”ไม่อยากหลังค่อมเหมือนแม่ ต้องทำยังไง?“ คำถามจากคนไข้วัย 48 ปี ที่กังวลเรื่องกระดูกพรุน

กระทู้สนทนา
"ไม่อยากหลังค่อมเหมือนแม่ ต้องทำยังไง?" คำถามจากคนไข้วัย 48 ปี ที่กังวลเรื่องกระดูกพรุน

คุณผู้หญิงหลายท่านเคยรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังสาว ยังแต่งตัวสวย ยังทำงานเก่ง เหมือนเดิมทุกอย่าง... แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ "ประจำเดือน" ที่เคยมาตรงเวลาราวกับตั้งนาฬิกาปลุก เริ่มเกเร มาบ้าง ไม่มาบ้าง หรือบางเดือนก็มาน้อยจนน่าใจหาย

พร้อมกับความรู้สึกแวบหนึ่งที่เข้ามาในหัวว่า "เอ๊ะ... หรือฉันกำลังจะเข้าวัยทอง? แล้วแม่ฉันที่กระดูกหักตอนอายุ 70 ล่ะ ฉันจะเป็นแบบนั้นไหม?"

มีคนไข้ของผมท่านหนึ่งครับ ชื่อ "คุณพี่แหม่ม" อายุ 48 ปี เป็นผู้บริหารบริษัทโฆษณา บุคลิกคล่องแคล่ว แต่วันนี้เดินเข้ามาปรึกษาผมด้วยแววตาที่กังวล

"หมอคะ เพื่อนรุ่นเดียวกันเพิ่งลื่นล้มข้อมือหัก หมอบอกว่าเป็นกระดูกพรุน ทั้งที่เขาดูแข็งแรงมาก พี่เองเมนส์เริ่มขาดๆ หายๆ มา 3 เดือนแล้ว พี่กลัวค่ะ... กลัวว่าวันนึงแค่จามแรงๆ กระดูกสันหลังพี่จะยุบ หรือเดินสะดุดแล้วสะโพกหัก พี่ต้องกินแคลเซียมวันละกี่เม็ดคะถึงจะพอ หรือพี่สายเกินไปแล้ว?"

คำถามของคุณพี่แหม่ม คือเสียงในใจของผู้หญิงวัย 40 ปลายๆ แทบทุกคนครับ วันนี้หมอเก่งจะมาเปิดคัมภีร์ดูแลกระดูกฉบับ "เตรียมรับมือวัยทอง" ให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ และนำไปใช้ได้ทันทีครับ

### ความจริงที่หมออยากบอก: "ธนาคารกระดูก" ของคุณกำลังถูกถอนเงิน!

หมออยากให้จินตนาการว่าร่างกายเรามี "ธนาคารกระดูก" ครับ

ช่วงวัยรุ่นจนถึงอายุ 30 ปี คือช่วงที่เรา "ฝากเงิน" (สะสมมวลกระดูก) เข้าไปให้เต็มที่ แต่พออายุเลย 35-40 ปี ดอกเบี้ยเริ่มไม่มี แถมเราเริ่ม "ถอนเงิน" (สลายกระดูก) ออกมาใช้ทีละนิดๆ ทุกวัน

จุดเปลี่ยนสำคัญคือ "ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)" ครับ ฮอร์โมนเพศหญิงตัวนี้ทำหน้าที่เหมือน "ผู้จัดการธนาคาร" ที่คอยห้ามไม่ให้ใครมาถอนเงินออกไปเยอะเกินไป ช่วยรักษาเนื้อกระดูกไว้

แต่เมื่อถึงวัย 48 ปี หรือช่วงใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause) ผู้จัดการคนเก่งของเราเริ่มทำงานน้อยลง ฮอร์โมนลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ "แก๊งสลายกระดูก" บุกเข้ามาขโมยเนื้อกระดูกออกไปได้ง่ายและเร็วกว่าเดิมหลายเท่า! นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงถึงเสี่ยงกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย

### ความรู้เบื้องต้น: โรคกระดูกพรุน คืออะไร? (Osteoporosis)

โรคกระดูกพรุน คือภาวะที่เนื้อในของกระดูกมีความหนาแน่นลดลง จากเดิมที่โครงสร้างภายในสานกันแน่นหนาเหมือน "ฟองน้ำเนื้อแน่น" ก็จะเริ่มบางลง รูพรุนกว้างขึ้นเหมือน "รังผึ้งที่ผุพัง" ทำให้กระดูกเปราะและแตกหักได้ง่าย แม้โดนแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย

สาเหตุและกลไกการเกิดโรค (Pathogenesis)

โดยปกติ ร่างกายเรามีการสร้างกระดูกใหม่และสลายกระดูกเก่าตลอดเวลา (Bone Remodeling) แต่เมื่อเข้าสู่วัยทอง การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้กระบวนการ "สลาย" เกิดขึ้นเร็วกว่าการ "สร้าง" คืน ส่งผลให้มวลกระดูกรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง

อาการที่น่ากลัวคือ "ไม่มีอาการ"

โรคนี้ถูกขนานนามว่า "ภัยเงียบ (Silent Disease)" เพราะในระยะแรกที่คุณพี่แหม่ม หรือคุณผู้หญิงหลายท่านเริ่มมีภาวะกระดูกบาง ท่านจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยครับ ไม่มีสัญญาณเตือน

เราจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อ...

1. กระดูกหัก: จากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลื่นในห้องน้ำ ยันมือกับพื้นแล้วข้อมือหัก หรือก้นกระแทกแล้วสะโพกหัก
2. ตัวเตี้ยลง: ความสูงลดลงมากกว่า 3-4 เซนติเมตร
3. หลังค่อม: เกิดจากกระดูกสันหลังยุบตัวลงมา

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องรีบเช็ก

- อายุและเพศ: หญิงวัยหมดประจำเดือน
- รูปร่าง: ผอมบาง ตัวเล็ก (คนตัวเล็กมีต้นทุนกระดูกน้อยกว่าคนตัวใหญ่)
- กรรมพันธุ์: มีประวัติพ่อแม่กระดูกสะโพกหัก
- ยาบางชนิด: เช่น ยาสเตียรอยด์ (ใช้รักษาภูมิแพ้หรือโรคพุ่มพวง)
- ไลฟ์สไตล์: สูบบุหรี่, ดื่มเหล้า, ดื่มกาแฟจัด, ไม่ออกกำลังกาย

### การตรวจวินิจฉัย: ต้องรอให้หักก่อนไหม?

ไม่จำเป็นต้องรอครับ! ในวัย 48 ปี หากมีความเสี่ยงสูง หมอแนะนำให้ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone Mineral Density - BMD) ด้วยเครื่อง DEXA Scan.

การแปลผล (ค่า T-score):

- สีเขียว (ปกติ): ค่ามากกว่า -1
- สีเหลือง (กระดูกบาง - Osteopenia): ค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง -2.5 (จุดนี้คือจุดที่ต้องรีบกู้คืน!)
- สีแดง (กระดูกพรุน - Osteoporosis): ค่าน้อยกว่า -2.5 (เสี่ยงหักสูงมาก)

.

### ฮาวทู (How-to) ดูแลตัวเองวัย 48: ปฏิบัติการกู้คืนมวลกระดูก

สำหรับคุณพี่แหม่มและสาวๆ วัย 48+ ทุกท่าน นี่คือ "นาทีทอง" ครับ ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งเซฟกระดูกได้มาก หมอขอสรุปแนวทางดังนี้:

1. อาหาร: เติมเงินเข้าธนาคารทุกวัน

- แคลเซียม (Calcium): ร่างกายวัยนี้ต้องการวันละ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม ไม่จำเป็นต้องกินยาเม็ดเสมอไป เน้นจากธรรมชาติ เช่น นม, โยเกิร์ต, ปลาเล็กปลาน้อย, กุ้งฝอย, ผักใบเขียว (คะน้า, บรอกโคลี), เต้าหู้แข็ง
- วิตามินดี (Vitamin D): ตัวช่วยดูดซึมแคลเซียม แหล่งที่ดีที่สุดคือ "แสงแดด" อ่อนๆ ตอนเช้าหรือเย็น (ประมาณ 15-20 นาที) หรือทานปลาทะเล ไข่แดง เห็ด

2. การออกกำลังกาย: กระตุ้นการสร้างกระดูก

การเดินช้อปปิ้งอย่างเดียวไม่พอนะครับ! ต้องเป็นการออกกำลังกาย 2 ประเภทนี้:

- ลงน้ำหนัก (Weight-bearing): ให้กระดูกได้รับแรงกด เช่น เดินเร็ว, วิ่งเหยาะๆ, เต้นแอโรบิก, กระโดดเชือก (ถ้าเข่ายังดี)
- ต้านแรง (Resistance): สร้างกล้ามเนื้อมาพยุงกระดูก เช่น ยกเวทเบาๆ, เล่นยางยืด, บอดี้เวท (Squat)

3. ปรับไลฟ์สไตล์: หยุดโจรขโมยกระดูก

- ลดกาแฟ (ไม่ควรเกิน 2 แก้วต่อวัน เพราะคาเฟอีนขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ)
- ลดเค็ม (โซเดียมทำให้ไตขับแคลเซียมทิ้ง)
- งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์

4. การใช้ยาและฮอร์โมน (ปรึกษาแพทย์)

ในบางรายที่กระดูกบางมาก หรือมีอาการวัยทองร่วมด้วย แพทย์อาจพิจารณาเรื่อง ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy) หรือยากลุ่ม Bisphosphonates เพื่อชะลอการสลายกระดูก แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่ควรซื้อกินเองครับ

### พยากรณ์โรค: จะกลับมาแข็งแรงเหมือนสาวๆ ได้ไหม?

โรคกระดูกพรุน "ป้องกันได้ และรักษาได้" ครับ แม้เราจะไม่สามารถทำให้กระดูกกลับมาหนาแน่นเท่าวัย 20 ได้ 100% แต่เราสามารถ "หยุดยั้ง" ไม่ให้มันพรุนไปมากกว่านี้ และลดโอกาสการเกิดกระดูกหักได้แน่นอน หากปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด

### สิ่งที่หมอเก่งอยากฝากทิ้งท้าย

ผู้หญิงวัย 48 ปี ไม่ใช่วัยที่แก่ชรา แต่เป็นวัยที่ "สวยสมบูรณ์แบบและมีวุฒิภาวะ" ครับ อย่าให้ความกังวลเรื่องกระดูกมาขัดขวางความสุข

การดูแลกระดูก ไม่ใช่การทำเพื่อวันนี้ แต่เป็นการทำเพื่อตัวเราในอีก 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้วันที่เราอายุ 70 เราจะยังเดินไปเที่ยวกับลูกหลานได้ เดินชมนกชมไม้ได้ โดยไม่ต้องนอนติดเตียง... เริ่มสะสม "ทุนกระดูก" ตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สายเกินไปครับ!

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
CR https://www.facebook.com/share/1DJbkmAN9r/?mibextid=wwXIfr

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่