สรุปการเดินทางวันที่ 3 ของทริปที่ 141🚎
สวนสุขซะที อมก๋อย เชียงใหม่⛺
ลานที่ 3 ของทริป🥰
เมื่อคืนที่ห้วยขี้เท่อร์ อากาศหนาว น่าจะต่ำกว่า 15 เพราะตอนสายๆ วันนี้ 17 ครับ เพื่อนบ้านมีหลายหลัง ไม่มีเสียงดัง มีแต่เสียงลำธารไหลเป็นเพื่อน หลับสบายจากการเตรียมตัวแบบที่โพสต์ก่อนบอก ออ ลานเปิดไฟสว่างถึงเช้าเลย แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไรนัก
ตื่นตี 5 นิดๆ เก็บถุงนอน ผ้าห่ม เบาะรองนอนแล้วเข้าห้องน้ำ กลับมาทำมื้อเช้า เปิดเตาแก๊สให้ความอุ่นและต้มน้ำร้อนไปด้วย ใช้เวลาพอสมควรก็เสร็จ
ยกออกมาทำทรงหน้าเต็นท์ ซ้ายมือไกลออกไปในลำธาร ไฟสว่างทำให้เห็นไอน้ำลอยเหนือลำธารสวยงาม อากาศหนาว นกน้อยส่งเสียงอยู่บ้าง แต่งแต้มบรรยากาศให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น มื้อเช้าง่ายๆ แต่บรรยากาศเช่นนี้ ทำให้มีความสุขมากๆ ครับ เป็นลานริมลำธารคล้ายอช.แม่เงาที่บรรยากาศดีมากครับ
ล้างจานชามแล้วกลับมาเตรียมตัวออกเดินทาง ใช้เวลาราว 2 ชม.ก็เรียบร้อย พร้อม 9 โมงเช้าพอดี
ขับรถย้อนออกไปเข้าตัวเมืองแม่ระมาดก่อนถึงนิดหน่อย เลี้ยวซ้ายที่มีซุ้มใหญ่ สัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของถนนลอยฟ้าเส้นที่สวยงามเส้นนึง แม่ระมาด-เลอตอ-แม่ตื่น เส้นท้ายๆ ทางดำที่ค่อนข้างวิบากที่ผมจะขับครับ
ระยะทางวันนี้จนถึงลานที่พัก 90 กม. แต่ใช้เวลา 3 ชม.ครึ่งบนถนนปูนค่อนข้างดี แต่แคบประมาณรถเก๋งคันครึ่ง จึงต้องระมัดระวังตลอดเส้นทางที่จะมีรถสวนทางมา หากขับมาเร็ว กระจกข้างหรือรถอาจจะชนกันได้ครับ (จะเขียนรายละเอียดอีกทีครับ) ออ ขับเข้ามาได้ไม่นาน ก็ต้อนรับด้วยทางชัน 21 องศาครับ
จอดแวะศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ แมพพาไปจุดรับซื้อและโรงเรือนคัดบรรจุ ซึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจ จะต้องไปที่บ้านเลอตอที่ไกลอีกซักสิบกม.มั้งครับ เจอป้ายศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอป้ายใหญ่ๆ ข้างทาง ที่เป็นสำนักงาน บ้านพักและร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ควรแวะชมก่อน อย่างน้อยก็พักรถครับ
ขับผ่านด่านทหารพรานมั้ง เห็นสนามหญ้าเหมือนสนามบอลกว้างๆ เลยครับ เห็นวิวสวยมากๆ น่าจะขอกางเต็นท์ได้ และน่าจะเป็นจุดที่สวยมากๆ จุดหนึ่ง เพราะเห็นวิวขุนเขากว้างไกลทีเดียวเลยครับ
ขับรถต่อมาอีก 45 กม.ได้ จะใช้เวลาอีกราว 2 ชม. และเป็นทางแคบ ชัน โค้งเช่นเดิม จนก่อนถึงซักสิบกม.มั้ง จะเห็นที่ราบด้านล่างไกลๆ สวยมากๆ เลยครับ เสียดายที่จอดถ่ายรูปไม่ได้ เยมาอีกไม่เยอะก็ลงพื้นราบ คราวนี้ก็ขับสะดวกขึ้น เพราะสวนเลนได้ปกติ
จนมาถึงสามแยกที่มีวัดป่าคาอยู่ด้านหน้า แมพนำให้เลี้ยวซ้ายไปจนก่อนถึง 6 กม. มาไม่กี่ร้อยเมตร เฮ้ย! ทางมันแคบและจะเป็นทางดิน ไม่ใช่แน่ ย้อนกลับมาแล้วดูแมพที่วัดป่าคา คราวนี้ คราวนี้ลองเลี้ยวขวา มันพาอ้อมไป 12 กม. ขับไปได้ราว 5 กม. เจอป้ายทางตัน คราวนี้ถามข้างทาง จนย้อนกลับมาที่วัดป่าคาอีกที โทรหาลานละกัน จึงให้ขับย้อนอีกทางเมื่อกี้มา รอที่แม่ตื่นคอฟฟี่ เด่วลานจะพาไป ดูอีกทีแล้วเข้าใจ จะมีทางให้ข้ามลำน้ำแม่ตื่น แต่แมพมันพาอ้อมไปทางตันนั่นเอง
ในที่สุดก็มาถึงลาน นั่งคุยกะเจ้าของลานทึ่เป็นชาวแค้มป์ และเป็นทีมแิดมินเพจ แคมป์ปิ้งภาคเหนือ ผมเคยเจอตอนมีตติ้งที่สวนอุ้ยถาแล้ว ลานกลางทุ่งนาที่ตอนนี้เก็บเกี่ยวข้าวแล้ว มีดอยม่อนจองอยู่เบื้องหน้า เห็นผาหัวสิงห์และจุดที่เริ่มเดินทางยาวๆ แบบภาพที่คุ้นเคย ฟ้าใส เปิดเต็มที่และแดดก็แรงเต็มที่ จึงเห็นดอยม่อนจองเด่นสง่า แต่อากาศเย็น 21 องศาเองครับ
รีบกางทาร์ปกันแดด ใช้เวลาหน่อย สุดท้ายจัดบ้านเรียบร้อยบ่าย 2 เตรียมมื้อเที่ยงต่อ ใช้เวลาอีกราวครึ่งชม. นั่งกินพร้อมมองม่อนจองด้วยความสุข
ยกจานชามไปล้างที่ครัวกลาง แล้วกลับมานั่งๆ นอนๆ พักผ่อน เปิดพัดลมเบาๆ แต่ก็ไม่นานก็ปิด เพราะอากาศเริ่มเย็นลง เป็นสบายๆ ใต้ทาร์ป
4 โมงกว่า แดดอ่อนแรง อากาศเริ่มเย็นมากขึ้น 5 โมงแล้ว ขอต้มน้ำอาบเช่นเดิม ห้องน้ำง่ายๆ แต่สะอาด เปนอาบและสุขาอย่างละห้อง สุขาเป็นแบบนั่งยอง อาบน้ำอุ่นๆ สะใจ สบายตัวเลยครับ
ฟ้าเริ่มยอแสง แสงสีทองสีเหลืองสีแดงเริ่มตัดกับเทือกเขาด้านหลังและแสงเริ่มสวยมากขึ้นเมื่อค่ำลง สวยประทับใจครับ
ต้มน้ำเก๊กฮวยกินกะขนมรองท้อง และองุ่นนิดหน่อย อากาศเย็นขึ้น น่าจะ 18 และน่าจะน้อยกว่า 15 เช่นเดิมๆ ผมก็เตรียมรับมือเช่นเดิมครับ
คืนนี้เหมาลาน มีเสียงจิ้งหรีดร้องเป็นเพื่อนร่วมลาน หน้าเต็นท์เก็บของลงกล่อง และเก็บรองเท้าไว้ด้วย กลัวหายครับ เพราะเห็นน้องหมามาป้วนเปี้ยนอยู่
มีความสุขอีกวันครับ
วิถีแค้มปิ้งวิถีพอเพียงวิถีความสุข
สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
1.มื้อเช้า 60 บาท
2.มื้อเที่ยง 60 บาม
3.ค่ากาง 100 บาท
4.มื้อเย็น 30 บาท
รวม 250 บาท
สะสม 2,500 บาท
สรุปการเดินทางวันท่ 3 ของทริปที่ 141
สวนสุขซะที อมก๋อย เชียงใหม่⛺
ลานที่ 3 ของทริป🥰
เมื่อคืนที่ห้วยขี้เท่อร์ อากาศหนาว น่าจะต่ำกว่า 15 เพราะตอนสายๆ วันนี้ 17 ครับ เพื่อนบ้านมีหลายหลัง ไม่มีเสียงดัง มีแต่เสียงลำธารไหลเป็นเพื่อน หลับสบายจากการเตรียมตัวแบบที่โพสต์ก่อนบอก ออ ลานเปิดไฟสว่างถึงเช้าเลย แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไรนัก
ตื่นตี 5 นิดๆ เก็บถุงนอน ผ้าห่ม เบาะรองนอนแล้วเข้าห้องน้ำ กลับมาทำมื้อเช้า เปิดเตาแก๊สให้ความอุ่นและต้มน้ำร้อนไปด้วย ใช้เวลาพอสมควรก็เสร็จ
ยกออกมาทำทรงหน้าเต็นท์ ซ้ายมือไกลออกไปในลำธาร ไฟสว่างทำให้เห็นไอน้ำลอยเหนือลำธารสวยงาม อากาศหนาว นกน้อยส่งเสียงอยู่บ้าง แต่งแต้มบรรยากาศให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น มื้อเช้าง่ายๆ แต่บรรยากาศเช่นนี้ ทำให้มีความสุขมากๆ ครับ เป็นลานริมลำธารคล้ายอช.แม่เงาที่บรรยากาศดีมากครับ
ล้างจานชามแล้วกลับมาเตรียมตัวออกเดินทาง ใช้เวลาราว 2 ชม.ก็เรียบร้อย พร้อม 9 โมงเช้าพอดี
ขับรถย้อนออกไปเข้าตัวเมืองแม่ระมาดก่อนถึงนิดหน่อย เลี้ยวซ้ายที่มีซุ้มใหญ่ สัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของถนนลอยฟ้าเส้นที่สวยงามเส้นนึง แม่ระมาด-เลอตอ-แม่ตื่น เส้นท้ายๆ ทางดำที่ค่อนข้างวิบากที่ผมจะขับครับ
ระยะทางวันนี้จนถึงลานที่พัก 90 กม. แต่ใช้เวลา 3 ชม.ครึ่งบนถนนปูนค่อนข้างดี แต่แคบประมาณรถเก๋งคันครึ่ง จึงต้องระมัดระวังตลอดเส้นทางที่จะมีรถสวนทางมา หากขับมาเร็ว กระจกข้างหรือรถอาจจะชนกันได้ครับ (จะเขียนรายละเอียดอีกทีครับ) ออ ขับเข้ามาได้ไม่นาน ก็ต้อนรับด้วยทางชัน 21 องศาครับ
จอดแวะศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ แมพพาไปจุดรับซื้อและโรงเรือนคัดบรรจุ ซึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจ จะต้องไปที่บ้านเลอตอที่ไกลอีกซักสิบกม.มั้งครับ เจอป้ายศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอป้ายใหญ่ๆ ข้างทาง ที่เป็นสำนักงาน บ้านพักและร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ควรแวะชมก่อน อย่างน้อยก็พักรถครับ
ขับผ่านด่านทหารพรานมั้ง เห็นสนามหญ้าเหมือนสนามบอลกว้างๆ เลยครับ เห็นวิวสวยมากๆ น่าจะขอกางเต็นท์ได้ และน่าจะเป็นจุดที่สวยมากๆ จุดหนึ่ง เพราะเห็นวิวขุนเขากว้างไกลทีเดียวเลยครับ
ขับรถต่อมาอีก 45 กม.ได้ จะใช้เวลาอีกราว 2 ชม. และเป็นทางแคบ ชัน โค้งเช่นเดิม จนก่อนถึงซักสิบกม.มั้ง จะเห็นที่ราบด้านล่างไกลๆ สวยมากๆ เลยครับ เสียดายที่จอดถ่ายรูปไม่ได้ เยมาอีกไม่เยอะก็ลงพื้นราบ คราวนี้ก็ขับสะดวกขึ้น เพราะสวนเลนได้ปกติ
จนมาถึงสามแยกที่มีวัดป่าคาอยู่ด้านหน้า แมพนำให้เลี้ยวซ้ายไปจนก่อนถึง 6 กม. มาไม่กี่ร้อยเมตร เฮ้ย! ทางมันแคบและจะเป็นทางดิน ไม่ใช่แน่ ย้อนกลับมาแล้วดูแมพที่วัดป่าคา คราวนี้ คราวนี้ลองเลี้ยวขวา มันพาอ้อมไป 12 กม. ขับไปได้ราว 5 กม. เจอป้ายทางตัน คราวนี้ถามข้างทาง จนย้อนกลับมาที่วัดป่าคาอีกที โทรหาลานละกัน จึงให้ขับย้อนอีกทางเมื่อกี้มา รอที่แม่ตื่นคอฟฟี่ เด่วลานจะพาไป ดูอีกทีแล้วเข้าใจ จะมีทางให้ข้ามลำน้ำแม่ตื่น แต่แมพมันพาอ้อมไปทางตันนั่นเอง
ในที่สุดก็มาถึงลาน นั่งคุยกะเจ้าของลานทึ่เป็นชาวแค้มป์ และเป็นทีมแิดมินเพจ แคมป์ปิ้งภาคเหนือ ผมเคยเจอตอนมีตติ้งที่สวนอุ้ยถาแล้ว ลานกลางทุ่งนาที่ตอนนี้เก็บเกี่ยวข้าวแล้ว มีดอยม่อนจองอยู่เบื้องหน้า เห็นผาหัวสิงห์และจุดที่เริ่มเดินทางยาวๆ แบบภาพที่คุ้นเคย ฟ้าใส เปิดเต็มที่และแดดก็แรงเต็มที่ จึงเห็นดอยม่อนจองเด่นสง่า แต่อากาศเย็น 21 องศาเองครับ
รีบกางทาร์ปกันแดด ใช้เวลาหน่อย สุดท้ายจัดบ้านเรียบร้อยบ่าย 2 เตรียมมื้อเที่ยงต่อ ใช้เวลาอีกราวครึ่งชม. นั่งกินพร้อมมองม่อนจองด้วยความสุข
ยกจานชามไปล้างที่ครัวกลาง แล้วกลับมานั่งๆ นอนๆ พักผ่อน เปิดพัดลมเบาๆ แต่ก็ไม่นานก็ปิด เพราะอากาศเริ่มเย็นลง เป็นสบายๆ ใต้ทาร์ป
4 โมงกว่า แดดอ่อนแรง อากาศเริ่มเย็นมากขึ้น 5 โมงแล้ว ขอต้มน้ำอาบเช่นเดิม ห้องน้ำง่ายๆ แต่สะอาด เปนอาบและสุขาอย่างละห้อง สุขาเป็นแบบนั่งยอง อาบน้ำอุ่นๆ สะใจ สบายตัวเลยครับ
ฟ้าเริ่มยอแสง แสงสีทองสีเหลืองสีแดงเริ่มตัดกับเทือกเขาด้านหลังและแสงเริ่มสวยมากขึ้นเมื่อค่ำลง สวยประทับใจครับ
ต้มน้ำเก๊กฮวยกินกะขนมรองท้อง และองุ่นนิดหน่อย อากาศเย็นขึ้น น่าจะ 18 และน่าจะน้อยกว่า 15 เช่นเดิมๆ ผมก็เตรียมรับมือเช่นเดิมครับ
คืนนี้เหมาลาน มีเสียงจิ้งหรีดร้องเป็นเพื่อนร่วมลาน หน้าเต็นท์เก็บของลงกล่อง และเก็บรองเท้าไว้ด้วย กลัวหายครับ เพราะเห็นน้องหมามาป้วนเปี้ยนอยู่
มีความสุขอีกวันครับ
วิถีแค้มปิ้งวิถีพอเพียงวิถีความสุข
สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
1.มื้อเช้า 60 บาท
2.มื้อเที่ยง 60 บาม
3.ค่ากาง 100 บาท
4.มื้อเย็น 30 บาท
รวม 250 บาท
สะสม 2,500 บาท