างหลังว่ามีใครยืนเกาอยู่ข้างหลังในมุมมืดหรือเปล่า ? ทั้ง ๆ ที่เห็นด้วยตาเนื้อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นี้แหล่ะเป็น Signature ของผู้กำกับ Osgood Perkins อย่างหนึ่งที่ผมเริ่มจำพร้อมเอาใจไป Joint ในหน้างานที่กำลังจะมีอะไรบางอย่างมาต้อนรับแขกผู้มีเกือกด้วยความปรีดีย์

- ระหว่างดูไปประติดประต่อไปเริ่มรู้สึกกรึ่ม ๆ จะวูบหลับเพราะ Events ขณะนั้นยังสาละวนอยู่กับ Activityของ 2 เราที่กำลังดื่มด่ำอยู่ในเรือนอันแสนสงบเกินไปจนแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยว่าอาณาบริเวณรอบ ๆ เป็นอย่างไร ? พอมันเลี้ยงอยู่อย่างนี้เลยขอตัวแวะไปทำธุระอื่นฆ่าเวลาพลางพอกลับเข้ามาดูต่อก็ยังไล่ตามทันกับความนิ่งที่ยังคงสงบแต่ดูออกว่าไม่ได้สยบทุกการเคลื่อนไหวแถมยังคาดการณ์ลำบากอยู่ว่า Step ต่อไปจะเจอกับอะไร ? ในเมื่อมันเล่นกับความไม่รู้ที่มีเรื่องเล่าสำทับเข้ามากดประสาทอีกกระทงมันเลยทำให้ผมรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่แทรกมาจนเริ่มประสาทรับประทานตามตัวนางเอกหลังจากที่ถูกอีผัวตัวดีเทกลางวงเพราะต่อมหน้าที่

ทำงานขึ้นมาแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็วจนแยกขรี้แยกเย่วไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนหลอนไปเอง ในเมื่อสิ่งที่ประเคนมาพากันมารุมกินโต๊ะทางจิตวิทยาจนไม่รู้จะไปมุดหัวตรงไหนก็ในเมื่อข้างนอกมีแต่ป่าเขาแถมกูเพิ่งมาครั้งแรกด้วยแล้วจะได้กูหนีไปไหนก่อน ?

- ความที่ใช้ทรัพยากรเพียงหยิบมือไม่ว่าจะตัวละครหรือสถานที่มันเลยค่อย ๆ เดินทางเข้าสู่ปมที่ปูพรมไว้ค่อนข้างสะดวกผ่าน Activity ของนางเอกที่รับภาระเจอ “เจ้าที่“ สารพัดสงจนทึ่งในการใช้พลังในการสื่อสารกับคนดูอย่างเราเอามาก ๆ ทั้ง ๆ ที่หนังไม่ได้บอกให้ทราบตรง ๆ ทั้งหมดหรือการปรากฎในรูปของ Flashback ที่นาน ๆ ปล่อยมาทีก็ลืมไปเกือบหมดว่ากล่าวอะไรไปมันเลยกลายเป็นมวลสะสมที่ผมต้องคลำตามทางที่ปกคลุมด้วยความพิศวงเอาจนถึงช่วงสุดท้ายก่อนจากที่สร้างความสาแก่ใจที่ออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าตัดในส่วนของความสยองที่ประเคนได้ขนลุกออกไป เนื้อความที่สัมผัสมันสะท้อนถึงสังคมชายเป็นใหญ่เชิงระบบโครงสร้างผ่านความสัมพันธ์ของคู่รักออกมาได้เจ็บลึกและกระอักกระอ่วนถูกใจดี ๆ นี่เอง ในความที่ต้อง “ถูก” กดให้ “อยู่” ใต้อาณัติตามความปรารถนาของ “กู” โดยใช้ ”ความรัก” เป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์กระทั่งความชอบธรรมให้ตนเองมีเหตุผลที่ดู “ดีย์” จนลืมนึกถึงความ “รู้สึก“ ของอีกคนที่เชิญเข้ามา “Joint“ ในชีวิตอับเฉาของไปว่า กู โอเคกับสิ่งนี้หรือเปล่า ? ในเมื่อความรักมันต้องอาศัยความเข้าใจไม่ใช่บงการเพื่อแสดงว่ากูเก่งแต่มันคือความกระจอกในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของตังหาก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.178 Keeper (2025) : มาเยือน(พัก)เรือนเจ้าที่(ย์)
- กะว่าจะไม่เอ่ยถึงแล้วในเมื่อตัวหนังได้เข้าและออกจากโรงไปพร้อมกับกระแสน้ำท่วมหวยคัวที่มาพรากโอกาสการดูรวมถึงแคมเปญอื่นที่เข้ามาให้ร่วมขณะนั้นไปต่อหน้าต่อตาอย่างน่าเจ็บใจไม่หายจนได้มาดูในช่องทางพิเศษจบมันอดที่จะนึกคำขึ้นมาเอ่ยความในใจในสิ่งที่ได้ดูไปตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 35 นาทีไม่ได้เลยว่าสารที่สัมผัสมัน Touch ใจผมอย่างรวดเร็วตรงสภาวะของตัวละครที่กำลังเผชิญไม่ต่างจากสภาวะที่ผมเป็นอยู่ในแง่ของการ “ถูก“ ให้ “อยู่“ กับ “สิ่ง“ ที่ไม่ได้ก่อและไม่รู้การมาของ “มัน“ ที่เริ่มมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? จะมีผลอะไรกับการใช้ชีวิตของ “กู“ หรือ ““ ที่เป็นคนหาสร้างมันมานี้รึเปล่า ? นี่แหล่ะที่วิ่งเข้าในหัวทันทีที่เห็นตัวสามีขับรถพาภรรยาของเขาซึ่งคือนางเอกของเรื่องนี่แหล่ะไปยังบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่าเขาไกลปืนเที่ยงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันแสนเยือกเย็นจนสะพรึง
- พอก้าวขาออกจากรถไม่ใช่ว่าจะประเคนเข้าสู่โหมดสะพรึงขวัญกระตุกต่อมอารมณ์พร้อมกับเสียงในหัวดังขึ้นมาด้วยความอยากรู้ทันที มันต้องอาศัยการเลี้ยงบรรยากาศโดยรอบด้วยโทนสีฟ้าเย็นยะเยือกอมทุกข์แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ใกล้เคียงกับตอนดูเรื่อง Longlegs (2024) ในแง่ของการสร้าง Situations ปกติแต่ไม่น่าไว้ใจจนเกิดความระแวงจนหันไปมองข้างหลังว่ามีใครยืนเกาอยู่ข้างหลังในมุมมืดหรือเปล่า ? ทั้ง ๆ ที่เห็นด้วยตาเนื้อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นี้แหล่ะเป็น Signature ของผู้กำกับ Osgood Perkins อย่างหนึ่งที่ผมเริ่มจำพร้อมเอาใจไป Joint ในหน้างานที่กำลังจะมีอะไรบางอย่างมาต้อนรับแขกผู้มีเกือกด้วยความปรีดีย์
- ระหว่างดูไปประติดประต่อไปเริ่มรู้สึกกรึ่ม ๆ จะวูบหลับเพราะ Events ขณะนั้นยังสาละวนอยู่กับ Activityของ 2 เราที่กำลังดื่มด่ำอยู่ในเรือนอันแสนสงบเกินไปจนแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยว่าอาณาบริเวณรอบ ๆ เป็นอย่างไร ? พอมันเลี้ยงอยู่อย่างนี้เลยขอตัวแวะไปทำธุระอื่นฆ่าเวลาพลางพอกลับเข้ามาดูต่อก็ยังไล่ตามทันกับความนิ่งที่ยังคงสงบแต่ดูออกว่าไม่ได้สยบทุกการเคลื่อนไหวแถมยังคาดการณ์ลำบากอยู่ว่า Step ต่อไปจะเจอกับอะไร ? ในเมื่อมันเล่นกับความไม่รู้ที่มีเรื่องเล่าสำทับเข้ามากดประสาทอีกกระทงมันเลยทำให้ผมรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่แทรกมาจนเริ่มประสาทรับประทานตามตัวนางเอกหลังจากที่ถูกอีผัวตัวดีเทกลางวงเพราะต่อมหน้าที่
- ความที่ใช้ทรัพยากรเพียงหยิบมือไม่ว่าจะตัวละครหรือสถานที่มันเลยค่อย ๆ เดินทางเข้าสู่ปมที่ปูพรมไว้ค่อนข้างสะดวกผ่าน Activity ของนางเอกที่รับภาระเจอ “เจ้าที่“ สารพัดสงจนทึ่งในการใช้พลังในการสื่อสารกับคนดูอย่างเราเอามาก ๆ ทั้ง ๆ ที่หนังไม่ได้บอกให้ทราบตรง ๆ ทั้งหมดหรือการปรากฎในรูปของ Flashback ที่นาน ๆ ปล่อยมาทีก็ลืมไปเกือบหมดว่ากล่าวอะไรไปมันเลยกลายเป็นมวลสะสมที่ผมต้องคลำตามทางที่ปกคลุมด้วยความพิศวงเอาจนถึงช่วงสุดท้ายก่อนจากที่สร้างความสาแก่ใจที่ออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าตัดในส่วนของความสยองที่ประเคนได้ขนลุกออกไป เนื้อความที่สัมผัสมันสะท้อนถึงสังคมชายเป็นใหญ่เชิงระบบโครงสร้างผ่านความสัมพันธ์ของคู่รักออกมาได้เจ็บลึกและกระอักกระอ่วนถูกใจดี ๆ นี่เอง ในความที่ต้อง “ถูก” กดให้ “อยู่” ใต้อาณัติตามความปรารถนาของ “กู” โดยใช้ ”ความรัก” เป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์กระทั่งความชอบธรรมให้ตนเองมีเหตุผลที่ดู “ดีย์” จนลืมนึกถึงความ “รู้สึก“ ของอีกคนที่เชิญเข้ามา “Joint“ ในชีวิตอับเฉาของไปว่า กู โอเคกับสิ่งนี้หรือเปล่า ? ในเมื่อความรักมันต้องอาศัยความเข้าใจไม่ใช่บงการเพื่อแสดงว่ากูเก่งแต่มันคือความกระจอกในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของตังหาก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้