เรื่องที่จะนำมาให้อ่าน ไม่มีไครผิดไม่มีใครถูกเพราะเป็นเรื่องสมัยเด็กๆ ยังไม่รู้เรื่องพอก็ด้วยความเป็นเด็กถ้านำเรื่องนี้ไปสอนคนได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
เรื่องมีอยู่ว่า- ผมเรียนโรงเรียนแห่งนึง ย้ายเข้ามาตอน ม.1 (บางคนมาเรียนตามเพื่อนได้อยู่ห้องเดียวกัน)ถ้าเด็กใหม่สิงที่จะเกิดขึ้นแน่ๆคือ คุณครูจะให้ออกมาหน้าห้องแนะนำตัว ด้วยความเป็นเด็กก็ต้องมาอายกันบ้าง ก็แนะนำชื่อจริงชื่อเล่นอนาคตที่อยากเป็น ก็ทำกิจกรรมเสร็จถึงเวลาเรียน ครูประจำชั้นออกจากห้องไปสอนวิชาอื่น พวกผมก็รอครู่รายวิชาเข้าสอน ประเด็นคือ เราทำความรู้จักเพื่อนร่วมโต๊ะ หนังติดไครคุยคนนั้นแรกๆพูด"ครับ"หลังไปพูด "ไ..." แต่ในจังหวะนั้นมีเพื่อนข้างๆชื่อ"กาย"โต๊ะ ทักมา หาผมประเด็นคือจำชื่อเล่นผมได้ด้วย ผมชื่อ"ฝน" กายพูดได้เจ็บแสบมาก วันแรกก็"ไ.."แล้วอ่ะ กายพูดว่า ฝนๆ ม... เต็มป่าว ว..
ผมบอกไปว่าเต็ม
มันก็ตอบกับอีก ก.. ว่า ม... ไม่เต็ม เฮ้ยพวกเรา ก.. ว่า..อ..ฝนมันไม่เต็ม ว.. ฝนไม่..555
ต้องบอกก่อนว่า กาย เป็นคนที่มีเพื่อนมีฝูง
กาย แหย่เล่น ผนว่าไม่เต็น ทั้งวัน ถึงเย็นวิชาสุดท้าย ภาษาไทย ครูก็ทดสอบความรู้ อ่านกลอนของ "สุนทรภู่" เรื่องสุดสาคร
ผมบอกเลย ขับเสภาได้ห่วยมาก ผมทำได้แค่อ่าน ผมบอกเลยเวลานี้ผม สะใจมาก
มาถึงคิว กาย ตากายอ่าน กายยืน ประเด็นคือ มันยืนยิ้ม ครูทัก กายไม่อ่านยืนยิมอย่าเดียว
ครูบอก: ก..◌า..ร อ่านว่า
กาย: การ ครับ
ครู: ห..น..◌ึ..ง..◌่ อ่านว่า
กาย: 1 ครับ
ครู่: โ..ร..ง เ..ร..◌ี..ย..น อ่านว่า
กาย: (-: ยิมครับ
สรุป กายไม่รู้หนังสือครับ
ผมนี่ แย่มาก พอรู้ว่ากายขึ้น ม.1 ไม่รู้หนังสือ ผมหัวเราะไม่ออกเสียงน่ะครับ สะใจมาก
อังกฤษพอเค้าใจ ภาษาไทย เด็ก ป.6อ่านได้หมด ทั้งโรงเรียน มีกายอยู่คนเดียว หมดคาบวิชา กาย นั้นเงียบไม่ติดเล่นไม่ไรแล้ว
ปกติติดเล่นติดคุย วิ่งเข้าวิ่งออกในห้อง
นอกห้อง ขนาดมาวันแรก ผมก็ไม่คิดไรมากแล้วยังเด็กอยู่ กับบ้านนอนฝันดี ไม่ไรกายแล้ว วันที่2 กาย กลับมาเป็นปกติ ติดเล่นติดคุย วิ่งเล่นเหมือนเดิมเป็นแบบนี้ จนขึ้น ม.3 ปีสุดท้าย กาย ยังไม่รู้หนังสือเหมือนเดิมและไม่มีทีท่าที่จับรับรู้ ก็เรียนจบ ปัจจุบันนี้ผมก็ไม่รู้ว่า กายอ่านหนังสือออกยัง แต่ผมคิดว่ากายอ่านหนังสือออกแล้ว ปัจจุบันก็ผ่านมา9ปีแล้วก็อ่านออกเขียนได้ แล้วแหละ ก็วัยเด็ก รู้ผิดรู้ถูก จะโทษกายไม่ได้ ตอนนั้นเด็ก จะทำตัวหัวโจ๊ก อันธพาล รังแกผู้หญิง ทำไงได้เด็กอยู่ ถ้าจะโทษ โทษพ่อแม่ดีกว่า เด็กอายุแค่13-14ปีอยู่ในวัยที่ พ่อแม่ต้องสังสอนอย่างหนัง เพราะลูกเริ่มรู้จักใช้คำว่า"ออก นอกรู้นอกทาง"หรือติดเพื่อน
- สิ่งที่ผมเจ็บใจมากที่สุด คือ เห็นผู้ปกครองเด็กเวลาเด็กสร้างปัญหาและผู้ปกคลองเดินเข้ามาหาครูต่อว่า เป็นครูภาษาไรทำไมไม่สั่งสอนนักเรียน
ผมเจ็บพร้อมกับครู่ ท่านคลุมเด็กห้องนึง30คน วิชานึงต้องเดินไปแต่ละห้อง สมุดว่าเด็ก ม.6 มีสามห้องห้องละ30คน มีตังแต่ป.1ถึงม.3 ครู่ประมาณ20กว่าคน คลุมนักเรียนทั้งโรงเรียน100กว่าคน ยังไงก็คลุมไม่หมด ผมอยากจะบอกทุกคน ผู้ปกครองที่มาอ่าน ข้อความผม จำไว้ ลูกพวกคุณคุณส่งลูกคุณไปเรียน5วันตั้งแต่ เข้าเรียน8:00-1600กลับบ้าน ตกวันละ8-9ชั่วโมง 5วัน 40-45 ชั่งโมง (ไม่นับกลางคืนเพราะเป็นเวลาพักเด็กกลับมาจากโรงเรียนพ่อแม่กลับมาจากที่ทำงาน ครูกลับมาจากโรงเรียนถึงบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน มีเวลาน้อยนิดสั่งสอนลูก ขอถือว่าไม่นับ) เสาร์อาทิตย์โรงเรียนหยุด2วัน พ่อแม่ทำงานวันหยุดบางคนหยุด1วัน บางคน2วัน วันหยุดพวกคุณอยู่กลับลูกพระอาทิตย์ขึ้นเอาแค่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น12ชัวโมง2วัน24ชัวโมง พ่อแม่อยู่กลับลูก 24ช. บางบ้านลูก 1 บางบ้านลูก2-3คน พ่อแม่อยู่กลับลูก24ช.1-3คน แต่ครูอยู่กับนักเรียน40ช.ตกห้องละ30คน เสาร์อาทิตย์ต้องต้องมาดูลูกตัวเอง บางคนมีหลานแล้วนะ อายุ60แล้ว ยังเป็นครูอยู่เลย
คุณจะมาโทษครูอย่างเดียวมาไม่ได้ เพราะพวกคุณมีเวลาเต็มที่มากที่สุดใน
การสังสอนลูก แต่พวกคุณไม่ทำปล่อยให้ลูกติดเพื่อนแว้นรถเล่นในวันหยุด คิดดูแล้วกันกับพ่อแม่บางคนที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ ผมกับกายวันนั้นอยู่ในยุค 3G-4G ปัจจุบันยุค5G ประเทศเราพัฒนาไปนึงก้าวนึงแล้วมีAiมีรถไฟฟ้าใช้กันแล้ว ความคิดสังคมของคนมีการเปลียนแปลงแต่มีบางคนยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย
(ผม อาจจะเขียนหนังสือผินก็ขอโทษด้วยน่ะครับเพราะรีปไปกินข้าว ที่เขียนในครั้งนี้แค่อยากรู้ว่ายังมีคนแบบนี้อยู่อีกไหม ก็สวัสดีครับ)
เรื่องตลกในวัยเรียน
เรื่องมีอยู่ว่า- ผมเรียนโรงเรียนแห่งนึง ย้ายเข้ามาตอน ม.1 (บางคนมาเรียนตามเพื่อนได้อยู่ห้องเดียวกัน)ถ้าเด็กใหม่สิงที่จะเกิดขึ้นแน่ๆคือ คุณครูจะให้ออกมาหน้าห้องแนะนำตัว ด้วยความเป็นเด็กก็ต้องมาอายกันบ้าง ก็แนะนำชื่อจริงชื่อเล่นอนาคตที่อยากเป็น ก็ทำกิจกรรมเสร็จถึงเวลาเรียน ครูประจำชั้นออกจากห้องไปสอนวิชาอื่น พวกผมก็รอครู่รายวิชาเข้าสอน ประเด็นคือ เราทำความรู้จักเพื่อนร่วมโต๊ะ หนังติดไครคุยคนนั้นแรกๆพูด"ครับ"หลังไปพูด "ไ..." แต่ในจังหวะนั้นมีเพื่อนข้างๆชื่อ"กาย"โต๊ะ ทักมา หาผมประเด็นคือจำชื่อเล่นผมได้ด้วย ผมชื่อ"ฝน" กายพูดได้เจ็บแสบมาก วันแรกก็"ไ.."แล้วอ่ะ กายพูดว่า ฝนๆ ม... เต็มป่าว ว..
ผมบอกไปว่าเต็ม
มันก็ตอบกับอีก ก.. ว่า ม... ไม่เต็ม เฮ้ยพวกเรา ก.. ว่า..อ..ฝนมันไม่เต็ม ว.. ฝนไม่..555
ต้องบอกก่อนว่า กาย เป็นคนที่มีเพื่อนมีฝูง
กาย แหย่เล่น ผนว่าไม่เต็น ทั้งวัน ถึงเย็นวิชาสุดท้าย ภาษาไทย ครูก็ทดสอบความรู้ อ่านกลอนของ "สุนทรภู่" เรื่องสุดสาคร
ผมบอกเลย ขับเสภาได้ห่วยมาก ผมทำได้แค่อ่าน ผมบอกเลยเวลานี้ผม สะใจมาก
มาถึงคิว กาย ตากายอ่าน กายยืน ประเด็นคือ มันยืนยิ้ม ครูทัก กายไม่อ่านยืนยิมอย่าเดียว
ครูบอก: ก..◌า..ร อ่านว่า
กาย: การ ครับ
ครู: ห..น..◌ึ..ง..◌่ อ่านว่า
กาย: 1 ครับ
ครู่: โ..ร..ง เ..ร..◌ี..ย..น อ่านว่า
กาย: (-: ยิมครับ
สรุป กายไม่รู้หนังสือครับ
ผมนี่ แย่มาก พอรู้ว่ากายขึ้น ม.1 ไม่รู้หนังสือ ผมหัวเราะไม่ออกเสียงน่ะครับ สะใจมาก
อังกฤษพอเค้าใจ ภาษาไทย เด็ก ป.6อ่านได้หมด ทั้งโรงเรียน มีกายอยู่คนเดียว หมดคาบวิชา กาย นั้นเงียบไม่ติดเล่นไม่ไรแล้ว
ปกติติดเล่นติดคุย วิ่งเข้าวิ่งออกในห้อง
นอกห้อง ขนาดมาวันแรก ผมก็ไม่คิดไรมากแล้วยังเด็กอยู่ กับบ้านนอนฝันดี ไม่ไรกายแล้ว วันที่2 กาย กลับมาเป็นปกติ ติดเล่นติดคุย วิ่งเล่นเหมือนเดิมเป็นแบบนี้ จนขึ้น ม.3 ปีสุดท้าย กาย ยังไม่รู้หนังสือเหมือนเดิมและไม่มีทีท่าที่จับรับรู้ ก็เรียนจบ ปัจจุบันนี้ผมก็ไม่รู้ว่า กายอ่านหนังสือออกยัง แต่ผมคิดว่ากายอ่านหนังสือออกแล้ว ปัจจุบันก็ผ่านมา9ปีแล้วก็อ่านออกเขียนได้ แล้วแหละ ก็วัยเด็ก รู้ผิดรู้ถูก จะโทษกายไม่ได้ ตอนนั้นเด็ก จะทำตัวหัวโจ๊ก อันธพาล รังแกผู้หญิง ทำไงได้เด็กอยู่ ถ้าจะโทษ โทษพ่อแม่ดีกว่า เด็กอายุแค่13-14ปีอยู่ในวัยที่ พ่อแม่ต้องสังสอนอย่างหนัง เพราะลูกเริ่มรู้จักใช้คำว่า"ออก นอกรู้นอกทาง"หรือติดเพื่อน
- สิ่งที่ผมเจ็บใจมากที่สุด คือ เห็นผู้ปกครองเด็กเวลาเด็กสร้างปัญหาและผู้ปกคลองเดินเข้ามาหาครูต่อว่า เป็นครูภาษาไรทำไมไม่สั่งสอนนักเรียน
ผมเจ็บพร้อมกับครู่ ท่านคลุมเด็กห้องนึง30คน วิชานึงต้องเดินไปแต่ละห้อง สมุดว่าเด็ก ม.6 มีสามห้องห้องละ30คน มีตังแต่ป.1ถึงม.3 ครู่ประมาณ20กว่าคน คลุมนักเรียนทั้งโรงเรียน100กว่าคน ยังไงก็คลุมไม่หมด ผมอยากจะบอกทุกคน ผู้ปกครองที่มาอ่าน ข้อความผม จำไว้ ลูกพวกคุณคุณส่งลูกคุณไปเรียน5วันตั้งแต่ เข้าเรียน8:00-1600กลับบ้าน ตกวันละ8-9ชั่วโมง 5วัน 40-45 ชั่งโมง (ไม่นับกลางคืนเพราะเป็นเวลาพักเด็กกลับมาจากโรงเรียนพ่อแม่กลับมาจากที่ทำงาน ครูกลับมาจากโรงเรียนถึงบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน มีเวลาน้อยนิดสั่งสอนลูก ขอถือว่าไม่นับ) เสาร์อาทิตย์โรงเรียนหยุด2วัน พ่อแม่ทำงานวันหยุดบางคนหยุด1วัน บางคน2วัน วันหยุดพวกคุณอยู่กลับลูกพระอาทิตย์ขึ้นเอาแค่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น12ชัวโมง2วัน24ชัวโมง พ่อแม่อยู่กลับลูก 24ช. บางบ้านลูก 1 บางบ้านลูก2-3คน พ่อแม่อยู่กลับลูก24ช.1-3คน แต่ครูอยู่กับนักเรียน40ช.ตกห้องละ30คน เสาร์อาทิตย์ต้องต้องมาดูลูกตัวเอง บางคนมีหลานแล้วนะ อายุ60แล้ว ยังเป็นครูอยู่เลย
คุณจะมาโทษครูอย่างเดียวมาไม่ได้ เพราะพวกคุณมีเวลาเต็มที่มากที่สุดใน
การสังสอนลูก แต่พวกคุณไม่ทำปล่อยให้ลูกติดเพื่อนแว้นรถเล่นในวันหยุด คิดดูแล้วกันกับพ่อแม่บางคนที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ ผมกับกายวันนั้นอยู่ในยุค 3G-4G ปัจจุบันยุค5G ประเทศเราพัฒนาไปนึงก้าวนึงแล้วมีAiมีรถไฟฟ้าใช้กันแล้ว ความคิดสังคมของคนมีการเปลียนแปลงแต่มีบางคนยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย
(ผม อาจจะเขียนหนังสือผินก็ขอโทษด้วยน่ะครับเพราะรีปไปกินข้าว ที่เขียนในครั้งนี้แค่อยากรู้ว่ายังมีคนแบบนี้อยู่อีกไหม ก็สวัสดีครับ)