“ฮีเลียม-3” ไอโซโทปหายาก กลายเป็นหนึ่งในแร่หายากที่ทุกคนต้องการ เพราะมีศักยภาพในการระบายความร้อนให้กับคอมพิวเตอร์ควอนตัม
ขับเคลื่อนอุปกรณ์ทางการแพทย์รุ่นใหม่ หรือกระทั่งใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ที่สะอาดกว่า
ในเมื่อบนโลกมันหายากนัก ประเทศต่าง ๆ จึงพุ่งเป้าไปที่ “ดวงจันทร์” ที่มี ฮีเลียม-3 อยู่ในฝุ่นบนพื้นผิวของดวงจันทร์
แต่การจะไปทำเหมืองบนดวงจันทร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีคำถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใครจะเป็นผู้สร้างเครื่องมือ
ใครจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ และใครจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่พบนอกโลก
ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปเบาที่ไม่เป็นกัมมันตรังสี ฝังอยู่ในเรโกลิธ (ดินบนดวงจันทร์) ซึ่งสะสมมานานหลายพันล้านปี
โดยถูกพัดพาจากลมสุริยะและตกตะกอนลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ เนื่องจากไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกัน
นักวิทยาศาสตร์คิดมานานแล้วว่าจะทำแร่เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ในทางทฤษฎี
ฮีเลียม-3 สามารถใช้เป็นพลังงานให้กับเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันรุ่นใหม่ที่สะอาด
ปราศจากกากกัมมันตรังสีอันตรายและไม่ก่อให้เกิดของเสียอันตรายอีกด้วย
แฮร์ริสัน ชมิดต์ นักธรณีวิทยาจากโครงการอพอลโล เคยกล่าวไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า การขุดฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์อาจเปลี่ยนแปลงโลกได้ ขณะที่เจอรัลด์ คุลซินสกี จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สร้างเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กเพื่อสำรวจปฏิกิริยาฟิวชั่นของฮีเลียม-3 แต่ถึงแม้จะพยายามมาหลายปี ก็ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการสร้างปฏิกิริยาฟิวชั่นที่มีพลังงานสุทธิเพิ่มขึ้นนานกว่าไม่กี่นาที
ฮีเลียม-3 ถูกใช้ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำพิเศษสำหรับคอมพิวเตอร์ควอนตัม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสแกน MRI ปอดบางประเภทเมื่อมีการเพิ่มขั้ว
และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องตรวจจับนิวตรอนที่ใช้เพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ วิศวกรด้านไครโอเจนิกส์คนหนึ่งบอกกับ Interesting Engineering ว่า “ภายในตู้เย็น Blue Origin นั้นเย็นกว่าในอวกาศถึง 200 เท่า”
อย่างไรก็ตาม โลกมีไอโซโทปที่มีค่านี้อยู่เพียงเล็กน้อย ฮีเลียม-3 ส่วนใหญ่บนโลกมาจากการสลายตัวอย่างช้า ๆ ของทริเทียมในคลังนิวเคลียร์
ซึ่งผลิตได้เพียงไม่กี่พันลิตรต่อปีเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าดวงจันทร์มีฮีเลียม-3 มากถึงหนึ่งล้านตัน
กระจายอยู่ทั่วชั้นบนสุดของดินบนดวงจันทร์ เพื่อให้ได้ฮีเลียม-3 เพียงไม่กี่ลิตร นักขุดอาจต้องแปรรูปฝุ่นมากพอที่จะเติมสระว่ายน้ำในสวนหลังบ้านได้
● ดวงจันทร์แหล่งขุมทรัพย์ใหม่
สหรัฐและจีนเริ่มมองดวงจันทร์เป็นแหล่งตักตวงผลประโยชน์สำคัญของชาติ ขณะที่รัสเซีย ยุโรป และอินเดียที่กำลังตามมาติด ๆ
แทนที่จะลงสำรวจเพียงครั้งเดียว เป้าหมายในตอนนี้ของนานาชาติ คือ การสร้างระบบที่สามารถรองรับการปฏิบัติงานในระยะยาว
ใครก็ตามที่ทำได้ก่อนอาจเป็นผู้กำหนดว่าโลกจะใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์อย่างไรในอนาคตอันใกล้
ในเดือนกันยายน 2025 บริษัท Bluefors บริษัทด้านเทคโนโลยีความเย็นจัดในเฮลซิงกิ ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทสตาร์ทอัพ Interlune เพื่อซื้อฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์มากถึง 1,000 ลิตรต่อปี ในข้อตกลงมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สองสัปดาห์ต่อมา Blue Origin ประกาศโครงการ Oasis ซึ่งเป็นภารกิจระยะยาว โดยจะเริ่มต้นด้วยการทำแผนที่ทรัพยากรบนดวงจันทร์ เช่น น้ำแข็งและฮีเลียม-3 จากวงโคจร
แผนการของ Interlune ฟังดูเรียบง่ายอย่างน่าประหลาดใจ โดยเก็บดินบนดวงจันทร์ นำมาให้ความร้อนเพื่อปลดปล่อยก๊าซที่ถูกกักไว้ แยกฮีเลียม-3
ที่หายากออกมา แล้วขนส่งกลับมายังโลก แต่ดินบนดวงจันทร์นั้นคม เป็นแก้ว และเหนียว สามารถอุดตันข้อต่อและกัดกร่อนเครื่องจักร ในสุญญากาศของดวงจันทร์ทำให้สารหล่อลื่นจะระเหยไป แม้แต่หุ่นยนต์อัตโนมัติก็ต้องทำงานโดยคำนึงถึงความล่าช้าเพียงไม่กี่วินาทีระหว่างโลกกับตัวควบคุม
ถึงกระนั้น รัฐบาลก็ยังคงลงทุนแม้จะมีอุปสรรคทางเทคนิค ในช่วงกลางปี 2025 กระทรวงพลังงานของสหรัฐได้จัดซื้อฮีเลียม-3
จากดวงจันทร์จำนวน 3 ลิตร นับเป็นการซื้อทรัพยากรนอกโลกครั้งแรกของรัฐบาล
ขณะที่ สหภาพยุโรปตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอวกาศภายในปี 2050 โดยเน้นที่การทำเหมืองและการสกัดทรัพยากรด้วยหุ่นยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน เนื่องจากในสหภาพยุโรปมีแร่แรร์เอิร์ธอยู่ไม่มาก จำเป็นต้องพึ่งพาประเทศภายนอก
คณะกรรมาธิการกังวลว่าประเทศที่มีแหล่งสำรองโลหะเหล่านี้จำนวนมากอาจร่วมมือกันเพื่อควบคุมอุปทาน เช่นเดียวกับที่ OPEC ควบคุมอุปทานน้ำมัน
ไม่มีใครปฏิเสธว่าโครงการนี้จะไม่สร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจ ฌอน ดัฟฟี รักษาการผู้บริหารของนาซา กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ผู้ที่นำในอวกาศจะเป็นผู้นำบนโลกด้วย” ในเวลาเดียวกันนั้น จีนได้ทำการทดสอบที่สำคัญของจรวดลองมาร์ช 10 และยานลงจอดลานเยว่
ซึ่งเป็นส่วนประกอบของโครงการสำรวจดวงจันทร์ที่มีมนุษย์ควบคุม ขณะเดียวกันก็ยังคงวางแผนภารกิจฉางเอ๋อ
สำหรับสำรวจขั้วใต้ของดวงจันทร์ในระยะยาว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่มีน้ำแข็งและทรัพยากรที่มีค่าอื่น ๆ
ฌอน ดัฟฟี แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐไปถึงขั้วใต้ของดวงจันทร์ก่อนจีน โดยมองว่าภารกิจนี้เป็นการแข่งขันที่มีเดิมพันสูง
สนธิสัญญาอวกาศปี 1967 ห้ามการเป็นเจ้าของวัตถุบนท้องฟ้า แต่ไม่ได้กล่าวถึงเขตปฏิบัติการพิเศษมากนัก
ความคลุมเครือของข้อกำหนดต่าง ๆ อาจถูกทดสอบ เมื่อประเทศต่าง ๆ
ตีความกฎหมายเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการครอบครองหลุมอุกกาบาตและแหล่งทรัพยากรที่มีค่า
นอกจากนี้ นาซากำลังวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการอาร์เทมิส
ที่มีเป้าหมายในการสร้างฐานบนดวงจันทร์และสร้างการดำรงอยู่ของมนุษย์ในระยะยาวบนพื้นผิวดวงจันทร์
จีนและรัสเซียก็วางแผนที่จะร่วมมือกันสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ โครงการร่วมทุนของทั้งสองประเทศ
ซึ่งจะให้พลังงานแก่ศูนย์วิจัยที่เรียกว่าสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2035
ส่วนญี่ปุ่นก็กำลังพยายามเข้าร่วมการแข่งขันและขุดหาทรัพยากรที่มีค่าบนดวงจันทร์เช่นกัน
ใครก็ตามที่ดำเนินการเครื่องปฏิกรณ์เครื่องแรกบนดวงจันทร์ อาจทำมากกว่าแค่ผลิตกระแสไฟฟ้า ดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้กล่าวไว้
โรงไฟฟ้าจะกลายเป็นเขตห้ามเข้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วถือเป็นการอ้างสิทธิ์ในดินแดนโดยพฤตินัย
ทั้งนี้ การขุดฮีเลียม-3 ยังคงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก การประเมินของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐยังคงระบุว่าเป็น
“ทรัพยากรที่คาดการณ์ว่าไม่สามารถนำมาใช้ได้”
ตัวอย่างฮีเลียม-3 จากโครงการอพอลโลแสดงให้เห็นความเข้มข้นเพียงส่วนในพันล้านส่วน การสกัดและขนส่งกลับมายังโลกอาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์ต่อลิตรที่ผลิตได้ แม้ว่าจะสามารถทำได้ การหลอมรวมฮีเลียม-3 ก็ยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อมในขณะนี้
ดังที่นักฟิสิกส์ แฟรงค์ โคลส เคยเขียนไว้ว่า แนวคิดนี้อาจเป็นเพียง “ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ”
แม้มันอาจจะเป็นไปได้ยากในเวลานี้ แต่ความพยายามก็ พิสูจน์ว่าทรัพยากรบนดวงจันทร์สามารถนำมาใช้ได้
การกำหนดกฎเกณฑ์ว่าใครจะได้อะไร และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้การลงทุนในอนาคตเป็นไปได้
ด้วยวิสัยทัศน์นี้เองที่ดึงดูดรัฐบาล บริษัท และนักลงทุนเข้ามามีส่วนร่วม ครึ่งหนึ่งของภารกิจสำรวจดวงจันทร์ทั้งหมด 450
ภารกิจที่วางแผนไว้จนถึงปี 2033 เป็นภารกิจเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์
และในตอนนี้บริษัทต่าง ๆ เริ่มยื่นคำขอใช้คลื่นความถี่วิทยุบนดวงจันทร์แล้ว
ประเทศแรกที่สามารถผลิตพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กลั่นก๊าซ หรือเติมเชื้อเพลิงให้กับยานอวกาศบนดวงจันทร์ได้
อาจจะกำหนดนิยามใหม่ของคำว่า “กรรมสิทธิ์” นอกเหนือจากโลกของเรา
แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
https://www.bangkokbiznews.com/sustainability/1212102
แข่ง ‘ทำเหมืองแร่’ บน ‘ดวงจันทร์’ ดึงแร่แรร์เอิร์ธมาใช้ วิกฤติภูมิรัฐศาสตร์ใหม่?
สนธิสัญญาอวกาศปี 1967 ห้ามการเป็นเจ้าของวัตถุบนท้องฟ้า แต่ไม่ได้กล่าวถึงเขตปฏิบัติการพิเศษมากนัก
ความคลุมเครือของข้อกำหนดต่าง ๆ อาจถูกทดสอบ เมื่อประเทศต่าง ๆ
ตีความกฎหมายเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการครอบครองหลุมอุกกาบาตและแหล่งทรัพยากรที่มีค่า
นอกจากนี้ นาซากำลังวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการอาร์เทมิส
ที่มีเป้าหมายในการสร้างฐานบนดวงจันทร์และสร้างการดำรงอยู่ของมนุษย์ในระยะยาวบนพื้นผิวดวงจันทร์
แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
https://www.bangkokbiznews.com/sustainability/1212102