ธันวาคม 2025... เช้านี้หลายคนคงตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในอก ใช่ไหมครับ? เสียงปืนที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอาจจะอยู่ไกล แต่เสียงด่าทอในโซเชียลมีเดียกลับดังสนั่นอยู่ข้างหูเรานี่เอง คำถามมากมายผุดขึ้นมา "ทำไมต้องรบกัน?" "เรื่องจะบานปลายไหม?" และที่สำคัญที่สุดคือ "เราจะประคองใจอย่างไร ไม่ให้บ้าคลั่งไปกับกระแสข่าว?"
วันนี้ผมไม่ได้มาวิเคราะห์แผนการรบ แต่ชวนมาวางแผน "ยุทธวิธีทางความคิด" เพื่อให้เราถอยออกมามองสถานการณ์อย่างเท่าทัน และรักษาความสงบในใจไว้ให้ได้
1. เข้าใจ "กายวิภาคของสงคราม" เชื่อไหม... สงครามไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสมการที่ถูกคำนวณมาแล้ว (ไม่ว่าจะถูกหรือผิด) นักปรัชญาบอกเราว่า รากเหง้าของมันหนีไม่พ้น 3 อย่าง คือ ผลประโยชน์, ความกลัว และเกียรติยศ
มีประโยคทองของ คาร์ล ฟอน คลอเซวิทซ์ ที่น่าสนใจครับ... "สงคราม คือการดำเนินนโยบายทางการเมืองด้วยวิธีการอื่น" แปลง่ายๆ ว่า เป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่เป็นการ "บีบ" ให้อีกฝ่ายยอมตามเงื่อนไขต่างหาก
2. สนามรบยุคใหม่ อยู่ในมือถือของคุณ สิ่งที่น่าปวดหัวของปี 2025 คือเราไม่ได้เจอแค่รถถังหรือกระสุนปืน แต่เรากำลังเจอ "สงครามลูกผสม (Hybrid Warfare)" สนามรบย้ายมาอยู่ใน Facebook, X และ TikTok อาวุธคือ ข่าวลวง (Fake News), ภาพ AI ตัดต่อ และคำพูดสร้างความเกลียดชัง เป้าหมายคือการ "ยึดครองความคิด" ทำให้เราจิตตก เกลียดชังรัฐบาลตัวเอง หรือกลัวจนสติแตก
3. ทำไมคนดีๆ ถึงกลายเป็นปีศาจคีย์บอร์ด? เคยสงสัยไหม ทำไมคนที่ดูรักสงบ ถึงพิมพ์คอมเมนต์ไล่ฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉย? นี่คือกับดักทางจิตวิทยาครับ
พวกเรา vs พวกเขา: สมองสั่งให้เรามองว่า "ฝั่งเราถูกเสมอ" ส่วน "ฝั่งเขาคือตัวร้าย"
ลดทอนความเป็นมนุษย์: พอเราเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อสัตว์ หรือดูถูกเชื้อชาติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะหายไป
สมองส่วนสัญชาตญาณทำงานหนัก: พอความกลัวครอบงำ เหตุผลจะดับวูบ เหลือแต่สัญชาตญาณ "สู้ หรือ หนี" นำไปสู่ความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว
4. คู่มือรอดฉบับประชาชน (How to Survive) แล้วเราจะอยู่กันยังไง ไม่ให้เป็นบ้าไปก่อน?
ทำ Digital Diet: กำหนดเวลาเสพข่าวให้ชัดเจน เช้า 15 นาที เย็น 15 นาทีพอ อย่าไถฟีดก่อนนอน
เปลี่ยน FOMO เป็น JOMO: ยินดีที่จะตกข่าวบ้าง เรื่องไหนคอขาดบาดตายจริงๆ เดี๋ยวเราก็รู้เอง
หยุดส่งต่อความเกลียดชัง: อย่าแชร์โพสต์เหยียดเชื้อชาติ สงครามจบแต่ความเกลียดจะฝังลึก เป็นเชื้อไฟที่ดับยากในอนาคต
แยกแยะให้เป็น: รัฐบาล ทหาร และชาวบ้านร้านตลาดของฝั่งตรงข้าม "ไม่ใช่คนคนเดียวกัน" อย่าเหมารวมด่ากราด
บทส่งท้าย สงครามชายแดนเป็นหน้าที่ของกองทัพ แต่ "สงครามภายในใจ" เป็นหน้าที่ของเราทุกคน การที่เราตื่นตระหนกหรือเครียดแค้น ไม่ได้ช่วยหยุดกระสุน แต่กลับทำให้ "บ้าน" ของเรา (จิตใจและครอบครัว) ร้อนเป็นไฟ
ชัยชนะที่แท้จริงของประชาชน คือการ "รักษาความเป็นปกติ" ของชีวิตไว้ ดูแลคนข้างกายให้ดี รอวันที่พายุผ่านพ้นไป... เพราะทุกสงครามย่อมมีวันเลิกรา แต่บาดแผลทางใจต้องใช้เวลารักษาตลอดไป เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยสติครับ
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/16nVLgx5B3/
....................
สงคราม, จิตวิทยา และตัวเรา: วิธีประคองสติเมื่อโลก (และไทม์ไลน์) ลุกเป็นไฟ
ธันวาคม 2025... เช้านี้หลายคนคงตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในอก ใช่ไหมครับ? เสียงปืนที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอาจจะอยู่ไกล แต่เสียงด่าทอในโซเชียลมีเดียกลับดังสนั่นอยู่ข้างหูเรานี่เอง คำถามมากมายผุดขึ้นมา "ทำไมต้องรบกัน?" "เรื่องจะบานปลายไหม?" และที่สำคัญที่สุดคือ "เราจะประคองใจอย่างไร ไม่ให้บ้าคลั่งไปกับกระแสข่าว?"
วันนี้ผมไม่ได้มาวิเคราะห์แผนการรบ แต่ชวนมาวางแผน "ยุทธวิธีทางความคิด" เพื่อให้เราถอยออกมามองสถานการณ์อย่างเท่าทัน และรักษาความสงบในใจไว้ให้ได้
1. เข้าใจ "กายวิภาคของสงคราม" เชื่อไหม... สงครามไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสมการที่ถูกคำนวณมาแล้ว (ไม่ว่าจะถูกหรือผิด) นักปรัชญาบอกเราว่า รากเหง้าของมันหนีไม่พ้น 3 อย่าง คือ ผลประโยชน์, ความกลัว และเกียรติยศ
มีประโยคทองของ คาร์ล ฟอน คลอเซวิทซ์ ที่น่าสนใจครับ... "สงคราม คือการดำเนินนโยบายทางการเมืองด้วยวิธีการอื่น" แปลง่ายๆ ว่า เป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่เป็นการ "บีบ" ให้อีกฝ่ายยอมตามเงื่อนไขต่างหาก
2. สนามรบยุคใหม่ อยู่ในมือถือของคุณ สิ่งที่น่าปวดหัวของปี 2025 คือเราไม่ได้เจอแค่รถถังหรือกระสุนปืน แต่เรากำลังเจอ "สงครามลูกผสม (Hybrid Warfare)" สนามรบย้ายมาอยู่ใน Facebook, X และ TikTok อาวุธคือ ข่าวลวง (Fake News), ภาพ AI ตัดต่อ และคำพูดสร้างความเกลียดชัง เป้าหมายคือการ "ยึดครองความคิด" ทำให้เราจิตตก เกลียดชังรัฐบาลตัวเอง หรือกลัวจนสติแตก
3. ทำไมคนดีๆ ถึงกลายเป็นปีศาจคีย์บอร์ด? เคยสงสัยไหม ทำไมคนที่ดูรักสงบ ถึงพิมพ์คอมเมนต์ไล่ฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉย? นี่คือกับดักทางจิตวิทยาครับ
พวกเรา vs พวกเขา: สมองสั่งให้เรามองว่า "ฝั่งเราถูกเสมอ" ส่วน "ฝั่งเขาคือตัวร้าย"
ลดทอนความเป็นมนุษย์: พอเราเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อสัตว์ หรือดูถูกเชื้อชาติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะหายไป
สมองส่วนสัญชาตญาณทำงานหนัก: พอความกลัวครอบงำ เหตุผลจะดับวูบ เหลือแต่สัญชาตญาณ "สู้ หรือ หนี" นำไปสู่ความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว
4. คู่มือรอดฉบับประชาชน (How to Survive) แล้วเราจะอยู่กันยังไง ไม่ให้เป็นบ้าไปก่อน?
ทำ Digital Diet: กำหนดเวลาเสพข่าวให้ชัดเจน เช้า 15 นาที เย็น 15 นาทีพอ อย่าไถฟีดก่อนนอน
เปลี่ยน FOMO เป็น JOMO: ยินดีที่จะตกข่าวบ้าง เรื่องไหนคอขาดบาดตายจริงๆ เดี๋ยวเราก็รู้เอง
หยุดส่งต่อความเกลียดชัง: อย่าแชร์โพสต์เหยียดเชื้อชาติ สงครามจบแต่ความเกลียดจะฝังลึก เป็นเชื้อไฟที่ดับยากในอนาคต
แยกแยะให้เป็น: รัฐบาล ทหาร และชาวบ้านร้านตลาดของฝั่งตรงข้าม "ไม่ใช่คนคนเดียวกัน" อย่าเหมารวมด่ากราด
บทส่งท้าย สงครามชายแดนเป็นหน้าที่ของกองทัพ แต่ "สงครามภายในใจ" เป็นหน้าที่ของเราทุกคน การที่เราตื่นตระหนกหรือเครียดแค้น ไม่ได้ช่วยหยุดกระสุน แต่กลับทำให้ "บ้าน" ของเรา (จิตใจและครอบครัว) ร้อนเป็นไฟ
ชัยชนะที่แท้จริงของประชาชน คือการ "รักษาความเป็นปกติ" ของชีวิตไว้ ดูแลคนข้างกายให้ดี รอวันที่พายุผ่านพ้นไป... เพราะทุกสงครามย่อมมีวันเลิกรา แต่บาดแผลทางใจต้องใช้เวลารักษาตลอดไป เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยสติครับ
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/16nVLgx5B3/
....................