จากข้อความ "GAM-102" ที่ปรากฏชัดเจนบนท่อเก็บจรวดในภาพ อาวุธชิ้นนี้คือ GAM-102 (หรือรุ่น GAM-100 series) ซึ่งเป็น จรวดนำวิถีต่อสู้รถถัง (ATGM) สัญชาติจีน ครับ
ข้อมูลที่ถูกต้อง:
* ชื่อรุ่น: GAM-102 (ผลิตโดยบริษัท Poly Technologies ของประเทศจีน)
* ประเภท: เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังแบบพกพา (Man-Portable Anti-Tank Guided Missile) ยุคใหม่
* ระบบการทำงาน: เป็นระบบ Top Attack (โจมตีจากด้านบนใส่ส่วนที่บางที่สุดของรถถัง) และมีระบบนำวิถีแบบ Infrared Imaging (IIR) ทำให้มีคุณสมบัติ "Fire-and-Forget" (ยิงแล้วลืม) คล้ายคลึงกับจรวด FGM-148 Javelin ของสหรัฐฯ หรือ Spike ของอิสราเอล แต่เป็นเวอร์ชันที่จีนผลิตเพื่อส่งออก
* บริบทในภูมิภาค: อาวุธรุ่นนี้มีรายงานว่าเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการใน กองทัพกัมพูชา ครับ (ภาพจาก Pantip ที่คุณนำมา น่าจะเป็นกระทู้ที่พูดถึงการค้นพบหรือยึดอาวุธชนิดนี้ได้จากพื้นที่ชายแดน หรือเป็นการวิเคราะห์ขุมกำลังของเพื่อนบ้านครับ)
รถถังที่เราควรจะจัดซื้อจัดหาคือ
สรุปรายชื่อรถถังที่กันจรวด Top Attack (GAM-102) ได้ และราคาประเมินจากดีลจริงครับ:
* Leopard 2A8 (เยอรมนี)
* ทำไมกันได้: มีระบบ Trophy APS ยิงทำลายจรวดก่อนถึงตัว + เกราะหลังคาหนา
* ราคา: ~1,200 ล้านบาท/คัน
* M1A2 SEPv3 (สหรัฐฯ)
* ทำไมกันได้: มีระบบ Trophy APS + เกราะลำตัวใหม่
* ราคา: ~1,500 - 1,600 ล้านบาท/คัน (ถ้าสั่งน้อยจะแพงกว่านี้)
* K2PL / K2EX (เกาหลีใต้ รุ่นส่งออก)
* ทำไมกันได้: ติดตั้งระบบ Hard-kill APS (ยิงสวน) ตามสเปกโปแลนด์
* ราคา: ~1,150 - 1,200 ล้านบาท/คัน
สรุปสั้น: ต้องเลือกรุ่นที่มีระบบ "Hard-kill APS" (ระบบยิงสวน) เท่านั้นถึงจะรอดครับ ราคาเฉลี่ยรถใหม่พร้อมรบอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ครับ



คัดเหลือ 3 รุ่นตัวท็อป สรุปจุดเด่น วิธีกันจรวด และทีเด็ดแก้ทางโดรนครับ:
1. Leopard 2A8 (เยอรมนี) - "สมดุลและทันสมัยสุด"
* ดียังไง: เป็นรุ่นมาตรฐานใหม่ของ NATO เครื่องยนต์ทนทาน ระบบเสถียร ซ่อมง่ายเพราะเพื่อนร่วมทีมในยุโรปใช้เยอะ
* กันจรวด (GAM-102): ใช้ระบบ Trophy APS เรดาร์ตรวจจับจรวดที่พุ่งมา แล้วยิงกระสุนลูกปรายสวนไปทำลายทิ้งกลางอากาศ
* ต้านโดรน:
* เกราะหลังคา: เสริมเกราะหนาพิเศษด้านบน เพื่อกันโดรนทิ้งระเบิดใส่
* ป้อมปืน RWS: ปืนกลบนหลังคาควบคุมจากในรถ ใช้สอยโดรนได้โดยคนไม่ต้องโผล่หัวออกมา
2. M1A2 SEPv3 (สหรัฐฯ) - "ถึกและกระสุนโหด"
* ดียังไง: เกราะด้านหน้าผสมยูเรเนียม (Depleted Uranium) แข็งแกร่งที่สุดในโลก อำนาจการยิงรุนแรงมาก
* กันจรวด (GAM-102): ใช้ระบบ Trophy APS ยิงทำลายจรวดเหมือนกัน + เกราะตัวถังซ้อนหลายชั้นช่วยซับแรง
* ต้านโดรน (ทีเด็ด):
* กระสุน AMP (Advanced Multi-Purpose): กระสุนปืนใหญ่ชนิดพิเศษ สามารถ "ตั้งเวลาแตกอากาศ (Airburst)" ได้ คือยิงไปแล้วให้ระเบิดกลางอากาศเพื่อกวาดโดรนทั้งฝูงได้ในนัดเดียว
* Jammer: มักติดตั้งระบบตัดสัญญาณรบกวน (EW) เพื่อให้โดรนบังคับไม่ได้
3. K2PL (เกาหลีใต้ สเปกโปแลนด์) - "คล่องตัวและไฮเทค"
* ดียังไง: ช่วงล่างถุงลมปรับระดับได้ (หมอบต่ำ/เชิดหน้า/เอียงตัว) เหมาะกับภูมิประเทศยากๆ และมีระบบโหลดกระสุนอัตโนมัติ (ไม่ต้องใช้คนโหลด ยิงรัวได้เร็วกว่า)
* กันจรวด (GAM-102): ติดตั้งระบบ Hard-kill APS (รุ่น KAPS-2 หรือ Trophy) ยิงสกัดจรวดได้เหมือนกัน
* ต้านโดรน:
* Jammer ในตัว: ออกแบบมาให้มีระบบรบกวนสัญญาณโดรนติดตั้งมากับรถเลย
* AI Radar: เรดาร์รุ่นใหม่แยกแยะเป้าหมายเล็กๆ อย่างโดรนได้ดีขึ้น เพื่อให้ปืนกลยิงสอยได้แม่นยำ
สรุปการเลือก:
* ถ้ากลัวโดรนรุมเยอะๆ -> M1A2 SEPv3 (กระสุนระเบิดอากาศกินเรียบ)
* ถ้าเน้นรบในพื้นที่ภูเขา/ที่แคบ -> K2PL (ยืดหยุ่น คล่องตัว)
* ถ้าเน้นมาตรฐานสากล อะไหล่หาง่าย -> Leopard 2A8
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขยายความเชิงลึก (Deep Dive) ของรถถัง 3 รุ่นท็อป พร้อมอ้างอิงราคาจาก สัญญาซื้อขายจริง (Real Deals) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2023-2025 ให้เห็นภาพชัดเจนครับ
1. Leopard 2A8 (เยอรมนี)
ฉายา: "มาตรฐานใหม่ของยุโรป" (The New European Standard)
🛠 สเปกเชิงลึก (Technical Specs)
* น้ำหนัก: ประมาณ 69-70 ตัน (หนักขึ้นจากรุ่นก่อนเพราะเกราะและระบบใหม่)
* เครื่องยนต์: MTU MB 873 Ka-501 ดีเซล 1,500 แรงม้า (รุ่นอมตะ ซ่อมง่าย ทนทาน)
* อาวุธหลัก: ปืนใหญ่ 120 มม. รุ่น L/55 A1 (ลำกล้องยาวพิเศษ แรงดันสูง ยิงกระสุนเจาะเกราะได้แรงที่สุดในกลุ่มนี้)
* ระบบป้องกัน (APS): EuroTrophy (ติดตั้งเป็นมาตรฐานจากโรงงาน ไม่ใช่ของแต่งเพิ่ม) เรดาร์ 4 ตัวรอบป้อม จับจรวดและยิงทำลายอัตโนมัติ
* การแก้ทางโดรน:
* หลังคา: เสริมเกราะ Composite หนาพิเศษกันโดรนทิ้งระเบิด
* กระสุน: ใช้กระสุนระเบิด DM11 ที่ตั้งเวลาแตกอากาศเหนือเป้าหมายได้ (ยิงใส่ฝูงโดรน)
💰 แกะรอยราคาจาก "ดีลจริง"
* อ้างอิงสัญญา: สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) — ลงนามมิถุนายน 2024/2025
* รายละเอียด: สั่งซื้อ 77 คัน (ล็อตแรก 44 คัน + ออปชันเสริม)
* มูลค่าสัญญา: ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์ (ราว 52,000 - 55,000 ล้านบาท)
* ตกคันละ: ≈ 1,250 ล้านบาท (ราคานี้รวมอะไหล่ การฝึก และกระสุนล็อตแรก)
* วิเคราะห์ราคา: แพงเพราะเป็นของ "ผลิตใหม่" (New Build) ทั้งหมด ไม่ใช่เอารถเก่ามาทำ และเยอรมันขึ้นชื่อเรื่องค่าตัวแรงแต่จบ
2. M1A2 SEPv3 Abrams (สหรัฐอเมริกา)
ฉายา: "ป้อมปราการเดินดิน" (The Rolling Fortress)
🛠 สเปกเชิงลึก (Technical Specs)
* น้ำหนัก: 66.8 เมตริกตัน (เบากว่า Leopard นิดหน่อย แต่ถ้ารวมเกราะเสริมจะหนักพอกัน)
* เครื่องยนต์: Honeywell AGT1500 กังหันแก๊ส (Gas Turbine) 1,500 แรงม้า (เงียบมาก เร่งความเร็วได้ดั่งใจ แต่กินน้ำมันดุเดือด)
* อาวุธหลัก: ปืนใหญ่ 120 มม. M256 (ลำกล้องสั้นกว่า Leopard แต่เน้นกระสุนยูเรเนียมที่หนักหน่วง)
* ระบบป้องกัน (APS): Trophy APS (ติดตั้งข้างป้อมปืน เป็น "ตุ้ม" ยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด)
* การแก้ทางโดรน (ทีเด็ด):
* กระสุน AMP (XM1147): นัดเดียวจบ เป็นกระสุนอัจฉริยะที่นักบินพลตั้งโหมดได้ว่าจะให้ "เจาะกำแพง" หรือ "ระเบิดกลางอากาศ" เพื่อกวาดโดรน
* C-UAS Jammer: รุ่น v3 มักติดตั้งเสารบกวนสัญญาณ (Duke/Thor) มาให้เลย เพื่อตัดรีโมทโดรน
💰 แกะรอยราคาจาก "ดีลจริง"
* อ้างอิงสัญญา 1 (ซื้อน้อย): โรมาเนีย (Romania) — อนุมัติปี 2023/2024
* จำนวน: 54 คัน
* ราคา: 2,530 ล้านดอลลาร์ (รวมรถกู้ซ่อม รถสะพาน และการตั้งฐานทัพใหม่)
* ตกคันละ: ≈ 1,500 - 1,600 ล้านบาท (แพงมากเพราะต้องเริ่มระบบ Logistics ใหม่หมด)
* อ้างอิงสัญญา 2 (ซื้อเยอะ): โปแลนด์ (Poland) — ดีลใหญ่
* จำนวน: 250 คัน
* ตกคันละ: ≈ 700 - 800 ล้านบาท (ถูกลงครึ่งหนึ่งเพราะสั่งผลิตล็อตใหญ่มาก Economies of Scale)
3. K2PL / K2 Black Panther (เกาหลีใต้)
ฉายา: "นักฆ่าอัจฉริยะ" (The Smart Killer)
🛠 สเปกเชิงลึก (Technical Specs)
* น้ำหนัก: 55-60 ตัน (เบาที่สุด คล่องตัวที่สุด)
* เครื่องยนต์: ดีเซล 1,500 แรงม้า (Doosan/MTU)
* จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร:
* ช่วงล่าง In-arm Suspension: รถถังสามารถ "นั่ง" (ลดความสูง) "ยืน" (เพิ่มความสูง) หรือ "เอียงซ้ายขวา" ได้ เหมาะกับการยิงในพื้นที่ภูเขาหรือซ่อนตัวหลังเนินดิน
* ระบบโหลดกระสุนอัตโนมัติ (Autoloader): ใช้คนขับแค่ 3 คน (ตัดพลบรรจุกระสุนออก) ยิงได้รัวและเร็วกว่ามนุษย์
* ระบบป้องกัน (APS): สเปกโปแลนด์ (K2PL) เลือกใช้ KAPS (ของเกาหลี) หรือ Trophy (อิสราเอล) ยิงสกัดจรวดได้เช่นกัน
* การแก้ทางโดรน:
* AI Fire Control: ระบบควบคุมการยิงมี AI ช่วยจับเป้าเล็กๆ (โดรน/ฮ.) แล้วล็อกเป้าให้อัตโนมัติ ทำให้ปืนกลยิงโดนง่ายขึ้นมาก
💰 แกะรอยราคาจาก "ดีลจริง"
* อ้างอิงสัญญา: โปแลนด์ (Poland) — สัญญาเฟส 2 (K2PL + การผลิตในประเทศ) ปี 2024
* รายละเอียด: แผนจัดหา 180 คัน (ล็อตสอง)
* มูลค่าสัญญา: ประเมินที่ 6,000 - 6,500 ล้านดอลลาร์
* ตกคันละ: ≈ 1,150 - 1,200 ล้านบาท
* วิเคราะห์ราคา: ราคานี้รวมค่า "ถ่ายทอดเทคโนโลยี" (Tech Transfer) เพื่อให้โปแลนด์ผลิตเองได้ และสเปก K2PL คือการ "อัปเกรดเกราะหนาพิเศษ" ทำให้แพงกว่า K2 ปกติที่ใช้ในเกาหลีครับ
ที่สำคัญที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การเลือกซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ (โดยเฉพาะดีลใหญ่ๆ อย่าง M1A2 SEPv3) ในทางรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ใช่แค่การ "ซื้อของ" แต่คือการ "จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคลับ" และการ "วางประกันความสัมพันธ์" ครับ
นี่คือการวิเคราะห์ในมุมมอง "White Collar" (เน้นผลประโยชน์และตัวเลข) ว่าทำไมดีลนี้ถึงผูกพันกันยาวนาน และ "โดนัลด์ ทรัมป์" จะมองเราอย่างไรครับ
1. ทำไมถึงเรียกว่า "รักกันยันชาติหน้า"? (The Strategic Lock-in)
ระบบการขายอาวุธของสหรัฐฯ เรียกว่า FMS (Foreign Military Sales) ซึ่งต่างจากการซื้อรถยนต์ทั่วไปครับ
* ห่วงโซ่อุปทาน (Logistics Chain): เมื่อคุณใช้ M1A2 คุณต้องใช้อะไหล่สหรัฐฯ กระสุนสเปกสหรัฐฯ และการซ่อมบำรุงจากผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ตลอดอายุการใช้งาน 30-40 ปี แปลว่าถ้าไทยมีภัยคุกคาม สหรัฐฯ ทิ้งเราไม่ได้ง่ายๆ (เพราะถ้าเขาตัดอะไหล่ รถถังเราจอดสนิท = เขาเสียเครดิต)
* ระบบที่คุยกันรู้เรื่อง (Interoperability): รถถังรุ่นใหม่มีระบบ Data Link ที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมและเครือข่ายของกองทัพสหรัฐฯ ได้ ถ้าเกิดสงครามในภูมิภาค ไทยจะ "Plug & Play" เข้ากับกองทัพสหรัฐฯ ได้ทันที นี่คือสิ่งที่พันธมิตรระดับลึกซึ้ง (Major Non-NATO Ally) เท่านั้นจะมี
2. "ทรัมป์" จะมองเราอย่างไร? (The Transactional View)
โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักธุรกิจที่มองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็น "ดีล" (Transactionalism) ครับ
* ลดการขาดดุลการค้า (Trade Deficit): ทรัมป์เกลียดประเทศที่ "เอาเปรียบ" สหรัฐฯ โดยการส่งออกไปขายบ้านเขาเยอะๆ แต่ไม่ซื้อของเขาคืน การที่ไทยยอมควักเงิน 1-2 หมื่นล้านบาทซื้อรถถัง จะถูกมองว่าเรา "ช่วยลดตัวเลขขาดดุล" ให้เขา
* การเลือกข้าง (Loyalty Test): ในยุคที่จีนกำลังขยายอิทธิพล ถ้าไทย (ซึ่งซื้อของจีนมาเยอะในระยะหลัง) หันกลับมาซื้อ "ของหนัก" จากสหรัฐฯ ทรัมป์จะมองว่า "ไทยยังเอาสหรัฐฯ อยู่" และเป็นแต้มต่อในการเจรจาเรื่องภาษีการค้าหรือสิทธิ GSP ในอนาคต
* ค่าคุ้มครอง (Protection Money): พูดกันตรงๆ ทรัมป์มองว่าการซื้ออาวุธคือการจ่ายค่าคุ้มครอง ถ้าคุณซื้อของผม ผมก็จะดูแลคุณ ดีลรถถังจึงเปรียบเสมือนกรมธรรม์ประกันภัยความสัมพันธ์
3. ตัวเลขดุลการค้า (Trade Surplus): เดิมพันที่เราถืออยู่
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงอาจ "จำเป็น" ต้องซื้อของเขาบ้างครับ เพราะเราได้กำไรจากเขาเยอะมาก
ข้อมูลการค้าไทย-สหรัฐฯ (ปี 2023-2024 โดยประมาณ):
* สหรัฐฯ คือตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (แซงจีนและอาเซียน)
* ไทยได้ดุลการค้า (Trade Surplus) จากสหรัฐฯ: สูงถึงประมาณ 4-5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
* คิดเป็นเงินบาท: ≈ 1.4 - 1.7 ล้านล้านบาท ต่อปี (ที่เรากำไรเขาเนื้อๆ)
บทวิเคราะห์ความคุ้มค่า:
สมมติเราซื้อรถถัง M1A2 สัก 1 กองพัน ราคาประมาณ 15,000 ล้านบาท
* เงินจำนวนนี้คิดเป็นแค่ ~1% ของกำไรที่เราได้จากสหรัฐฯ ในปีเดียว
* ในสายตาทรัมป์: ถ้าเราไม่ยอมจ่าย 1% นี้เพื่อซื้อของเขา เขาอาจจะขึ้นภาษีสินค้าไทย หรือตัดสิทธิ GSP ซึ่งจะทำให้เราเสียหายหลายแสนล้านบาท
สรุป: การซื้อรถถังสหรัฐฯ ในบริบทนี้ คือการ "เจียดกำไร 1% มาจ่ายค่าสมาชิก" เพื่อรักษาตลาดส่งออก 1.7 ล้านล้านบาทเอาไว้ ให้ทรัมป์ไม่เพ่งเล็งเราว่าเป็น "Currency Manipulator" (ประเทศปั่นค่าเงิน) หรือเอาเปรียบทางการค้าครับ
รถถังใหม่สำหรับรับมือทหารเขมรถือจรวดจีน
จากข้อความ "GAM-102" ที่ปรากฏชัดเจนบนท่อเก็บจรวดในภาพ อาวุธชิ้นนี้คือ GAM-102 (หรือรุ่น GAM-100 series) ซึ่งเป็น จรวดนำวิถีต่อสู้รถถัง (ATGM) สัญชาติจีน ครับ
ข้อมูลที่ถูกต้อง:
* ชื่อรุ่น: GAM-102 (ผลิตโดยบริษัท Poly Technologies ของประเทศจีน)
* ประเภท: เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังแบบพกพา (Man-Portable Anti-Tank Guided Missile) ยุคใหม่
* ระบบการทำงาน: เป็นระบบ Top Attack (โจมตีจากด้านบนใส่ส่วนที่บางที่สุดของรถถัง) และมีระบบนำวิถีแบบ Infrared Imaging (IIR) ทำให้มีคุณสมบัติ "Fire-and-Forget" (ยิงแล้วลืม) คล้ายคลึงกับจรวด FGM-148 Javelin ของสหรัฐฯ หรือ Spike ของอิสราเอล แต่เป็นเวอร์ชันที่จีนผลิตเพื่อส่งออก
* บริบทในภูมิภาค: อาวุธรุ่นนี้มีรายงานว่าเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการใน กองทัพกัมพูชา ครับ (ภาพจาก Pantip ที่คุณนำมา น่าจะเป็นกระทู้ที่พูดถึงการค้นพบหรือยึดอาวุธชนิดนี้ได้จากพื้นที่ชายแดน หรือเป็นการวิเคราะห์ขุมกำลังของเพื่อนบ้านครับ)
รถถังที่เราควรจะจัดซื้อจัดหาคือ
สรุปรายชื่อรถถังที่กันจรวด Top Attack (GAM-102) ได้ และราคาประเมินจากดีลจริงครับ:
* Leopard 2A8 (เยอรมนี)
* ทำไมกันได้: มีระบบ Trophy APS ยิงทำลายจรวดก่อนถึงตัว + เกราะหลังคาหนา
* ราคา: ~1,200 ล้านบาท/คัน
* M1A2 SEPv3 (สหรัฐฯ)
* ทำไมกันได้: มีระบบ Trophy APS + เกราะลำตัวใหม่
* ราคา: ~1,500 - 1,600 ล้านบาท/คัน (ถ้าสั่งน้อยจะแพงกว่านี้)
* K2PL / K2EX (เกาหลีใต้ รุ่นส่งออก)
* ทำไมกันได้: ติดตั้งระบบ Hard-kill APS (ยิงสวน) ตามสเปกโปแลนด์
* ราคา: ~1,150 - 1,200 ล้านบาท/คัน
สรุปสั้น: ต้องเลือกรุ่นที่มีระบบ "Hard-kill APS" (ระบบยิงสวน) เท่านั้นถึงจะรอดครับ ราคาเฉลี่ยรถใหม่พร้อมรบอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ครับ
คัดเหลือ 3 รุ่นตัวท็อป สรุปจุดเด่น วิธีกันจรวด และทีเด็ดแก้ทางโดรนครับ:
1. Leopard 2A8 (เยอรมนี) - "สมดุลและทันสมัยสุด"
* ดียังไง: เป็นรุ่นมาตรฐานใหม่ของ NATO เครื่องยนต์ทนทาน ระบบเสถียร ซ่อมง่ายเพราะเพื่อนร่วมทีมในยุโรปใช้เยอะ
* กันจรวด (GAM-102): ใช้ระบบ Trophy APS เรดาร์ตรวจจับจรวดที่พุ่งมา แล้วยิงกระสุนลูกปรายสวนไปทำลายทิ้งกลางอากาศ
* ต้านโดรน:
* เกราะหลังคา: เสริมเกราะหนาพิเศษด้านบน เพื่อกันโดรนทิ้งระเบิดใส่
* ป้อมปืน RWS: ปืนกลบนหลังคาควบคุมจากในรถ ใช้สอยโดรนได้โดยคนไม่ต้องโผล่หัวออกมา
2. M1A2 SEPv3 (สหรัฐฯ) - "ถึกและกระสุนโหด"
* ดียังไง: เกราะด้านหน้าผสมยูเรเนียม (Depleted Uranium) แข็งแกร่งที่สุดในโลก อำนาจการยิงรุนแรงมาก
* กันจรวด (GAM-102): ใช้ระบบ Trophy APS ยิงทำลายจรวดเหมือนกัน + เกราะตัวถังซ้อนหลายชั้นช่วยซับแรง
* ต้านโดรน (ทีเด็ด):
* กระสุน AMP (Advanced Multi-Purpose): กระสุนปืนใหญ่ชนิดพิเศษ สามารถ "ตั้งเวลาแตกอากาศ (Airburst)" ได้ คือยิงไปแล้วให้ระเบิดกลางอากาศเพื่อกวาดโดรนทั้งฝูงได้ในนัดเดียว
* Jammer: มักติดตั้งระบบตัดสัญญาณรบกวน (EW) เพื่อให้โดรนบังคับไม่ได้
3. K2PL (เกาหลีใต้ สเปกโปแลนด์) - "คล่องตัวและไฮเทค"
* ดียังไง: ช่วงล่างถุงลมปรับระดับได้ (หมอบต่ำ/เชิดหน้า/เอียงตัว) เหมาะกับภูมิประเทศยากๆ และมีระบบโหลดกระสุนอัตโนมัติ (ไม่ต้องใช้คนโหลด ยิงรัวได้เร็วกว่า)
* กันจรวด (GAM-102): ติดตั้งระบบ Hard-kill APS (รุ่น KAPS-2 หรือ Trophy) ยิงสกัดจรวดได้เหมือนกัน
* ต้านโดรน:
* Jammer ในตัว: ออกแบบมาให้มีระบบรบกวนสัญญาณโดรนติดตั้งมากับรถเลย
* AI Radar: เรดาร์รุ่นใหม่แยกแยะเป้าหมายเล็กๆ อย่างโดรนได้ดีขึ้น เพื่อให้ปืนกลยิงสอยได้แม่นยำ
สรุปการเลือก:
* ถ้ากลัวโดรนรุมเยอะๆ -> M1A2 SEPv3 (กระสุนระเบิดอากาศกินเรียบ)
* ถ้าเน้นรบในพื้นที่ภูเขา/ที่แคบ -> K2PL (ยืดหยุ่น คล่องตัว)
* ถ้าเน้นมาตรฐานสากล อะไหล่หาง่าย -> Leopard 2A8
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่สำคัญที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้