สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก
เคยไหมครับ... ที่แอบถามตัวเองเบาๆ ในใจว่า "เราเป็นพ่อที่ดีพอหรือยัง?" หรือบางทีเวลาเห็นครอบครัวอื่นเขาเปย์ลูกหนักๆ พาลูกไปเที่ยวที่แพงๆ เสียงเล็กๆ ในหัวมันก็ดังขึ้นมาว่า "เราทำเพื่อลูกน้อยไปหรือเปล่า"
ผมอยากบอกว่า ถ้าคุณเริ่มตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเอง นั่นคือสัญญาณแรกของความเป็นพ่อที่ดีแล้ว เพราะมันแปลว่า "คุณแคร์" และคุณกำลังตรวจสอบตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
วันนี้ผมเลยอยากชวนพ่อๆ ทุกคน วางมาตรฐานความคาดหวังที่หนักอึ้งลง แล้วมาลองสำรวจนิยามของคำว่า "The Good Enough Father" หรือ "พ่อที่พอดี" ในแบบฉบับที่ลูกต้องการจริงๆ กันดูครับ
..................................................
1. วัดความดีที่ "ใจลูก" ไม่ใช่ "ตัวเลขในบัญชี" ในวันที่โลกหมุนด้วยทุนนิยม เรามักเผลอคิดว่าพ่อที่ดีคือพ่อที่หาเงินเก่งที่สุด แต่ในโลกของจิตใจ สิ่งที่ลูกต้องการคือ "ความรู้สึกปลอดภัย" (Safe Haven)
พ่อที่ดี คือคนที่ลูกกล้าวิ่งเข้าหาในวันที่เขาทำผิด ไม่ใช่คนที่เขาวิ่งหนีเพราะกลัวโดนซ้ำเติม หน้าที่ของเราคือทำให้เขารู้สึกว่า "ต่อให้โลกข้างนอกจะใจร้ายแค่ไหน พ่อคือหลุมหลบภัยของเขาเสมอ" เรื่องการเป็นต้นแบบ (Role Model) ก็สำคัญ ลูกไม่ได้ดูสิ่งที่คุณ "สอน" แต่เขาดูสิ่งที่คุณ "เป็น" วิธีที่คุณควบคุมอารมณ์ หรือวิธีที่คุณให้เกียรติคนอื่น นั่นคือบทเรียนที่ดีที่สุด
2. ศิลปะการช่วยเหลือ: อย่าสร้างตึกให้ลูก แต่จงเป็น "นั่งร้าน" ความรักมักทำให้เราอยากช่วยลูกทุกเรื่อง แต่การช่วยที่มากเกินไปอาจกลายเป็นการทำร้ายทางอ้อม ในทางจิตวิทยาเปรียบเทียบสิ่งนี้ว่า "Scaffolding" (นั่งร้าน)
คือการช่วยแบบพอดี ประคองเมื่อเขายังไม่แข็งแรง คอยกันไม่ให้ตกลงมาเจ็บหนัก แล้วค่อยๆ ถอยออกมาเมื่อเขาเริ่มปีนเองได้ อย่าอุ้มเขาไปวางที่ยอดตึกเลยครับ ลูกจะสบายแต่เขาจะไม่มีวันภูมิใจในตัวเอง ปล่อยให้เขาเจอ "ความลำบากที่เหมาะสม" บ้าง เพราะนั่นคือปุ๋ยชั้นดีที่ทำให้เขาเติบโต
3. กฎหน้ากากออกซิเจน: ดูแลตัวเองก่อน ถึงจะดูแลลูกได้ จำกฎบนเครื่องบินได้ไหมครับ? "สวมหน้ากากให้ตัวเองก่อนสวมให้เด็ก" คำว่า "สู้เพื่อลูก" มันเท่แต่เป็นดาบสองคม อย่าสู้จนตัวตายแล้วทิ้งไว้แค่มรดก เพราะลูกไม่ได้ต้องการซุปเปอร์ฮีโร่... เขาต้องการ "พ่อที่เป็นมนุษย์ที่มีความสุข"
การที่คุณพักผ่อน การที่คุณมีความสุข ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็น "หน้าที่" เพื่อให้คุณยืนระยะดูแลเขาไปได้นานๆ บ้านที่พ่อหน้าบึ้งตึงเครียดตลอดเวลา ต่อให้รวยล้นฟ้า ก็ไม่ใช่บ้านที่น่าอยู่หรอกครับ
4. เลี้ยงลูกสไตล์ไทยให้เป็น "ต้นไผ่" บริบทบ้านเรามีความเฉพาะตัว เราต้องหาจุดสมดุล เลี้ยงเขาให้เหมือนต้นไผ่ คือ "รากลึก ลำต้นแกร่ง และลู่ลม"
สอนให้เขามีจุดยืนทางความคิด แย้งได้แต่ต้องมีเหตุผลและมารยาท เน้นวิชาชีวิตให้มากพอๆ กับวิชาการ และที่สำคัญระวังกับดักความกตัญญู... อย่าเลี้ยงลูกเพื่อให้เขามา "ใช้หนี้บุญคุณ" แต่จงเลี้ยงเขาให้เป็นอิสระ เมื่อเขาได้รับความรักที่มากพอ วันหนึ่งเขาจะกลับมาดูแลเราด้วย "น้ำใจ" ไม่ใช่ทำเพราะ "ภาระ"
..................................................
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณกังวลว่าตัวเองแย่ไหม ให้เช็คลิสต์ง่ายๆ แค่นี้พอครับ ถ้าคุณหาปัจจัย 4 ให้เขาไม่ขาดแคลน, คุณปกป้องเขา ไม่เป็นคนทำร้ายเขาเสียเอง และคุณให้การยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น...
ถ้าลูกกลับบ้านมาแล้วรู้สึกปลอดภัย ถ้าลูกรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น "พ่อยังรักเขาเสมอ" จงภูมิใจเถอะครับ คุณกำลังทำหน้าที่ "พ่อ" ได้อย่างงดงามและสมบูรณ์ในแบบของคุณแล้ว
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/17wtuffQEK/
....................
The Good Enough Father: เมื่อ "ความสมบูรณ์แบบ" ไม่ใช่คำตอบของคนเป็นพ่อ
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก
เคยไหมครับ... ที่แอบถามตัวเองเบาๆ ในใจว่า "เราเป็นพ่อที่ดีพอหรือยัง?" หรือบางทีเวลาเห็นครอบครัวอื่นเขาเปย์ลูกหนักๆ พาลูกไปเที่ยวที่แพงๆ เสียงเล็กๆ ในหัวมันก็ดังขึ้นมาว่า "เราทำเพื่อลูกน้อยไปหรือเปล่า"
ผมอยากบอกว่า ถ้าคุณเริ่มตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเอง นั่นคือสัญญาณแรกของความเป็นพ่อที่ดีแล้ว เพราะมันแปลว่า "คุณแคร์" และคุณกำลังตรวจสอบตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
วันนี้ผมเลยอยากชวนพ่อๆ ทุกคน วางมาตรฐานความคาดหวังที่หนักอึ้งลง แล้วมาลองสำรวจนิยามของคำว่า "The Good Enough Father" หรือ "พ่อที่พอดี" ในแบบฉบับที่ลูกต้องการจริงๆ กันดูครับ
..................................................
1. วัดความดีที่ "ใจลูก" ไม่ใช่ "ตัวเลขในบัญชี" ในวันที่โลกหมุนด้วยทุนนิยม เรามักเผลอคิดว่าพ่อที่ดีคือพ่อที่หาเงินเก่งที่สุด แต่ในโลกของจิตใจ สิ่งที่ลูกต้องการคือ "ความรู้สึกปลอดภัย" (Safe Haven)
พ่อที่ดี คือคนที่ลูกกล้าวิ่งเข้าหาในวันที่เขาทำผิด ไม่ใช่คนที่เขาวิ่งหนีเพราะกลัวโดนซ้ำเติม หน้าที่ของเราคือทำให้เขารู้สึกว่า "ต่อให้โลกข้างนอกจะใจร้ายแค่ไหน พ่อคือหลุมหลบภัยของเขาเสมอ" เรื่องการเป็นต้นแบบ (Role Model) ก็สำคัญ ลูกไม่ได้ดูสิ่งที่คุณ "สอน" แต่เขาดูสิ่งที่คุณ "เป็น" วิธีที่คุณควบคุมอารมณ์ หรือวิธีที่คุณให้เกียรติคนอื่น นั่นคือบทเรียนที่ดีที่สุด
2. ศิลปะการช่วยเหลือ: อย่าสร้างตึกให้ลูก แต่จงเป็น "นั่งร้าน" ความรักมักทำให้เราอยากช่วยลูกทุกเรื่อง แต่การช่วยที่มากเกินไปอาจกลายเป็นการทำร้ายทางอ้อม ในทางจิตวิทยาเปรียบเทียบสิ่งนี้ว่า "Scaffolding" (นั่งร้าน)
คือการช่วยแบบพอดี ประคองเมื่อเขายังไม่แข็งแรง คอยกันไม่ให้ตกลงมาเจ็บหนัก แล้วค่อยๆ ถอยออกมาเมื่อเขาเริ่มปีนเองได้ อย่าอุ้มเขาไปวางที่ยอดตึกเลยครับ ลูกจะสบายแต่เขาจะไม่มีวันภูมิใจในตัวเอง ปล่อยให้เขาเจอ "ความลำบากที่เหมาะสม" บ้าง เพราะนั่นคือปุ๋ยชั้นดีที่ทำให้เขาเติบโต
3. กฎหน้ากากออกซิเจน: ดูแลตัวเองก่อน ถึงจะดูแลลูกได้ จำกฎบนเครื่องบินได้ไหมครับ? "สวมหน้ากากให้ตัวเองก่อนสวมให้เด็ก" คำว่า "สู้เพื่อลูก" มันเท่แต่เป็นดาบสองคม อย่าสู้จนตัวตายแล้วทิ้งไว้แค่มรดก เพราะลูกไม่ได้ต้องการซุปเปอร์ฮีโร่... เขาต้องการ "พ่อที่เป็นมนุษย์ที่มีความสุข"
การที่คุณพักผ่อน การที่คุณมีความสุข ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็น "หน้าที่" เพื่อให้คุณยืนระยะดูแลเขาไปได้นานๆ บ้านที่พ่อหน้าบึ้งตึงเครียดตลอดเวลา ต่อให้รวยล้นฟ้า ก็ไม่ใช่บ้านที่น่าอยู่หรอกครับ
4. เลี้ยงลูกสไตล์ไทยให้เป็น "ต้นไผ่" บริบทบ้านเรามีความเฉพาะตัว เราต้องหาจุดสมดุล เลี้ยงเขาให้เหมือนต้นไผ่ คือ "รากลึก ลำต้นแกร่ง และลู่ลม"
สอนให้เขามีจุดยืนทางความคิด แย้งได้แต่ต้องมีเหตุผลและมารยาท เน้นวิชาชีวิตให้มากพอๆ กับวิชาการ และที่สำคัญระวังกับดักความกตัญญู... อย่าเลี้ยงลูกเพื่อให้เขามา "ใช้หนี้บุญคุณ" แต่จงเลี้ยงเขาให้เป็นอิสระ เมื่อเขาได้รับความรักที่มากพอ วันหนึ่งเขาจะกลับมาดูแลเราด้วย "น้ำใจ" ไม่ใช่ทำเพราะ "ภาระ"
..................................................
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณกังวลว่าตัวเองแย่ไหม ให้เช็คลิสต์ง่ายๆ แค่นี้พอครับ ถ้าคุณหาปัจจัย 4 ให้เขาไม่ขาดแคลน, คุณปกป้องเขา ไม่เป็นคนทำร้ายเขาเสียเอง และคุณให้การยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น...
ถ้าลูกกลับบ้านมาแล้วรู้สึกปลอดภัย ถ้าลูกรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น "พ่อยังรักเขาเสมอ" จงภูมิใจเถอะครับ คุณกำลังทำหน้าที่ "พ่อ" ได้อย่างงดงามและสมบูรณ์ในแบบของคุณแล้ว
....................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/17wtuffQEK/
....................