ครอบครัวคือคนที่ทำร้ายกันมากที่สุด
ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ ครึ่งชีวิตแล้ว ที่วนเวียนอยู่กับการจ่ายหนี้ให้ที่บ้าน สิ่งที่ได้คือคำชม การเป็นลูกที่ดี
เคยคิดว่าถ้าจ่ายหมดทุกอย่าง มันก็จะจบ เราจะได้เริ่มสร้างอะไรของตัวเองสักที เราพยายามปล่อยวางแล้วจ่ายให้เพื่อให้มันจบ เพราะถ้าจ่ายไม่จบ ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้น แล้วก็วนกลับมาที่ตัวเราให้ช่วยอยู่ดี ตอนนี้จ่ายไปเกิน 4 ล้านแล้ว มันดูใกล้จะจบแล้ว แต่ความหวังนี่แหละที่มันน่ากลัว
เพราะสุดท้ายสิ่งที่จ่ายมันไม่ใช่ชื่อของเรา มันคือชื่อแม่
บ้าน... แม่เอาไปแบ่งโฉนดให้น้า เพราะที่ดินเปล่าเป็นรุ่นตาซื้อมาเขาเลยต้องการแบ่งน้อง น้าไม่เคยจ่ายอะไรสักอย่างตั้งแต่รุ่นตาจนมารุ่นเรา เขารอรับโฉนดอย่างเดียว ซึ่งแม่เรายื่นคำขาดว่ายังไงก็จะให้ เพราะกลัวน้าเอาตัวรอดไม่ได้ คนที่ไม่เอาการเอางานที่สุดมักได้รับการปกป้องมันดีอย่างนี้
ซึ่งตั้งแต่อดีตจ่ายกันแต่ขั้นต่ำ เคยติดโดนยึด ดอกเบี้ยพุ่งรัวๆ จนเรามาจ่ายให้อีกนิดเดียวมันก็จะหมดแล้ว
บ้านที่ปัญหาเยอะแบบนี้เราก็ไม่ได้อยากได้หรอก แต่มันรู้เสียดาย และเสียใจที่ไม่ว่าพูดยังไงแม่ก็จะให้น้า ถ้าเขาจ่ายกันมาสักครึ่งเราก็คงทำใจได้ง่าย นี่เราเป็นคนมาโป๊ะให้หมดเลย ทุกคนอยู่กันแบบไม่จ่ายค่างวด ต้องให้รุ่นลูกมาช่วย ตกทอดจากตามาแม่ จนมาถึงเรา ซึ่งเราโชคดีการงานไปได้ดีเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่มีเงินเยอะสุดในบ้าน และก็กลายเป็นคนที่ต้องจ่ายทุกอย่าง ค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ตค่าข้าวค่าบ้านค่าหนี้ธนาคารแม่ ค่ากู้นอกระบบแม่ ค่าส่งน้องเรียน ค่าช่วยหลาน ค่าทุกอย่างที่ต้องใช้เงิน
สิ่งที่จ่ายด้วยความสมัครใจเราไม่ติด เราซื้อบ้านซื้อรถให้น้องตัวเองได้ เพราะน้องเรา แต่น้า เรามองว่ามันไม่ใช่ เขาต้องมีชีวิตของตัวเอง แม่จะอยากช่วยอะไรเขา ถ้าใช้ของตัวเองเราก็จะไม่สนใจ แต่ค่าบ้านที่เราจ่ายมา มันคือเงินเรา
ผ่านมาขนาดนี้ เราจ่ายจนเลิกบ่นแล้ว เราปลงแล้ว สิ่งที่ทำให้เรามาตั้งกระทู้วันนี้ เพราะมีเรื่องสะเทือนใจมา
ทุกวันนี้เราไม่ฝันอะไรมาก เก็บเงินซื้อห้องของตัวเองสักห้อง รถก็ไม่ได้สนใจ แค่มีเงินซื้อของกินที่ชอบแบบทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว
กับประกันชีวิตที่เราทำให้แม่...ขอเกริ่นว่าแม่เราอยู่ในส่วนราชการ มันจะมีค่าช่วยพวกตอนเสียชีวิตเยอะมากค่ะ เวลาเราทะเลาะกับแม่ทีไรเรื่องบ้าน เขาก็จะชอบขู่ว่าถ้าเราไม่จ่าย เขาก็จะกู้เงินจากเพื่อนสนิท แล้วเอาเงินที่ได้ตอนตายเขามาปิด บ่อยมาก
ที่นี้มันมีกองที่ได้เงินเยอะมากซึ่งเราสมัครให้แม่ไว้แล้วเป็นคนจ่ายมาตลอด คนได้คือเรา100% ต่อให้จ่ายไปอีก20ปีก็คุ้ม เราหวังกับเงินประกันก้อนนี้มาก มันคือเงินที่อาจจะช่วยเราได้ยามแก่ (ถ้าเรายังมีชีวิตยืนยาว) หลังจากที่ใช้เงินให้กับคนอื่นจนไม่มีของตัวเอง
ช่วงสิ้นปีบิลจะมาใช่ไหมคะ ทีนี้มันมา 6 บิล เรากันเงินไว้ โอนเงินให้แม่ และจ่ายของปีนี้ไปหมดแล้ว
ที่เหลือเราต้องจัดสรรจ่ายค่าใช้จ่ายตัวเอง เพราะประกันลดหย่อนกับลงทุนที่ต้องใช้ลดภาษีอีกก้อนหนักๆทั้งนั้น วันนึงแม่ก็ส่งข้อความมาตามว่ายังเหลืออีก 1 บิลที่ต้องจ่าย เรา งง ก็เลยถามว่ากองไหนอีก เพราะมันมีกองอื่นที่แม่เขาทำไว้นานเเล้วอีก เราจำได้ไม่หมด ที่นี้บิลมันไม่มีบาร์โค้ด เราก็บ่นว่าจะต้องจ่ายยังไง ทำไมบิลมันเยอะจัง ทำไมพึ่งส่งมา ทำไมค่าใช้จ่ายแม่เยอะจัง
ที่นี้เขาน้อยใจมั้ง บอกไม่อยากเป็นภาระให้ลูก ไม่จ่ายก็ตามใจนะ เราขี้เกียจทะเลาะเลยไม่ได้ตอบข้อความอะไร
พอวันถัดมา แม่เขาไปไล่โทรยกเลิกกองประกันหมดเลย... แล้วแคปข้อความมาว่า จบนะ ส่งไปทำเรื่องขอยกเลิกแล้ว
กอง สสอรท บลาๆ อะไรพวกนั้นยังพอใจเย็นได้ แค่คิดว่าจะทำไปทำไม ถ้าจะยกเลิกแล้วจะจ่ายไปทำไม
จนข้อความถัดมา บอกจะยกเลิกชุดกองประกันที่ชื่อเรา 100% บอกปีหน้าก็ไม่ต้องจ่าย... สรุปแม่จะไม่เหลืออะไรให้เราเลยใช่ไหม
กองนี้เป็นความหวังของเราจริงๆ เป็นแรงใจที่ทำให้จ่ายช่วยหนี้ที่บ้านมาจนถึงตอนนี้
เราบ่นไปแค่บิลเดียว แม่เล่นยกเลิกหมดทุกตัวเลย ขู่สุดๆ แคปมาอีกว่าทำเรื่องส่งเอกสารไปแล้วอย่างนู้นอย่างนี้
เราโกรธมากกกกก แต่โทรไปไม่รับสาย จนเราบอกว่าถ้าเขายกเลิกกองนั้นเราตัดขาดแม่ลูกกันไปเลยนะ จนแม่ตอบกลับมาว่างั้นกองนั้นจะไม่ยกเลิก แต่ต่อไปห้ามบ่น (กองอื่นยังยกเลิกอยู่)
วันนี้ก็เหมือนได้บรรลุขึ้นมา ว่าสุดท้าย การยืมจมูกคนอื่นหายใจมันเป็นยังไง ท้ายที่สุด คนที่กำประกันตัวนี้ก็คือแม่เรา ถ้าเกิดวันนึงเขาจะขู่ยกเลิก หรือเขาไม่จ่าย เขาไปเปลี่ยนชื่อคนรับผลประโยชน์ ไม่ว่าทางไหน มันคือสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง
เรามานอนคิด ถ้าต้องตัดแม่ตัดลูกกันจริงๆ มันต้องทำยังไงบ้าง เราย้ายห้องเช่าหนีได้ แต่สุดท้ายมันดูตัดกันไม่ขาด ทะเบียนบ้านก็ยังเป็นบ้านเดียวกัน ที่ทำงานเราแม่ก็รู้ เกิดมาตามถึงที่ทำงานล่ะ ตอนนี้เราไม่อยากคุยกับเขาเลย ซึ่งถ้าต้องตัดขาด เราคงต้องยอมทิ้งประกันตัวนั้นไป ไม่งั้นปัญหานี้ก็ยังวนกลับมาอีก พอเจอเคสแบบนี้เราก็เริ่มคิดเรื่องแยกกันแบบไม่ติดต่อกันเลยอย่างจริงจังเลย
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เราอัดอั้นมาก อยากเล่าให้เพื่อนฟังแต่ก็ไม่กล้าโทรไปเล่าเรื่องแบบนี้ พอได้พิมพ์ออกมาก็เหมือนได้ช่วยลดความเครียดลง หวังว่าพรุ่งนี้ความรู้สึกแย่ๆจะหาย ขอให้เป็นวันอันสดใส ขอบคุณค่ะ
ตัดแม่ตัดลูกกันได้จริงไหม? เมื่อทุกสิ่งที่จ่ายมา สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ของเราเลย
ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ ครึ่งชีวิตแล้ว ที่วนเวียนอยู่กับการจ่ายหนี้ให้ที่บ้าน สิ่งที่ได้คือคำชม การเป็นลูกที่ดี
เคยคิดว่าถ้าจ่ายหมดทุกอย่าง มันก็จะจบ เราจะได้เริ่มสร้างอะไรของตัวเองสักที เราพยายามปล่อยวางแล้วจ่ายให้เพื่อให้มันจบ เพราะถ้าจ่ายไม่จบ ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้น แล้วก็วนกลับมาที่ตัวเราให้ช่วยอยู่ดี ตอนนี้จ่ายไปเกิน 4 ล้านแล้ว มันดูใกล้จะจบแล้ว แต่ความหวังนี่แหละที่มันน่ากลัว
เพราะสุดท้ายสิ่งที่จ่ายมันไม่ใช่ชื่อของเรา มันคือชื่อแม่
บ้าน... แม่เอาไปแบ่งโฉนดให้น้า เพราะที่ดินเปล่าเป็นรุ่นตาซื้อมาเขาเลยต้องการแบ่งน้อง น้าไม่เคยจ่ายอะไรสักอย่างตั้งแต่รุ่นตาจนมารุ่นเรา เขารอรับโฉนดอย่างเดียว ซึ่งแม่เรายื่นคำขาดว่ายังไงก็จะให้ เพราะกลัวน้าเอาตัวรอดไม่ได้ คนที่ไม่เอาการเอางานที่สุดมักได้รับการปกป้องมันดีอย่างนี้
ซึ่งตั้งแต่อดีตจ่ายกันแต่ขั้นต่ำ เคยติดโดนยึด ดอกเบี้ยพุ่งรัวๆ จนเรามาจ่ายให้อีกนิดเดียวมันก็จะหมดแล้ว
บ้านที่ปัญหาเยอะแบบนี้เราก็ไม่ได้อยากได้หรอก แต่มันรู้เสียดาย และเสียใจที่ไม่ว่าพูดยังไงแม่ก็จะให้น้า ถ้าเขาจ่ายกันมาสักครึ่งเราก็คงทำใจได้ง่าย นี่เราเป็นคนมาโป๊ะให้หมดเลย ทุกคนอยู่กันแบบไม่จ่ายค่างวด ต้องให้รุ่นลูกมาช่วย ตกทอดจากตามาแม่ จนมาถึงเรา ซึ่งเราโชคดีการงานไปได้ดีเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่มีเงินเยอะสุดในบ้าน และก็กลายเป็นคนที่ต้องจ่ายทุกอย่าง ค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ตค่าข้าวค่าบ้านค่าหนี้ธนาคารแม่ ค่ากู้นอกระบบแม่ ค่าส่งน้องเรียน ค่าช่วยหลาน ค่าทุกอย่างที่ต้องใช้เงิน
สิ่งที่จ่ายด้วยความสมัครใจเราไม่ติด เราซื้อบ้านซื้อรถให้น้องตัวเองได้ เพราะน้องเรา แต่น้า เรามองว่ามันไม่ใช่ เขาต้องมีชีวิตของตัวเอง แม่จะอยากช่วยอะไรเขา ถ้าใช้ของตัวเองเราก็จะไม่สนใจ แต่ค่าบ้านที่เราจ่ายมา มันคือเงินเรา
ผ่านมาขนาดนี้ เราจ่ายจนเลิกบ่นแล้ว เราปลงแล้ว สิ่งที่ทำให้เรามาตั้งกระทู้วันนี้ เพราะมีเรื่องสะเทือนใจมา
ทุกวันนี้เราไม่ฝันอะไรมาก เก็บเงินซื้อห้องของตัวเองสักห้อง รถก็ไม่ได้สนใจ แค่มีเงินซื้อของกินที่ชอบแบบทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว
กับประกันชีวิตที่เราทำให้แม่...ขอเกริ่นว่าแม่เราอยู่ในส่วนราชการ มันจะมีค่าช่วยพวกตอนเสียชีวิตเยอะมากค่ะ เวลาเราทะเลาะกับแม่ทีไรเรื่องบ้าน เขาก็จะชอบขู่ว่าถ้าเราไม่จ่าย เขาก็จะกู้เงินจากเพื่อนสนิท แล้วเอาเงินที่ได้ตอนตายเขามาปิด บ่อยมาก
ที่นี้มันมีกองที่ได้เงินเยอะมากซึ่งเราสมัครให้แม่ไว้แล้วเป็นคนจ่ายมาตลอด คนได้คือเรา100% ต่อให้จ่ายไปอีก20ปีก็คุ้ม เราหวังกับเงินประกันก้อนนี้มาก มันคือเงินที่อาจจะช่วยเราได้ยามแก่ (ถ้าเรายังมีชีวิตยืนยาว) หลังจากที่ใช้เงินให้กับคนอื่นจนไม่มีของตัวเอง
ช่วงสิ้นปีบิลจะมาใช่ไหมคะ ทีนี้มันมา 6 บิล เรากันเงินไว้ โอนเงินให้แม่ และจ่ายของปีนี้ไปหมดแล้ว
ที่เหลือเราต้องจัดสรรจ่ายค่าใช้จ่ายตัวเอง เพราะประกันลดหย่อนกับลงทุนที่ต้องใช้ลดภาษีอีกก้อนหนักๆทั้งนั้น วันนึงแม่ก็ส่งข้อความมาตามว่ายังเหลืออีก 1 บิลที่ต้องจ่าย เรา งง ก็เลยถามว่ากองไหนอีก เพราะมันมีกองอื่นที่แม่เขาทำไว้นานเเล้วอีก เราจำได้ไม่หมด ที่นี้บิลมันไม่มีบาร์โค้ด เราก็บ่นว่าจะต้องจ่ายยังไง ทำไมบิลมันเยอะจัง ทำไมพึ่งส่งมา ทำไมค่าใช้จ่ายแม่เยอะจัง
ที่นี้เขาน้อยใจมั้ง บอกไม่อยากเป็นภาระให้ลูก ไม่จ่ายก็ตามใจนะ เราขี้เกียจทะเลาะเลยไม่ได้ตอบข้อความอะไร
พอวันถัดมา แม่เขาไปไล่โทรยกเลิกกองประกันหมดเลย... แล้วแคปข้อความมาว่า จบนะ ส่งไปทำเรื่องขอยกเลิกแล้ว
กอง สสอรท บลาๆ อะไรพวกนั้นยังพอใจเย็นได้ แค่คิดว่าจะทำไปทำไม ถ้าจะยกเลิกแล้วจะจ่ายไปทำไม
จนข้อความถัดมา บอกจะยกเลิกชุดกองประกันที่ชื่อเรา 100% บอกปีหน้าก็ไม่ต้องจ่าย... สรุปแม่จะไม่เหลืออะไรให้เราเลยใช่ไหม
กองนี้เป็นความหวังของเราจริงๆ เป็นแรงใจที่ทำให้จ่ายช่วยหนี้ที่บ้านมาจนถึงตอนนี้
เราบ่นไปแค่บิลเดียว แม่เล่นยกเลิกหมดทุกตัวเลย ขู่สุดๆ แคปมาอีกว่าทำเรื่องส่งเอกสารไปแล้วอย่างนู้นอย่างนี้
เราโกรธมากกกกก แต่โทรไปไม่รับสาย จนเราบอกว่าถ้าเขายกเลิกกองนั้นเราตัดขาดแม่ลูกกันไปเลยนะ จนแม่ตอบกลับมาว่างั้นกองนั้นจะไม่ยกเลิก แต่ต่อไปห้ามบ่น (กองอื่นยังยกเลิกอยู่)
วันนี้ก็เหมือนได้บรรลุขึ้นมา ว่าสุดท้าย การยืมจมูกคนอื่นหายใจมันเป็นยังไง ท้ายที่สุด คนที่กำประกันตัวนี้ก็คือแม่เรา ถ้าเกิดวันนึงเขาจะขู่ยกเลิก หรือเขาไม่จ่าย เขาไปเปลี่ยนชื่อคนรับผลประโยชน์ ไม่ว่าทางไหน มันคือสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง
เรามานอนคิด ถ้าต้องตัดแม่ตัดลูกกันจริงๆ มันต้องทำยังไงบ้าง เราย้ายห้องเช่าหนีได้ แต่สุดท้ายมันดูตัดกันไม่ขาด ทะเบียนบ้านก็ยังเป็นบ้านเดียวกัน ที่ทำงานเราแม่ก็รู้ เกิดมาตามถึงที่ทำงานล่ะ ตอนนี้เราไม่อยากคุยกับเขาเลย ซึ่งถ้าต้องตัดขาด เราคงต้องยอมทิ้งประกันตัวนั้นไป ไม่งั้นปัญหานี้ก็ยังวนกลับมาอีก พอเจอเคสแบบนี้เราก็เริ่มคิดเรื่องแยกกันแบบไม่ติดต่อกันเลยอย่างจริงจังเลย
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เราอัดอั้นมาก อยากเล่าให้เพื่อนฟังแต่ก็ไม่กล้าโทรไปเล่าเรื่องแบบนี้ พอได้พิมพ์ออกมาก็เหมือนได้ช่วยลดความเครียดลง หวังว่าพรุ่งนี้ความรู้สึกแย่ๆจะหาย ขอให้เป็นวันอันสดใส ขอบคุณค่ะ