การขับรถเปิดประทุน ให้ความรู้สึกอิสระ ท้องฟ้าที่เปิดโล่งด้านบนไร้การบดบังจากหลังคาที่เคยชินมาตั้งแต่เด็กๆ ความรู้สึกนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ด้วยขนาดของรถเปิดหลังคาที่ยิ่งเล็กเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การขับ S500 Carbiolet นั้นแตกต่างจาก MINI Convertible ทั้งขนาดและน้ำหนัก ใน S เปิดหลังคา ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยโลหะที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความสบาย ส่วน MINI Cooper S Convertible ทุกอย่างที่กะทัดรัดของมันส่งถ่ายอารมณ์ของรถโรสเตอร์ในอดีตมากกว่าจะเป็นรถแฮตชแบคเล็กๆ ที่ถูกนำมาหั่นหลังคา ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ถูกรายล้อมไปด้วยภาระผูกพันและความรับผิดชอบต่างๆ นาๆมากมายจนบางครั้ง ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ การขับรถเปิดประทุน เป็นช่วงเวลาที่เหมือนการปลดปล่อยปัญหาและความเครียดที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน
รถเปิดประทุน เชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วย กระแสลม กลิ่นของธรรมชาติ เสียงรอบข้าง ทัศนียภาพ ที่ประสาทสัมผัสจะช่วยให้ยึดเหนี่ยวตัวเองอยู่ในช่วงเวลานั้น การมีสติ เป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดี เพราะช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความกังวลหรือความคิดเชิงลบ การขับรถเปิดประทุนกลายเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อตัวตนระหว่างอดีตกับปัจจุบันให้มีความสมบูรณ์
MINI เปิดประทุนคันแรกของโลก เป็นผลงานของ David McMullan ผู้จัดการฝ่ายขายของ Lambretta Trojan of Croydon และ Jeffrey Smith หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและการออกแบบ Engineering and design ของ Lambretta ทั้งสองคน ร่วมมือกันทำในสิ่งที่ตัวเองคลั่งไคล้ นั่นก็คือ การสร้างรถเปิดหลังคาเท่ๆสักคัน ด้วยมิตรภาพและความร่วมมือที่ยาวนาน รวมถึงวิสัยทัศน์หรือความชอบที่เหมือนกัน นั่นก็คือ การเปลี่ยน MINI รุ่นใหม่ให้กลายเป็นรถเปิดประทุน ในปี 1962 รถ MINI รุ่นใหม่ยังหายาก David และ Jeffrey จึงมีเงินซื้อได้เพียง MINI รุ่นแรกสุดของปี 1959 ที่ใช้งานมาแล้วถึงสามปี สำหรับการทดลองในครั้งแรก รถ MINI คันนี้ จดทะเบียนหมายเลข AFO 887 ทั้งสองคนรวมถึงทีมช่าง ทำการดัดแปลงในช่วงดึก เนื่องจากทั้งคู่ต้องทำงานประจำที่ Lambretta เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
แต่ละวันตั้งแต่เช้าจดเย็นของ David และ Jeffrey เต็มไปด้วยการทำงานที่ Lambretta พอตกค่ำ ทั้งคู่ก็ยังอดหลับอดนอนกับการตัดหลังคาและดามแชสซี เพื่อดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็นรถเปิดหลังคา การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ในโรงซ่อมที่เมืองสตรูด รัฐเคนต์ แม้จะมีตารางงานที่ยุ่งเหยิงทั้งวัน David ก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอยู่ที่โรงพยาบาล หลายครั้งที่เดวิดถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำหนิเรื่องมือที่สกปรกเลอะเทอะน้ำมันเครื่อง จารบี บางวันก็มีชิ้นส่วนรถมินิเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่พอใจ
เดือนสิงหาคม ปี 1962 Sean ลูกชายคนแรกของ David ก็ถือกำเนิดขึ้น เพียงไม่กี่นาทีหลังคลอด David และ Jeffrey มุ่งหน้าไปยังเมืองสตรูดเพื่อขับรถทดสอบที่เป็น "ลูกรัก" ของพวกเขา นั่นก็คือรถ MINI AFO 887 ที่ดัดแปลงเป็นรถเปิดประทุนแล้ว การออกสู่ท้องถนนเป็นครั้งแรกด้วยเจ้าตัวเล็กเปิดหลังคาทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้น
ในที่สุด David และ Jeffrey ก็ออกจาก Lambretta Trojan และทำการก่อตั้งบริษัท Crayford ด้วยเงินลงทุนร่วมกันแค่ 20 ปอนด์ บริษัทใหม่แห่งนี้ มีเพียงกล่องเครื่องมือคนละกล่อง หลังจากนั้น รถ Mini เปิดประทุนคันแรกของพวกเขาซึ่งถูกพ่นด้วยสีฟ้าอ่อน ได้ถูกเปิดตัวต่อสื่อมวลชนทั่วประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 มิถุนายน 1962 หน้ายานยนต์ของหนังสือพิมพ์ Daily Mail ลงตีพิมพ์ว่า การเปิดตัวประสบความสำเร็จอย่างงดงาม MINI Convertible ดึงดูดเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถเปิดหลังคา ตามด้วยการสั่งซื้อจำนวนมาก ราคาในการดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็น รถเปิดประทุนแบบ Convertible ถูกตั้งไว้ที่ 690 ปอนด์ สำหรับการลงมือลงแรงกับรถ MINI ใหม่ สำหรับการดัดแปลง MINI ที่ใช้งานแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 129 ปอนด์
ความสำเร็จของบริษัท Crayford กิดขึ้นเมื่อ MGM นำรถ Crayford Mini Cooper รุ่นใหม่ มาใช้ในภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง “Night Must Fall” นำแสดงโดย Susan Hampshire และ Albert Finney ดารานำทั้งสองคน ขับรถ Crayford MINI คันนี้ตลอดทั้งเรื่อง เมื่อภาพยนตร์ออกฉาย ภรรยาของ David ดูหนังเรื่องนี้ถึงสามรอบภายในบ่ายวันเดียว
บริษัท Crayford แนะนำรถรุ่นต่างๆ โดยอิงจากรถยนต์ Austin และ Morris ต่อมา มีการผลิตรถเปิดประทุน Clubman รุ่น Mk.1 ในช่วงแรกนั้นหลังคาออกแบบให้เปิดโล่งได้ทั้งหมด มีกระจกข้างด้านหลังที่ดึงออกมาได้เหมือนกับรถ Morgan นอกจากนั้นยังมีการดัดแปลงที่เรียกว่า sunshine โดยมีด้านข้างยึดด้วยไม้แบบตายตัว บริษัท Crayford ได้สร้างรถ MINI Clubman เปิดประทุน สำหรับชายหาด (แบบพิเศษ) มีด้านข้างคล้ายรถจี๊ปสำหรับกรรมการผู้จัดการของ Bristol Street Motors เพื่อใช้ที่วิลล่าส่วนตัวในสเปน
ปัจจุบัน รถ Crayford Mini รุ่นแรก หายากมากๆ และมีราคาแพงลิบ โดยยังคงเหลืออยู่เพียง 15 คันเท่านั้น เนื่องจากความต้องการสูงมาก จึงมีของปลอมออกมาปะปน
ปี ค.ศ. 1965 Alec Issigoni (ผู้ออกแบบ Mini รุ่นแรก) ลงมือดัดแปลง MINI ให้เป็นรถเปิดประทุนสองที่นั่ง ซึ่ง Alec ก็ใช้เป็นรถส่วนตัวอยู่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ได้มีการขึ้นไลน์ผลิตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้น MINI Convertible คันแรกของโรงงาน จึงถือเป็น MINI เปิดประทุน คันที่สองที่เคยถูกสร้างขึ้น! ปัจจุบัน MINI เปิดหลังคารุ่นประวัติศาตร์ ทะเบียน 627 HUE อยู่ในความครอบครองของ Mr. Maruyama เศรษฐีเบอร์ต้นๆ ที่ชอบสะสมรถเก่าในประเทศญี่ปุ่น
MINI Convertible ที่ถูกผลิตออกขายอย่างเป็นทางการ ปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน NEC Motor Show เมื่อปี 1992 มีสีตัวถังสองสี ได้แก่ Nightfire Red หรือ Caribbean Blue เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร แผงหน้าปัดวอลนัทสุดหรู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต Cobra
MINI Convertible เจเนอเรชันที่ 4 โฉมล่าสุดประจำปี 2025 มีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับโฉมที่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ทันสมัยขึ้นโดยเฉพาะส่วนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า กันชน ล้อ ไฟท้าย Union Flag ไฟหรี่ LED Daytime Running Light ที่คล้ายของเดิม หลังคาผ้าใบสีดำลายธงยูเนี่ยนแจ็คสีเทา ล้อลายใหม่ หน้าจอระบบนำทางแบบดาวเทียม OLED แบบใหม่ การรีเฟรชเพิ่มเติมของ Convertible ปี 2025 มีการปรับแต่งสไตล์และชุดอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมนับสิบจุด แต่หลังคาผ้าเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้านั้นยังเหมือนเดิม (เนื่องจากของเดิมใช้งานได้ดีอยู่แล้วจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง) พวกมันใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับการปรับปรุงจากแพลตฟอร์มเดิม (ตรงข้ามกับแพลตฟอร์มไฟฟ้า JO1 ใหม่ ที่พัฒนาร่วมกับ Great Wall Motors ของจีน) MINI กำลังพิจารณาผลิตรุ่นเปิดประทุนไฟฟ้าอยู่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการตัดสินใจใดจากผู้บริหารระดับสูงใน BMW แต่ในอนาคต กระแสของรถไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามาแทนที่รถสันดาป อาจทำให้ MINI ตัดสินใจเพิ่มรุ่นเปิดหลังคาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์
MINI Cooper S Convertible 2025 ราคา 3,199,000 บาท ใช้เวลาเปิดหลังคาแค่แวบเดียวเท่านั้น หลังคาผ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ MINI จะเปิดออกเพื่อทำให้คุณได้สัมผัสกับอากาศเย็นที่แสนจะสดชื่น หลังคาผ้าพับเก็บ หรือกางออกเพื่อปิดคลุมภายในเวลา 18 วินาที เบาะด้านหลังใน MINI Cooper S Convertible นั้นแน่นอนว่า เหมาะกับเด็กมากกว่าจะให้คนตัวโตๆ ลงไปนั่ง เนื่องจากพื้นที่อันคับแคบของเบาะหลัง จึงเหมาะกับการใช้เป็นที่วางของมากกว่าจะลงไปนั่ง นอกจากคุณนั้นตัวเล็กจริงๆ เท่านั้นถึงจะนั่งได้แต่ก็ยังอึดอัดอยู่ดี แต่จริงๆแล้ว เบาะหลังของมันก็ยังกว้างกว่า Audi TT Coupe นิดนึง เพราะถ้าเอาเบาะหลังของ Cooper S Convertible ไปเทียบกับ TT เปิดหลังคา รถสี่ห่วงคันเล็กเปิดประทุนได้นั้นมีแค่สองที่นั่งแบบ Roadster ครับ ....
Cooper S เปิดประทุน มีระดับการตัดแต่งที่ได้รับการปรับปรุงโดย MINI เข้ามาเติมเต็มไลน์อัปที่ครบครัน การกำหนดสไตล์ภายนอกและภายใน Cooper S Convertibleมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ล่าสุด ขนาด 18 นิ้ว สีดำเงา กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยจอด ระบบนำทางดาวเทียม และที่ไม่มีในรุ่นที่แล้ว แต่กลับมาในรุ่นนี้ก็คือ ระบบเสียง Harman Kardon ที่เคยมีอยู่ใน Cooper S Convertible ที่ผมเอามาทดสอบเมื่อ 5 ปีก่อน ตัวถังสีเหลือง ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีทอง และสีดำเงา การเพิ่มเส้นสายสีทอง Dark Gold ไว้บนกระจังหน้า ที่จับประตูสีดำ โลโก้ Cooper S แบบใหม่ บริเวณฝากระโปรงหลัง กรอบไฟเลี้ยว ฝาถังน้ำมัน โลโก้ MINI บนกระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย ตัวอักษรบอกรุ่น กรอบไฟหน้า ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขอบ 18 นิ้ว แผงตัวถังเดียวที่ยกมาจากรุ่นที่แล้ว คือ บานประตู กระจังหน้าปรับใหม่ ไฟหน้า LED ทรงกลมยังอยู่ ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างตัวถัง ทำให้ไฟท้ายแนวตั้งยังอยู่เหมือนเดิม มีลวดลายธงชาติอังกฤษและลวดลายนี้ยังปรากฏบนหลังคาผ้าใบ การพับเก็บบางส่วนจะทำให้ได้หลังคาซันรูฟด้วยการเปิดเพียงครึ่งเดียวที่ส่วนหน้าเหนือเบาะคู่หน้า หรือพับเก็บทั้งหมดแล้วกลายร่างเป็นรถเปิดประทุน
เปิดหลังคาท้าลมหนาว ทดสอบ MINI COOPER S CONVERTIBLE 2025
https://www.thairath.co.th/news/auto/testdrive/2901504
การขับรถเปิดประทุนไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยีงอีกจุดหนึ่งเท่านั้น เมื่อไม่มีหลังคามาคอยกั้น นั่นจะเป็นประสบการณ์ที่ช่วยกระตุ้นทุกประสาทสัมผัส ปลุกเร้าความรู้สึก เมื่อเปิดหลังคา ลมและกลิ่นต่างๆ จะเข้ามาให้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไอดินหลังฝนตก กลิ่นฟางที่โดนแสงแดด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกเส้นทาง ซึ่งในบางครั้งก็จะได้กลิ่นปลาหมึกตากแห้ง กลิ่นต้มยำทำแกง กลิ่นเปลือกกุ้งเน่าและกลิ่นหมาตาย มันแล้วแต่เส้นทางที่คุณกำลังขับผ่านและทำการเปิดหลังคาวิ่ง ประเทศไทยมีเวลาสำหรับรถเปิดหลังคาสั้นมากๆ แต่ละปีที่ลมหนาวโชยมา พวกที่มีรถเปิดหลังคาถึงกับครางออกมาด้วยความสุขสมหวัง ถ้าคุณเลือกเส้นทางให้เหมาะสมกับการขับรถเล่น เมื่อไร้หลังคา ทัศนียภาพรอบตัวจะไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป มนต์เสน่ห์พิเศษบางอย่างที่แฝงอยู่ในรถเปิดประทุนนั้นยากที่จะอธิบายว่า ทำไมการขับรถเปิดประทุนถึงทำให้เจ้าของมีความสุข?
การขับรถเปิดประทุน ให้ความรู้สึกอิสระ ท้องฟ้าที่เปิดโล่งด้านบนไร้การบดบังจากหลังคาที่เคยชินมาตั้งแต่เด็กๆ ความรู้สึกนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ด้วยขนาดของรถเปิดหลังคาที่ยิ่งเล็กเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การขับ S500 Carbiolet นั้นแตกต่างจาก MINI Convertible ทั้งขนาดและน้ำหนัก ใน S เปิดหลังคา ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยโลหะที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความสบาย ส่วน MINI Cooper S Convertible ทุกอย่างที่กะทัดรัดของมันส่งถ่ายอารมณ์ของรถโรสเตอร์ในอดีตมากกว่าจะเป็นรถแฮตชแบคเล็กๆ ที่ถูกนำมาหั่นหลังคา ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ถูกรายล้อมไปด้วยภาระผูกพันและความรับผิดชอบต่างๆ นาๆมากมายจนบางครั้ง ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ การขับรถเปิดประทุน เป็นช่วงเวลาที่เหมือนการปลดปล่อยปัญหาและความเครียดที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน
รถเปิดประทุน เชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วย กระแสลม กลิ่นของธรรมชาติ เสียงรอบข้าง ทัศนียภาพ ที่ประสาทสัมผัสจะช่วยให้ยึดเหนี่ยวตัวเองอยู่ในช่วงเวลานั้น การมีสติ เป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดี เพราะช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความกังวลหรือความคิดเชิงลบ การขับรถเปิดประทุนกลายเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อตัวตนระหว่างอดีตกับปัจจุบันให้มีความสมบูรณ์
MINI เปิดประทุนคันแรกของโลก เป็นผลงานของ David McMullan ผู้จัดการฝ่ายขายของ Lambretta Trojan of Croydon และ Jeffrey Smith หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและการออกแบบ Engineering and design ของ Lambretta ทั้งสองคน ร่วมมือกันทำในสิ่งที่ตัวเองคลั่งไคล้ นั่นก็คือ การสร้างรถเปิดหลังคาเท่ๆสักคัน ด้วยมิตรภาพและความร่วมมือที่ยาวนาน รวมถึงวิสัยทัศน์หรือความชอบที่เหมือนกัน นั่นก็คือ การเปลี่ยน MINI รุ่นใหม่ให้กลายเป็นรถเปิดประทุน ในปี 1962 รถ MINI รุ่นใหม่ยังหายาก David และ Jeffrey จึงมีเงินซื้อได้เพียง MINI รุ่นแรกสุดของปี 1959 ที่ใช้งานมาแล้วถึงสามปี สำหรับการทดลองในครั้งแรก รถ MINI คันนี้ จดทะเบียนหมายเลข AFO 887 ทั้งสองคนรวมถึงทีมช่าง ทำการดัดแปลงในช่วงดึก เนื่องจากทั้งคู่ต้องทำงานประจำที่ Lambretta เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
แต่ละวันตั้งแต่เช้าจดเย็นของ David และ Jeffrey เต็มไปด้วยการทำงานที่ Lambretta พอตกค่ำ ทั้งคู่ก็ยังอดหลับอดนอนกับการตัดหลังคาและดามแชสซี เพื่อดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็นรถเปิดหลังคา การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ในโรงซ่อมที่เมืองสตรูด รัฐเคนต์ แม้จะมีตารางงานที่ยุ่งเหยิงทั้งวัน David ก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอยู่ที่โรงพยาบาล หลายครั้งที่เดวิดถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำหนิเรื่องมือที่สกปรกเลอะเทอะน้ำมันเครื่อง จารบี บางวันก็มีชิ้นส่วนรถมินิเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่พอใจ
เดือนสิงหาคม ปี 1962 Sean ลูกชายคนแรกของ David ก็ถือกำเนิดขึ้น เพียงไม่กี่นาทีหลังคลอด David และ Jeffrey มุ่งหน้าไปยังเมืองสตรูดเพื่อขับรถทดสอบที่เป็น "ลูกรัก" ของพวกเขา นั่นก็คือรถ MINI AFO 887 ที่ดัดแปลงเป็นรถเปิดประทุนแล้ว การออกสู่ท้องถนนเป็นครั้งแรกด้วยเจ้าตัวเล็กเปิดหลังคาทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้น
ในที่สุด David และ Jeffrey ก็ออกจาก Lambretta Trojan และทำการก่อตั้งบริษัท Crayford ด้วยเงินลงทุนร่วมกันแค่ 20 ปอนด์ บริษัทใหม่แห่งนี้ มีเพียงกล่องเครื่องมือคนละกล่อง หลังจากนั้น รถ Mini เปิดประทุนคันแรกของพวกเขาซึ่งถูกพ่นด้วยสีฟ้าอ่อน ได้ถูกเปิดตัวต่อสื่อมวลชนทั่วประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 มิถุนายน 1962 หน้ายานยนต์ของหนังสือพิมพ์ Daily Mail ลงตีพิมพ์ว่า การเปิดตัวประสบความสำเร็จอย่างงดงาม MINI Convertible ดึงดูดเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถเปิดหลังคา ตามด้วยการสั่งซื้อจำนวนมาก ราคาในการดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็น รถเปิดประทุนแบบ Convertible ถูกตั้งไว้ที่ 690 ปอนด์ สำหรับการลงมือลงแรงกับรถ MINI ใหม่ สำหรับการดัดแปลง MINI ที่ใช้งานแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 129 ปอนด์
ความสำเร็จของบริษัท Crayford กิดขึ้นเมื่อ MGM นำรถ Crayford Mini Cooper รุ่นใหม่ มาใช้ในภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง “Night Must Fall” นำแสดงโดย Susan Hampshire และ Albert Finney ดารานำทั้งสองคน ขับรถ Crayford MINI คันนี้ตลอดทั้งเรื่อง เมื่อภาพยนตร์ออกฉาย ภรรยาของ David ดูหนังเรื่องนี้ถึงสามรอบภายในบ่ายวันเดียว
บริษัท Crayford แนะนำรถรุ่นต่างๆ โดยอิงจากรถยนต์ Austin และ Morris ต่อมา มีการผลิตรถเปิดประทุน Clubman รุ่น Mk.1 ในช่วงแรกนั้นหลังคาออกแบบให้เปิดโล่งได้ทั้งหมด มีกระจกข้างด้านหลังที่ดึงออกมาได้เหมือนกับรถ Morgan นอกจากนั้นยังมีการดัดแปลงที่เรียกว่า sunshine โดยมีด้านข้างยึดด้วยไม้แบบตายตัว บริษัท Crayford ได้สร้างรถ MINI Clubman เปิดประทุน สำหรับชายหาด (แบบพิเศษ) มีด้านข้างคล้ายรถจี๊ปสำหรับกรรมการผู้จัดการของ Bristol Street Motors เพื่อใช้ที่วิลล่าส่วนตัวในสเปน
ปัจจุบัน รถ Crayford Mini รุ่นแรก หายากมากๆ และมีราคาแพงลิบ โดยยังคงเหลืออยู่เพียง 15 คันเท่านั้น เนื่องจากความต้องการสูงมาก จึงมีของปลอมออกมาปะปน
ปี ค.ศ. 1965 Alec Issigoni (ผู้ออกแบบ Mini รุ่นแรก) ลงมือดัดแปลง MINI ให้เป็นรถเปิดประทุนสองที่นั่ง ซึ่ง Alec ก็ใช้เป็นรถส่วนตัวอยู่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ได้มีการขึ้นไลน์ผลิตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้น MINI Convertible คันแรกของโรงงาน จึงถือเป็น MINI เปิดประทุน คันที่สองที่เคยถูกสร้างขึ้น! ปัจจุบัน MINI เปิดหลังคารุ่นประวัติศาตร์ ทะเบียน 627 HUE อยู่ในความครอบครองของ Mr. Maruyama เศรษฐีเบอร์ต้นๆ ที่ชอบสะสมรถเก่าในประเทศญี่ปุ่น
MINI Convertible ที่ถูกผลิตออกขายอย่างเป็นทางการ ปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน NEC Motor Show เมื่อปี 1992 มีสีตัวถังสองสี ได้แก่ Nightfire Red หรือ Caribbean Blue เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร แผงหน้าปัดวอลนัทสุดหรู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต Cobra
MINI Convertible เจเนอเรชันที่ 4 โฉมล่าสุดประจำปี 2025 มีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับโฉมที่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ทันสมัยขึ้นโดยเฉพาะส่วนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า กันชน ล้อ ไฟท้าย Union Flag ไฟหรี่ LED Daytime Running Light ที่คล้ายของเดิม หลังคาผ้าใบสีดำลายธงยูเนี่ยนแจ็คสีเทา ล้อลายใหม่ หน้าจอระบบนำทางแบบดาวเทียม OLED แบบใหม่ การรีเฟรชเพิ่มเติมของ Convertible ปี 2025 มีการปรับแต่งสไตล์และชุดอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมนับสิบจุด แต่หลังคาผ้าเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้านั้นยังเหมือนเดิม (เนื่องจากของเดิมใช้งานได้ดีอยู่แล้วจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง) พวกมันใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับการปรับปรุงจากแพลตฟอร์มเดิม (ตรงข้ามกับแพลตฟอร์มไฟฟ้า JO1 ใหม่ ที่พัฒนาร่วมกับ Great Wall Motors ของจีน) MINI กำลังพิจารณาผลิตรุ่นเปิดประทุนไฟฟ้าอยู่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการตัดสินใจใดจากผู้บริหารระดับสูงใน BMW แต่ในอนาคต กระแสของรถไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามาแทนที่รถสันดาป อาจทำให้ MINI ตัดสินใจเพิ่มรุ่นเปิดหลังคาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์
MINI Cooper S Convertible 2025 ราคา 3,199,000 บาท ใช้เวลาเปิดหลังคาแค่แวบเดียวเท่านั้น หลังคาผ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ MINI จะเปิดออกเพื่อทำให้คุณได้สัมผัสกับอากาศเย็นที่แสนจะสดชื่น หลังคาผ้าพับเก็บ หรือกางออกเพื่อปิดคลุมภายในเวลา 18 วินาที เบาะด้านหลังใน MINI Cooper S Convertible นั้นแน่นอนว่า เหมาะกับเด็กมากกว่าจะให้คนตัวโตๆ ลงไปนั่ง เนื่องจากพื้นที่อันคับแคบของเบาะหลัง จึงเหมาะกับการใช้เป็นที่วางของมากกว่าจะลงไปนั่ง นอกจากคุณนั้นตัวเล็กจริงๆ เท่านั้นถึงจะนั่งได้แต่ก็ยังอึดอัดอยู่ดี แต่จริงๆแล้ว เบาะหลังของมันก็ยังกว้างกว่า Audi TT Coupe นิดนึง เพราะถ้าเอาเบาะหลังของ Cooper S Convertible ไปเทียบกับ TT เปิดหลังคา รถสี่ห่วงคันเล็กเปิดประทุนได้นั้นมีแค่สองที่นั่งแบบ Roadster ครับ ....
Cooper S เปิดประทุน มีระดับการตัดแต่งที่ได้รับการปรับปรุงโดย MINI เข้ามาเติมเต็มไลน์อัปที่ครบครัน การกำหนดสไตล์ภายนอกและภายใน Cooper S Convertibleมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ล่าสุด ขนาด 18 นิ้ว สีดำเงา กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยจอด ระบบนำทางดาวเทียม และที่ไม่มีในรุ่นที่แล้ว แต่กลับมาในรุ่นนี้ก็คือ ระบบเสียง Harman Kardon ที่เคยมีอยู่ใน Cooper S Convertible ที่ผมเอามาทดสอบเมื่อ 5 ปีก่อน ตัวถังสีเหลือง ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีทอง และสีดำเงา การเพิ่มเส้นสายสีทอง Dark Gold ไว้บนกระจังหน้า ที่จับประตูสีดำ โลโก้ Cooper S แบบใหม่ บริเวณฝากระโปรงหลัง กรอบไฟเลี้ยว ฝาถังน้ำมัน โลโก้ MINI บนกระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย ตัวอักษรบอกรุ่น กรอบไฟหน้า ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขอบ 18 นิ้ว แผงตัวถังเดียวที่ยกมาจากรุ่นที่แล้ว คือ บานประตู กระจังหน้าปรับใหม่ ไฟหน้า LED ทรงกลมยังอยู่ ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างตัวถัง ทำให้ไฟท้ายแนวตั้งยังอยู่เหมือนเดิม มีลวดลายธงชาติอังกฤษและลวดลายนี้ยังปรากฏบนหลังคาผ้าใบ การพับเก็บบางส่วนจะทำให้ได้หลังคาซันรูฟด้วยการเปิดเพียงครึ่งเดียวที่ส่วนหน้าเหนือเบาะคู่หน้า หรือพับเก็บทั้งหมดแล้วกลายร่างเป็นรถเปิดประทุน