ชีวิตนักศึกษารามคำแหง เมื่อปี 29

กระทู้สนทนา
เนื่องจากเกษียณอายุราชการแล้ว ทำให้ผมพอมีเวลาว่างมาขีดๆเขียนๆ
วันนี้ ผมนึกถึงอดีตที่เคยใช้ชีวิตย่านรามคำแหง ระหว่างปี 29 ถึงปี 36
ช่วงเวลานั้น คนที่สอบไม่ได้ ผิดหวังจากมหาวิทยาลัยปิดต่างมาเรียนที่รามฯ
ผมมาเรียนปี 29 ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย การเรียนที่เราต้องบอกตัวเอง
บังคับตัวเอง ไม่มีใครมาบอกให้เราเข้าเรียนนะ  หลังจากผมเรียนไปได้ 1 ปี
ปีที่ 2 ผมได้รู้จักเพื่อนๆหลายคน ที่ต่างพักอยู่ที่หอพักแถวหน้ารามฯ
พวกเราเป็นเด้ก ตจว. ด้วยกัน มีที่มาจากที่ต่างๆกัน วันนึง โซ่ เพื่อนผมมาชวน
บอกให้ไปสมัครออกค่าย กับกลุ่ม นศ. ผมตกลงทันที จำได้ว่าสนุกมากๆ มีเพื่อนเยอะแยะ

การออกค่ายเราช่วยกันทำงาน ทำงานเสร็จช่วยกันทำอาหาร ทานข้าวเย็น
มีกิจกรรมต่อในช่วงค่ำ กว่าจะเข้านอนก็สามสี่ทุ่มนั่นแหละ พวกเราใช้ชีวิตในค่ายนี้
เกือบ 1 เดือน วันที่เดินทางกลับ กทม. ดีใจมากๆ  ได้เข้าเมืองเสียที ผมมีรักครั้งแรก
ก็ที่นี่ เด็กสาวชาวเชียงราย หน้าตาน่ารัก อ่อนโยน แต่ด้วยความไม่เข้าท่าของผม
ทำให้รักครั้งนี้สั้นมากๆ กลับมาถึง กทม. เราพบกันแค่ครั้งสองครั้ง รักก็ร้างลา
ด้วยความไม่เข้าใจของผมเองครับ ยอมรับผิดเลย  

หลังจากออกค่ายครั้งนี้ ผมได้ทำกิจกรรมแบบนี้อีกหลายครั้ง ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก
เรียกว่าไปมาแล้วทั่วประเทศเลยล่ะ  จะขอกล่าวถึงการเรียน  พอเลิกเรียนช่วงเย็นๆถึงค่ำ
พวกเรา มักชอบเดินเล่นที่หน้ารามฯ เพราะมีของมาขาย เราสามารถเดินเล่นจากรามฯได้ถึง
เดอะมอลล์รามคำแหง อีกด้านนึงเดินไปได้ถึงปากซอย 53  ไกลพอสมควรเลยล่ะ
หอพักนักศึกษาจะแทรกตัวอยู่ทุกพื้นที่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง
มีคนมาพักแน่นหนา ทั้งหญิงและชาย บางคนเรียนจบไปแล้วแต่ยังพักอยู่ที่นี่

ผมพักรวมกับเพื่อนๆหลายคนหารค่าเช่าด้วยกัน เราสนิทกันมากๆ
ผมและเพื่อนๆใช้ชีวิตอยู่ในรามฯหลายปี ช่วงหลังๆก่อนจบ ต่างชวนกันไป
สมัครทำงานพาร์ไทม์ ขายของ แจากใบปลิว ทำสต็อก และอื่นๆอีกมากมาย
ได้เงินมาเป็นค่ากินค่าอยู่ ช่วงที่ผมอยู่ที่นั่นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมาก
เช่น ปุ๋ย ได้นางงามจักรวาล  พฤกษภาทมิฬ  เซ็นทรัลมาเปิดตรงถนนรามคำแหง
บริเวณตรงข้ามซอยรามฯ24 ซึ่งตอนนี้ปิดไปนานแล้ว  

    ผมได้พบแฟนหรือภรรยาก็ที่รามฯ เธอเป็นรุ่นน้อง จริงๆผมไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์
ของเราจะยืนนานหรือไปต่อกันได้ถึงไหน ผมแค่ประทับใจในความขยัน จริงใจและเปิดเผยของเธอ
แต่แล้วเธอคนนี้แหละคือดาวประดับใจผม เราคบหากันตลอดมายาวนาน จนผมจบการศึกษา
ก็มีเธอเคียงข้าง เป็นกำลังใจ ให้ความหวัง เป็นทั้งเพื่อนและแฟนที่ดีตลอดมา
เราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย ผมไปถ่ายรูปรับปริญญาทั้งในรามฯและนอกสถานที่

จนกระทั่ง ผมสอบรับราชการได้ แฟนผมดีใจมากๆ
ผมก็ดีใจ แต่ผมยังพักอาศัยแถวรามฯต่อไป ทั้งๆที่ที่ทำงาน
ห่างจากที่พักมาก รถติดหนัก ผมเหนื่อยในการเดินทาง
ทำให้ผมจำใจต้องหาที่พักใกล้ที่ทำงานแถวย่านสามเสน
ปีนั้นจำได้ปี 38  ผมได้ขนของย้ายที่พักมาอยู่ย่านสามเสน
เป็นการย้ายที่อยู่ในรอบหลายปีของผม โดยที่แฟนผมยังพักอยู่แถวรามฯ
เหมือนเดิม  

พอเย็นวันศุกร์ ผมเฝ้ารอแฟน จะเดินทางมาหาที่พักของผมย่านสามเสน
ช่วงเวลาทำงาน พอกลับมาถึงที่พัก ยอมรับว่าผมเหงามากนะ
ต้องชวนเพื่อนที่ทำงาน ไปนั่งดื่มในย่านนั้นประจำ เช่น บางลำภู
ย่านพระอาทิตย์ เทเวศร์ และดุสิต  แฟนผมเข้าใจดีเพราะเธอบอกว่า
มาหาผมแล้ว บรรยากาศเงียบมากๆ ผมคงเหงามากหากอยู่คนเดียว
ผมพักอยู่ย่านนี้ประมาณ 5 ปี ก็ต้องย้ายที่อยู่อีกครั้ง เพราะซื้อรถยนต์ขับ
ต้องย้ายไปสถานที่ มีที่จอดรถยนต์บริการ ชีวิตช่วงนี้ผมใช้ต่อเนื่อง
กับการเรียนในมหาวิทยาลัยนะ

ท่านที่เคยใช้ชีวิตในย่านรามคำแหงในช่วงปี 29 ถึงปี 35
มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มารีวิวหรือแบ่งปัน ประสพการณ์ได้ที่นี่นะครับ
ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่านนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่