Santa Claus 🎅🏻Rally โยงกับตลาดหุ้นอย่างไร📈📊 ?

ทุกปลายปี
จะมีคำหนึ่งที่นักลงทุนทั่วโลกหยิบมาพูดซ้ำ ๆ
เหมือนเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของตลาดทุน

คำคำนั้นคือ
Santa Claus Rally

ฟังดูเหมือนนิทาน
เหมือนเอาซานต้ามาโยงกับตลาดหุ้น
แต่ในความเป็นจริง
มันเป็นหนึ่งใน “seasonal pattern”
ที่ถูกศึกษาอย่างจริงจังที่สุดในโลกการเงินค่ะคุณ

ไม่ใช่ความเชื่อ
ไม่ใช่ไสยศาสตร์
แต่เป็นพฤติกรรมตลาดที่มีข้อมูลรองรับยาวนานเกือบ 100 ปี

Santa Claus Rally หมายถึงอะไร
ในเชิงเทคนิค
มันคือแนวโน้มที่ตลาดหุ้น โดยเฉพาะ S&P 500
มักปรับตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม
โดยเฉพาะ 5 วันทำการสุดท้ายของปี
รวมกับ 2 วันทำการแรกของปีใหม่

แนวคิดนี้ถูกพูดถึงอย่างเป็นระบบครั้งแรก
โดย Yale Hirsch
ผู้ก่อตั้ง Stock Trader’s Almanac
ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักที่เก็บสถิติตลาดหุ้นอเมริกามายาวนานที่สุด

จากข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1928
ช่วง Santa Claus Rally ให้ผลตอบแทนเป็นบวก
ประมาณ 70–80% ของเวลา
โดยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ราว 1–1.5%
ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ตัวเลขนี้อาจดูไม่เยอะ
แต่สำหรับตลาดหุ้นขนาดใหญ่อย่าง S&P 500
มันถือว่า “ผิดปกติในเชิงสถิติ”

คำถามคือ
ทำไมต้องเป็นช่วงนี้
ทำไมซานต้าถึงมาทุกปี

คำตอบไม่ได้มีเหตุผลเดียว
แต่มันเป็นการซ้อนกันของหลายปัจจัย
ทั้งเชิงพฤติกรรม
เชิงสภาพคล่อง
และเชิงจิตวิทยา

เดี๋ยวฉันค่อยๆเล่าทีละข้อแบบง่ายๆ

อย่างแรก
ปลายปีคือช่วงที่แรงขายเริ่มลดลง

นักลงทุนสถาบันจำนวนมาก
ปิดหนังสือ
ล็อกกำไร
หรือหยุดปรับพอร์ตใหญ่ ๆ
เพราะไม่อยากสร้างความผันผวนก่อนสิ้นปีบัญชี

เมื่อแรงขายหายไป
แค่มีแรงซื้อเล็กน้อย
ราคาก็ขยับขึ้นได้ง่าย

อย่างที่สอง
คือเรื่องของ “เงินใหม่”

ปลายปีถึงต้นปี
เป็นช่วงที่เงินลงทุนใหม่เริ่มเข้าระบบ
ทั้งจากกองทุน
เงินโบนัส
เงินสะสมเพื่อการลงทุนปีใหม่

โดยเฉพาะในสหรัฐ
เงินจาก retirement plan
และ systematic investment
มักเริ่มไหลเข้าตลาดช่วงต้นปีอย่างชัดเจน

อย่างที่สาม
คือเรื่องจิตวิทยา

ปลายปีเป็นช่วงที่ข่าวร้ายลดลง
นักวิเคราะห์หยุด downgrade
ผู้บริหารไม่ออกมาพูดอะไรแรง ๆ
ทุกคนอยาก “จบปีให้สวย”

บรรยากาศตลาดจึงเปลี่ยนจากความระแวง
เป็นความหวัง
แม้เศรษฐกิจจะไม่ได้เปลี่ยนจริงในเวลาไม่กี่สัปดาห์

งานวิจัยจากหลายสำนัก
รวมถึงข้อมูลของ Bloomberg และ LPL Financial
ยืนยันตรงกันว่า
เดือนธันวาคมเป็นหนึ่งในเดือนที่ตลาดหุ้นอเมริกาให้ผลตอบแทนดีที่สุดค่ะคุณ

ถ้านับตั้งแต่ปี 1929
เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่ทำผลงานดีที่สุดอันดับ 2
รองจากเดือนกรกฎาคม

และที่น่าสนใจมากคือ
กำไรส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดทั้งเดือน
แต่กระจุกตัวอยู่ใน ครึ่งหลังของเดือน

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่มันสะท้อน “พฤติกรรมมนุษย์ในตลาดการเงิน” อย่างชัดเจน

แต่ฉันอยากพูดตรงนี้ให้ชัดมาก

Santa Claus Rally
ไม่ใช่สูตรรวย
ไม่ใช่สัญญาว่าตลาดจะต้องขึ้นทุกปี
และไม่ใช่สัญญาณให้ไล่ราคา

ในบางปี
Santa ไม่มา
หรือมาแว้บเดียวแล้วหายค่ะคุณ 😅

และที่สำคัญที่สุด
ถ้า Santa Claus Rally “ไม่เกิด”
ในบางทฤษฎีตลาดมองว่า
มันอาจเป็นสัญญาณเตือนเชิงลบของปีถัดไปด้วยซ้ำ

Yale Hirsch เคยพูดประโยคหนึ่งที่ดังมากว่า
“If Santa Claus should fail to call, bears may come to Broad and Wall.”

แปลเป็นภาษาคนคือ
ถ้าปลายปีตลาดไม่ขยับเลย
ต้องระวังปีหน้าให้มากเป็นพิเศษ

ดังนั้น
Santa Claus Rally ไม่ใช่เรื่องของการทำนาย
แต่เป็นเรื่องของการ “อ่านอุณหภูมิของตลาด”

ปีนี้ ภาพเป็นยังไง

ตลาดหุ้นอเมริกาทำจุดสูงสุดใหม่
แม้หุ้นเทคโนโลยีบางตัวเริ่มพัก
กำไรบริษัทโดยรวมยังโต
ประมาณการกำไรล่วงหน้ายังถูกปรับขึ้น
และ Fed อยู่ในโหมดผ่อนคลายมากกว่าตึง

นี่คือบริบทที่เอื้อ
ต่อการเกิด Santa Claus Rally
มากกว่าปีที่เศรษฐกิจถดถอย
หรือดอกเบี้ยกำลังขึ้นแรง

แต่ฉันอยากให้คุณมองเรื่องนี้
ในมุมที่ลึกกว่านั้น

Santa Claus Rally
ไม่ใช่เรื่องของ “ปลายปี”
แต่มันคือเรื่องของ “การเปลี่ยนผ่าน”

มันคือช่วงที่ตลาด
กำลังปิดบัญชีความกลัวของปีเก่า
และเริ่มตั้งคำถามกับปีใหม่

ใครที่จัดพอร์ตไว้ดี
ไม่ตื่นตระหนก
ไม่ไล่
ไม่หนี
มักจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากช่วงนี้มากที่สุด

สุดท้ายแล้ว
Santa Claus Rally
ไม่ได้บอกให้คุณซื้อ
หรือขาย

แต่มันบอกให้คุณ
ฟังตลาดให้เป็น

เพราะตลาดไม่เคยพูดเป็นคำ
แต่พูดผ่านพฤติกรรมซ้ำ ๆ
ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยตั้งใจฟัง

และบางที
เสียงกระดิ่งของซานต้า
ก็ไม่ได้ดัง
แต่ถ้าคุณอยู่กับตลาดมานานพอ
คุณจะ “รู้สึกได้” เอง

ว่านี่คือช่วงที่ตลาด
กำลังยิ้มให้คนที่จัดสมดุลพอร์ตไว้ถูกจริง ๆ

แอนนาเบล
CR https://www.facebook.com/share/1DKj2wBH6V/?mibextid=wwXIfr

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่