:: จากกรุงโซล ถึง กรุงโตเกียว
และเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในเช้าวันรุ่งขึ้น
ของ Morikawa Yu AKB48 รุ่นที่ 21 ::
ก่อนแสงแรกของ "กรุงโซล" จะทันได้ลอดผ่านผ้าม่าน
เสียงนาฬิกาปลุกในหอพักเด็กฝึก
ก็ส่งสัญญาณให้เด็กสาวที่ชื่อ "โมริคาวะ ยู"
ตื่นขึ้นมาพบกับความจริง
วันที่ต้องลุ้นว่า ตัวเธอ “ยังอยู่”
หรือ “ใกล้จะหายไป” จากรายชื่อ
ชีวิตในหอพักเด็กฝึกเกาหลี
ไม่ได้โรแมนติกเหมือนภาพฝันในซีรีส์
สำหรับยู มันคือวงจรชีวิตที่ตอกย้ำคำเดียวว่า
"ต้องรอด"
ซ้อมจากเช้าถึงค่ำ...
ทำความสะอาด...
ซักเสื้อที่ชุ่มเหงื่อ...
แล้วก็กลับไปซ้อมต่อ
กับเพื่อนที่มีทั้งคนไทย และเกาหลี
มีเพียงวันอาทิตย์วันเดียว
ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า
“ฉันยังเป็นมนุษย์ เป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งจริงๆ”
แต่สิ่งที่กัดกินใจที่สุดไม่ใช่ตารางฝึกที่โหด
แต่มันคือ วันประเมินผลประจำเดือน
ยูเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“พอถึงสิ้นเดือน จะมีเพื่อนบางคนถูกบอกว่า ‘วันนี้คือวันสุดท้ายของเธอนะ’ แล้วจากนั้น เขาก็หายไปเฉย ๆ เลยค่ะ”
โต๊ะกินข้าวที่เมื่อวานยังนั่งหัวเราะกัน
เช้าวันถัดมากลายเป็นเก้าอี้ว่างเปล่า
ความเงียบที่ปกคลุมห้องบอกชัดเจนว่า
“มีหนึ่งคน ไม่ได้ไปต่อ”
สองปีในระบบที่คัดคนออกอย่างเลือดเย็น
ทำให้ยูตั้งคำถามกับเพดานห้องทุกคืนว่า
“ฉันยังไหวอีกแค่ไหน?”
และในที่สุด วันที่ต้องหยุดวิ่งก็มาถึง
ไม่ใช่เพราะเธอล้มเหลว
แต่เธอเลือกที่จะ “กลับบ้าน”
เพื่อหาคำตอบว่า
ความฝันนี้ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้
เธอกลับมาญี่ปุ่นด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า
กระทั่งคืนหนึ่ง ขณะนอนไถ TikTok โดยไร้จุดหมาย
เสียงเพลงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
“365-nichi no Kamihikouki”
เพลงที่เคยเปิดในโรงอาหารสมัยประถม...
เพลงที่ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
เคยมอง AKB48 แล้วคิดในใจว่า
“ไอดอลคือสิ่งที่เข้าถึงได้ และน่ารักจังเลยนะ”
สิ่งที่มาพร้อมกับเพลงนั้น
คือ ประกาศรับสมัคร AKB48 รุ่นที่ 21
เหมือนโชคชะตายื่นโอกาสครั้งที่ 2 ตรงหน้า
ยูลังเลแค่เสี้ยววินาที
เพราะภายใต้ความกลัวที่พกมาจากเกาหลี...
ความรักที่มีต่อ AKB48 เกินกว่าจะปล่อยผ่านไป
“นี่แหละ…คือทางที่ฉันอยากลองเดิมพันอีกครั้ง”
ห้องออดิชันของ AKB48
อาจไม่ได้กดดันจนหายใจไม่ออกเหมือนที่เก่า
แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เธอเลือกงัดทักษะบัลเลต์ 4 ปีมาใช้
มันเป็นท่า Y-Balance เพื่อแนะนำตัว
เธอตั้งท่า... แล้วเธอก็ “เซ” จนเกือบเสียหลัก
วินาทีนั้น ถ้าเป็นที่เกาหลี
มันคือความผิดพลาด แต่ที่นี่...
ยูเลือกที่จะ "ยิ้ม" ออกมา
รอยยิ้มเขินๆ ที่บอกกรรมการว่า
เด็กคนนี้ยังมีชีวิต เธอไม่ใช่หุ่นยนต์
ที่ถูกป้อนโปรแกรมฝึกเต้นมา
ในเวทีที่มองหา “คนธรรมดาที่พร้อมจะเติบโต”
มากกว่าความสมบูรณ์แบบ
รอยยิ้มจากความผิดพลาดนั้น
ทำให้เธอเปล่งประกายที่สุด
วันที่ AKB48 ประกาศผลว่า “ผ่าน”
ยูไม่ได้ร้องไห้ เธอบอกว่า
“น้ำตามันไหลไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ไม่รู้ผล”
เหลือเพียงความโล่งใจ
และไฟดวงเล็ก ๆ ที่กลับมาจุดติดอีกครั้ง
ระบบของ AKB48
คือโลกคู่ขนานของเกาหลี
ที่นั่น... ซ้อมเพลงเดียวซ้ำๆ ทั้งเดือน
เพื่อความเพอร์เฟกต์
แต่ที่นี่... ต้องจำสิบเพลงในไม่กี่วัน
เพื่อขึ้นเวทีให้ทันพร้อมกับทุกคน
งานหนักพอกัน
แต่ “หัวใจของระบบ” ต่างกันสิ้นเชิง
ยูบอกว่าเธอเหนื่อย แต่มีความสุข
เพราะที่นี่ไม่มีใคร “หายตัวไปในเช้าวันรุ่งขึ้น”
มีแต่เพื่อนร่วมรุ่นที่ยืนไหล่ชนไหล่
และพร้อมจะวิ่งไปข้างหน้าด้วยกัน
เมื่อถามถึงอนาคต แววตาของเด็กสาวที่เคยเข้าใจคำว่า “โอกาส” ลึกซึ้งกว่าใคร ก็สว่างวาบขึ้นมา
“ฉันอยากยืนที่ Tokyo Dome ในฐานะ AKB48”
นี่คือความฝันเดียวกับ โซคันโตคุ "คุราโน่ นารุมิ" ที่ประกาศว่าจะพา AKB48 กลับไปยืนตรงนั้นให้ได้ และยูรู้ดีว่า เธออยากเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ ที่จะทำให้ฝันของ นารุจัง เป็นจริง
จากเด็กสาวที่เคยอยู่ในระบบ
ที่คอยลบคนหายไปทีละคน
วันนี้...เธอกำลังเดินอยู่ในระบบ
ที่มอบ “โอกาสครั้งที่สอง” ให้กับชีวิต
บางทีเมื่อไฟที่ Tokyo Dome สว่างขึ้นอีกครั้ง
อาจมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางเวทีนั้น
เด็กที่เคยมองไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในเช้าวันรุ่งขึ้น
ด้วยความกลัวว่าวันรุ่งขึ้นคนที่หายไปจะเป็นตัวเอง
เด็กคนนั้นชื่อ "Morikawa Yu" AKB48 รุ่นที่ 21
#AKB48 #AKB21期研究生 #森川優
ระบบ AKB โลกคู่ขนานของเกาหลี
:: จากกรุงโซล ถึง กรุงโตเกียว
และเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในเช้าวันรุ่งขึ้น
ของ Morikawa Yu AKB48 รุ่นที่ 21 ::
ก่อนแสงแรกของ "กรุงโซล" จะทันได้ลอดผ่านผ้าม่าน
เสียงนาฬิกาปลุกในหอพักเด็กฝึก
ก็ส่งสัญญาณให้เด็กสาวที่ชื่อ "โมริคาวะ ยู"
ตื่นขึ้นมาพบกับความจริง
วันที่ต้องลุ้นว่า ตัวเธอ “ยังอยู่”
หรือ “ใกล้จะหายไป” จากรายชื่อ
ชีวิตในหอพักเด็กฝึกเกาหลี
ไม่ได้โรแมนติกเหมือนภาพฝันในซีรีส์
สำหรับยู มันคือวงจรชีวิตที่ตอกย้ำคำเดียวว่า
"ต้องรอด"
ซ้อมจากเช้าถึงค่ำ...
ทำความสะอาด...
ซักเสื้อที่ชุ่มเหงื่อ...
แล้วก็กลับไปซ้อมต่อ
กับเพื่อนที่มีทั้งคนไทย และเกาหลี
มีเพียงวันอาทิตย์วันเดียว
ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า
“ฉันยังเป็นมนุษย์ เป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งจริงๆ”
แต่สิ่งที่กัดกินใจที่สุดไม่ใช่ตารางฝึกที่โหด
แต่มันคือ วันประเมินผลประจำเดือน
ยูเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“พอถึงสิ้นเดือน จะมีเพื่อนบางคนถูกบอกว่า ‘วันนี้คือวันสุดท้ายของเธอนะ’ แล้วจากนั้น เขาก็หายไปเฉย ๆ เลยค่ะ”
โต๊ะกินข้าวที่เมื่อวานยังนั่งหัวเราะกัน
เช้าวันถัดมากลายเป็นเก้าอี้ว่างเปล่า
ความเงียบที่ปกคลุมห้องบอกชัดเจนว่า
“มีหนึ่งคน ไม่ได้ไปต่อ”
สองปีในระบบที่คัดคนออกอย่างเลือดเย็น
ทำให้ยูตั้งคำถามกับเพดานห้องทุกคืนว่า
“ฉันยังไหวอีกแค่ไหน?”
และในที่สุด วันที่ต้องหยุดวิ่งก็มาถึง
ไม่ใช่เพราะเธอล้มเหลว
แต่เธอเลือกที่จะ “กลับบ้าน”
เพื่อหาคำตอบว่า
ความฝันนี้ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้
เธอกลับมาญี่ปุ่นด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า
กระทั่งคืนหนึ่ง ขณะนอนไถ TikTok โดยไร้จุดหมาย
เสียงเพลงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
“365-nichi no Kamihikouki”
เพลงที่เคยเปิดในโรงอาหารสมัยประถม...
เพลงที่ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
เคยมอง AKB48 แล้วคิดในใจว่า
“ไอดอลคือสิ่งที่เข้าถึงได้ และน่ารักจังเลยนะ”
สิ่งที่มาพร้อมกับเพลงนั้น
คือ ประกาศรับสมัคร AKB48 รุ่นที่ 21
เหมือนโชคชะตายื่นโอกาสครั้งที่ 2 ตรงหน้า
ยูลังเลแค่เสี้ยววินาที
เพราะภายใต้ความกลัวที่พกมาจากเกาหลี...
ความรักที่มีต่อ AKB48 เกินกว่าจะปล่อยผ่านไป
“นี่แหละ…คือทางที่ฉันอยากลองเดิมพันอีกครั้ง”
ห้องออดิชันของ AKB48
อาจไม่ได้กดดันจนหายใจไม่ออกเหมือนที่เก่า
แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เธอเลือกงัดทักษะบัลเลต์ 4 ปีมาใช้
มันเป็นท่า Y-Balance เพื่อแนะนำตัว
เธอตั้งท่า... แล้วเธอก็ “เซ” จนเกือบเสียหลัก
วินาทีนั้น ถ้าเป็นที่เกาหลี
มันคือความผิดพลาด แต่ที่นี่...
ยูเลือกที่จะ "ยิ้ม" ออกมา
รอยยิ้มเขินๆ ที่บอกกรรมการว่า
เด็กคนนี้ยังมีชีวิต เธอไม่ใช่หุ่นยนต์
ที่ถูกป้อนโปรแกรมฝึกเต้นมา
ในเวทีที่มองหา “คนธรรมดาที่พร้อมจะเติบโต”
มากกว่าความสมบูรณ์แบบ
รอยยิ้มจากความผิดพลาดนั้น
ทำให้เธอเปล่งประกายที่สุด
วันที่ AKB48 ประกาศผลว่า “ผ่าน”
ยูไม่ได้ร้องไห้ เธอบอกว่า
“น้ำตามันไหลไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ไม่รู้ผล”
เหลือเพียงความโล่งใจ
และไฟดวงเล็ก ๆ ที่กลับมาจุดติดอีกครั้ง
ระบบของ AKB48
คือโลกคู่ขนานของเกาหลี
ที่นั่น... ซ้อมเพลงเดียวซ้ำๆ ทั้งเดือน
เพื่อความเพอร์เฟกต์
แต่ที่นี่... ต้องจำสิบเพลงในไม่กี่วัน
เพื่อขึ้นเวทีให้ทันพร้อมกับทุกคน
งานหนักพอกัน
แต่ “หัวใจของระบบ” ต่างกันสิ้นเชิง
ยูบอกว่าเธอเหนื่อย แต่มีความสุข
เพราะที่นี่ไม่มีใคร “หายตัวไปในเช้าวันรุ่งขึ้น”
มีแต่เพื่อนร่วมรุ่นที่ยืนไหล่ชนไหล่
และพร้อมจะวิ่งไปข้างหน้าด้วยกัน
เมื่อถามถึงอนาคต แววตาของเด็กสาวที่เคยเข้าใจคำว่า “โอกาส” ลึกซึ้งกว่าใคร ก็สว่างวาบขึ้นมา
“ฉันอยากยืนที่ Tokyo Dome ในฐานะ AKB48”
นี่คือความฝันเดียวกับ โซคันโตคุ "คุราโน่ นารุมิ" ที่ประกาศว่าจะพา AKB48 กลับไปยืนตรงนั้นให้ได้ และยูรู้ดีว่า เธออยากเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ ที่จะทำให้ฝันของ นารุจัง เป็นจริง
จากเด็กสาวที่เคยอยู่ในระบบ
ที่คอยลบคนหายไปทีละคน
วันนี้...เธอกำลังเดินอยู่ในระบบ
ที่มอบ “โอกาสครั้งที่สอง” ให้กับชีวิต
บางทีเมื่อไฟที่ Tokyo Dome สว่างขึ้นอีกครั้ง
อาจมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางเวทีนั้น
เด็กที่เคยมองไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในเช้าวันรุ่งขึ้น
ด้วยความกลัวว่าวันรุ่งขึ้นคนที่หายไปจะเป็นตัวเอง
เด็กคนนั้นชื่อ "Morikawa Yu" AKB48 รุ่นที่ 21
#AKB48 #AKB21期研究生 #森川優