เคยไหมครับ... ที่ตื่นเช้ามาแล้วถอนหายใจ รู้สึกไม่อยากลุกไปทำงาน? จากคนที่เคยไฟแรง วันนี้กลับรู้สึก "ตัน" มองไปทางไหนก็เจอแต่ปัญหา หรือรู้สึกลึกๆ ว่าตัวเองกำลังวิ่งตามหลังคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
ถ้าความรู้สึกเหล่านี้กำลังเกาะกินใจ คุณไม่ได้แปลกแยกครับ แต่คุณกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า
"Mid Career Crisis" หรือวิกฤตวัยทำงานช่วงกลาง (30-40 ปี)
ผมได้ฟังรายการ
FirstEight EP.06 ที่พี่ต้อง กวีวุฒิ (แปดบรรทัดครึ่ง) มาแชร์มุมมอง เป็นเหมือน "ยาใจ" ที่ช่วยไขปมปัญหาคลาสสิกของมนุษย์เงินเดือนได้เจ็บแสบแต่จริงใจ จนอยากสรุปมาแบ่งปันชาวพันทิปครับ
..................................................
1. เมื่อความจำเจกัดกินใจ และปัญหารุมเร้า
หลายคนทำงานที่เดิมมานาน จากความตื่นเต้นกลายเป็นความเบื่อ (Routine) ยิ่งโต ยิ่งต้องคุมคน ยิ่งปวดหัว จนอยากลาออกให้จบๆ ไป แต่พี่ต้องให้มุมมองที่น่าสนใจว่า
"งานประจำ มาพร้อมแพ็กเกจเสมอ"
แพ็กเกจนั้นคือ
เงินเดือน + ปัญหา ถ้างานไหนไม่มีปัญหาเลย เราอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่จากมันเลยก็ได้
อย่าเพิ่งรีบลาออก: ถ้าอยู่นาน เรามีสินทรัพย์ค่ามหาศาลคือ "Trust" (ความไว้วางใจ) การย้ายที่ใหม่ เท่ากับเราต้องไปเริ่มสร้างเครดิตจากศูนย์
เปิดใจคุย: ถ้าหัวหน้ายังรับฟัง ลองเดินไปบอกตรงๆ ว่าเราถนัดหรือไม่ถนัดอะไร เพื่อปรับจูนเนื้องาน
เรื่องคนคือเรื่องปกติ: อย่าคาดหวังความเพอร์เฟกต์ หน้าที่หัวหน้าคือการ "ตบ" ให้ทุกคนทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
..................................................
2. กับดักการเปรียบเทียบ และความกลัว AI
มองไปรอบตัวเห็นแต่คนเก่งกว่า ยิ่งยุคนี้ AI มาแรง ยิ่งกลัวตกงาน รู้สึกด้อยค่าลงทุกวัน ทางออกคือ
"หยุดแข่งในสนามที่แพ้ตั้งแต่เริ่ม" โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน การเปรียบเทียบจึงเป็นเกมที่ไม่มีวันชนะ
โฟกัสที่ "เป้าหมาย" (Why): ถามตัวเองให้ชัดว่าทำงานไปทำไม? เพื่อเงิน เพื่อครอบครัว หรือการเติบโต? ถ้าเป้าหมายชัด ใครจะเก่งกว่าก็ไม่ใช่สาระสำคัญ
เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร: ถ้ากลัว AI แปลว่ารู้ว่ามันเก่ง งั้นจงรีบใช้มันเป็นเครื่องมือทุ่นแรง คนที่รอดไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่คือคนที่ "ปรับตัว" ได้เร็วที่สุดต่างหาก
..................................................
3. แบกโลกทั้งใบในวัย Sandwich Generation
อายุ 40+ ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่และลูก แถมงานก็ท้าทาย รู้สึกบริหารจัดการชีวิตไม่ได้เลย ความจริงที่เจ็บปวดแต่ต้องยอมรับคือ
"เราทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้"
Prioritize (จัดลำดับความสำคัญ): ชีวิตแต่ละช่วงมีเบอร์ 1 ไม่เหมือนกัน ช่วงนี้อาจต้องเทเวลาให้ลูก หรือช่วงนี้ต้องดูแลพ่อแม่ เลือกให้ชัดแล้วทำให้เต็มที่
Quality > Quantity: เวลาให้ครอบครัวไม่ต้อง 24 ชม. แต่ต้องเป็น Quality Time คืออยู่กับเขาจริงๆ วางมือถือ วางงาน และมอบกายใจให้พวกเขาเต็มร้อยในวินาทีนั้น
..................................................
บทส่งท้าย: สร้างภูมิคุ้มกันทางใจ
ไม่ว่าพายุงานจะถาโถมแค่ไหน อยากฝากหนังสือ 2 เล่มที่พี่ต้องแนะนำไว้เป็นหลักยึดใจครับ
The Three Happinesses (พีระมิดสามสุข): เตือนสติว่า ความสำเร็จ (Dopamine) เป็นยอดพีระมิดที่เปราะบาง ฐานที่มั่นคงต้องเริ่มจาก สุขภาพ (Serotonin) และ ความสัมพันธ์ (Oxytocin)
Man’s Search for Meaning: บทเรียนที่สอนเราว่า "ถ้าเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ (Why) ที่ยิ่งใหญ่พอ เราจะอดทนกับวิธีการ (How) ที่ยากลำบากได้เสมอ"
Mid Career Crisis ไม่ใช่ทางตัน แต่มันคือ
"สัญญาณเตือน" ให้เรากลับมาทบทวนเข็มทิศชีวิตอีกครั้ง ว่าสิ่งที่เราวิ่งตามอยู่ทุกวันนี้... มันคือความต้องการของเราจริงๆ หรือเปล่า?
เพื่อนๆ ล่ะครับ มีวิธีรับมือกับความรู้สึกหมดไฟในช่วงวัยนี้อย่างไรกันบ้าง? มาแชร์กันได้นะครับ
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/1KeyGJAqjA/
....................
กระทู้ชวนคุย: Mid Career Crisis วันที่ใจหมดไฟ... เราจะไปต่อยังไงดี?
เคยไหมครับ... ที่ตื่นเช้ามาแล้วถอนหายใจ รู้สึกไม่อยากลุกไปทำงาน? จากคนที่เคยไฟแรง วันนี้กลับรู้สึก "ตัน" มองไปทางไหนก็เจอแต่ปัญหา หรือรู้สึกลึกๆ ว่าตัวเองกำลังวิ่งตามหลังคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
ถ้าความรู้สึกเหล่านี้กำลังเกาะกินใจ คุณไม่ได้แปลกแยกครับ แต่คุณกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Mid Career Crisis" หรือวิกฤตวัยทำงานช่วงกลาง (30-40 ปี)
ผมได้ฟังรายการ FirstEight EP.06 ที่พี่ต้อง กวีวุฒิ (แปดบรรทัดครึ่ง) มาแชร์มุมมอง เป็นเหมือน "ยาใจ" ที่ช่วยไขปมปัญหาคลาสสิกของมนุษย์เงินเดือนได้เจ็บแสบแต่จริงใจ จนอยากสรุปมาแบ่งปันชาวพันทิปครับ
..................................................
1. เมื่อความจำเจกัดกินใจ และปัญหารุมเร้า
หลายคนทำงานที่เดิมมานาน จากความตื่นเต้นกลายเป็นความเบื่อ (Routine) ยิ่งโต ยิ่งต้องคุมคน ยิ่งปวดหัว จนอยากลาออกให้จบๆ ไป แต่พี่ต้องให้มุมมองที่น่าสนใจว่า "งานประจำ มาพร้อมแพ็กเกจเสมอ"
แพ็กเกจนั้นคือ เงินเดือน + ปัญหา ถ้างานไหนไม่มีปัญหาเลย เราอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่จากมันเลยก็ได้
อย่าเพิ่งรีบลาออก: ถ้าอยู่นาน เรามีสินทรัพย์ค่ามหาศาลคือ "Trust" (ความไว้วางใจ) การย้ายที่ใหม่ เท่ากับเราต้องไปเริ่มสร้างเครดิตจากศูนย์
เปิดใจคุย: ถ้าหัวหน้ายังรับฟัง ลองเดินไปบอกตรงๆ ว่าเราถนัดหรือไม่ถนัดอะไร เพื่อปรับจูนเนื้องาน
เรื่องคนคือเรื่องปกติ: อย่าคาดหวังความเพอร์เฟกต์ หน้าที่หัวหน้าคือการ "ตบ" ให้ทุกคนทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
..................................................
2. กับดักการเปรียบเทียบ และความกลัว AI
มองไปรอบตัวเห็นแต่คนเก่งกว่า ยิ่งยุคนี้ AI มาแรง ยิ่งกลัวตกงาน รู้สึกด้อยค่าลงทุกวัน ทางออกคือ "หยุดแข่งในสนามที่แพ้ตั้งแต่เริ่ม" โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน การเปรียบเทียบจึงเป็นเกมที่ไม่มีวันชนะ
โฟกัสที่ "เป้าหมาย" (Why): ถามตัวเองให้ชัดว่าทำงานไปทำไม? เพื่อเงิน เพื่อครอบครัว หรือการเติบโต? ถ้าเป้าหมายชัด ใครจะเก่งกว่าก็ไม่ใช่สาระสำคัญ
เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร: ถ้ากลัว AI แปลว่ารู้ว่ามันเก่ง งั้นจงรีบใช้มันเป็นเครื่องมือทุ่นแรง คนที่รอดไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่คือคนที่ "ปรับตัว" ได้เร็วที่สุดต่างหาก
..................................................
3. แบกโลกทั้งใบในวัย Sandwich Generation
อายุ 40+ ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่และลูก แถมงานก็ท้าทาย รู้สึกบริหารจัดการชีวิตไม่ได้เลย ความจริงที่เจ็บปวดแต่ต้องยอมรับคือ "เราทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้"
Prioritize (จัดลำดับความสำคัญ): ชีวิตแต่ละช่วงมีเบอร์ 1 ไม่เหมือนกัน ช่วงนี้อาจต้องเทเวลาให้ลูก หรือช่วงนี้ต้องดูแลพ่อแม่ เลือกให้ชัดแล้วทำให้เต็มที่
Quality > Quantity: เวลาให้ครอบครัวไม่ต้อง 24 ชม. แต่ต้องเป็น Quality Time คืออยู่กับเขาจริงๆ วางมือถือ วางงาน และมอบกายใจให้พวกเขาเต็มร้อยในวินาทีนั้น
..................................................
บทส่งท้าย: สร้างภูมิคุ้มกันทางใจ
ไม่ว่าพายุงานจะถาโถมแค่ไหน อยากฝากหนังสือ 2 เล่มที่พี่ต้องแนะนำไว้เป็นหลักยึดใจครับ
The Three Happinesses (พีระมิดสามสุข): เตือนสติว่า ความสำเร็จ (Dopamine) เป็นยอดพีระมิดที่เปราะบาง ฐานที่มั่นคงต้องเริ่มจาก สุขภาพ (Serotonin) และ ความสัมพันธ์ (Oxytocin)
Man’s Search for Meaning: บทเรียนที่สอนเราว่า "ถ้าเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ (Why) ที่ยิ่งใหญ่พอ เราจะอดทนกับวิธีการ (How) ที่ยากลำบากได้เสมอ"
Mid Career Crisis ไม่ใช่ทางตัน แต่มันคือ "สัญญาณเตือน" ให้เรากลับมาทบทวนเข็มทิศชีวิตอีกครั้ง ว่าสิ่งที่เราวิ่งตามอยู่ทุกวันนี้... มันคือความต้องการของเราจริงๆ หรือเปล่า?
เพื่อนๆ ล่ะครับ มีวิธีรับมือกับความรู้สึกหมดไฟในช่วงวัยนี้อย่างไรกันบ้าง? มาแชร์กันได้นะครับ
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/1KeyGJAqjA/
....................