Dream!.. การผจญภัยของเด็กน้อยแสนบริสุทธิ์ กับมิวสิคัลฝีมือทีมงานคนไทย



Dream! เล่าเรื่องราวของ เล็ก เด็กหญิงตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขาที่สวยงามทางภาคเหนือของประเทศไทย เธอมีความฝันและความหวังเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ แต่ความขาดแคลนของเธอ ทำให้ความฝันของเธอดูเลือนลาง แต่ในค่ำคืนก่อนวันคริสต์มาส เมื่อครูประจำชั้นของเธอได้แนะนำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกับซานตาคลอส ทำให้ความฝันของเธอกลับดูมีแสงสว่างขึ้นมา แต่เรื่องราวกลับพลิกผันทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างน่าเศร้า เธอจึงออกเดินทางเพียงลำพังเพื่อค้นหาบ้านและครอบครัวใหม่ การเดินทางของเธอจะพาเธอไปพบกับผู้คนมากมาย ให้เธอได้รู้จักแง่มุมของคำว่า "มนุษย์" อย่างแท้จริง และนำมาซึ่งการผจญภัยอย่างน่าทึ่ง และสุดท้าย.. ซานตาคลอสจะนำพาความฝันและความหวังมาสู่เธอหรือไม่ ?

ก่อนอื่นบอกเลยว่ารู้สึกสนใจกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นหนังมิวสิคัลฝีมือทีมงานคนไทย (ผู้กำกับเป็นชาวต่างชาติ ชื่อว่า Paul Spurrier แต่ดูรายชื่อในเครดิตแล้ว ทีมงานส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นคนไทย) และในเรื่องนักแสดงทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทำให้รู้สึกว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ดูเป็นทางเลือกของหนังไทยที่น่าสนใจมาก ๆ รวมทั้งมีนักแสดงฝีมือดีมาร่วมแสดงหลายท่านอย่าง คุณโดนัท มนัสนันท์ และ คุณปู วิทยา ปานศรีงาม และแน่นอน.. ทุกคนต้องเล่นในสไตล์มิวสิคัล (แม้จะไม่ได้ร้องเอง)

สิ่งที่ชอบหลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้วก็คือ เพลงเพราะมาก ภาพสวยจับใจ และเหล่าบรรดานักแสดงเด็ก ๆ ที่เก่งและน่ารักกันทุกคน ภาพรวมเป็นหนังที่ดูเพลิน และมั่นใจว่าทีมงานต้องทุ่มเทและตั้งใจทำงานกับหนังเรื่องนี้มาก ๆ และพูดได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังมิวสิคัลอย่างแท้จริง เพราะเพลงเยอะมาก เรียกได้ว่าหนังใช้เพลงในการขับเคลื่อนตัวหนังมากกว่าบทสนทนา และนักแสดงทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ผมไม่รู้ว่าหนังใช้ทุนไปเท่าไหร่ แต่น่าจะไม่ได้มากมายนัก ซึ่งผมทึ่งกับการทำงานออกมาได้ขนาดนี้

แต่อย่างไรก็ตามหนังยังมีจุดที่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าจะมี Project มิวสิคัลแบบนี้ในเรื่องต่อ ๆ ไป คือ เมื่อการนำเสนอออกมาเป็นหนัง ดังนั้น แม้จะเป็นมิวสิคัล แต่การนำเสนอน่าจะเป็นไปในรูปแบบของ Cinematic หากแต่โทนของหนังเรื่องนี้ จะออกไปในแนวทางของละครเวที (Theater) มากกว่า (ตามความคิดของผม) ทำให้นักแสดงบางทีดูเหมือนจะเล่นใหญ่ในแบบละครเวทีเกินกว่าความเป็นหนัง ซึ่งมันดูไม่เป็นธรรมชาติสำหรับการเสพงานหนังบนจอ

เรื่องของเพลงก็เช่นกัน แม้เพลงจะเพราะทุกเพลง แต่จังหวะของเพลงกลับเป็นไปในแนวเดียวกันหมด (ด้วยความที่เพลงเยอะมาก เพราะหนังใช้เพลงดำเนินเรื่องแทนบทสนทนา) จึงทำให้มีบางช่วงรู้สึกเบื่อ พาลจะหลับเอาเหมือนกัน จนมาถึงช่วงกลางเรื่อง และช่วงท้าย ๆ ที่มีการเปลี่ยนจังหวะของเพลง ทำให้หนังมีบรรยากาศดูสนุกขึ้นมา อีกส่วน คือ เรื่องของบท คิดว่าการเชื่อมต่อของแต่ละองก์ยังทำได้ไม่สมูท อย่างที่บอกว่าหนังนำเสนอออกไปในแนวทางของละครเวที ทำให้เวลาเปลี่ยนองก์มันเหมือนกับการเปลี่ยนฉากของละครเวที ซึ่งขาดการเชื่อมต่อที่ดีแบบหนังที่ฉายบนจอ ส่วนตัวเชื่อว่าหากหนังมีการเชื่อมต่อที่ดี หนังจะสามารถส่งอารมณ์ให้คนดูได้มากกว่านี้ อ้อ! อีกอย่าง คือ Cameo ในหนังเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่น่าใจดีนะครับ..

อย่างไรก็ดี ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ที่จะเอาหนังเรื่องนี้ไปเทียบกับ Wicked หรือ Wonka อย่างไรก็ตามแต่ Dream! ก็เป็นหนังที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหลากหลายของหนังไทย ที่เราจะได้ดูอะไรใหม่ ๆ บ้าง  และบรรยากาศของหนังก็อบอุ่น เหมาะกับการดูในช่วงคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ ส่วนใครที่ไปดูมาแล้วบ้าง มาแชร์ความคิดเห็นกันได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่