ดรนพลีชีพ” หรือโดรนแบบมองมองบุคคลที่หนึ่ง (First Person View) ได้ยกระดับขึ้นเป็นยุทโธปกรณ์สำคัญในสงครามยุคใหม่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “โดรนพลีชีพ” หรือโดรนแบบมองมองบุคคลที่หนึ่ง (First Person View) ได้ยกระดับขึ้นเป็นยุทโธปกรณ์สำคัญในสงครามยุคใหม่ ดังที่ประจักษ์ในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และล่าสุดในเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยคุณลักษณะที่มีต้นทุนต่ำแต่ทรงอานุภาพในการทำลายล้างสูง โดรนประเภทนี้จึงถูกขนานนามว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) ในสมรภูมิ ส่งผลให้การพัฒนาและบรรจุโดรนพลีชีพเข้าประจำการกลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของทุกกองทัพ เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์และรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่

สนามแข่งโดรน FPV สู่สนามรบ

“โดรนพลีชีพ” แตกต่างจากโดรนทหารรุ่นดั้งเดิมอย่างชัดเจน เพราะผู้ควบคุมจะสวมแว่นตาเสมือนจริง (Goggles) ที่รับภาพสดจากกล้องหน้าของโดรน ทำให้รู้สึกเหมือนบินอยู่ในห้องนักบินจริง ระบบควบคุมแบบมนุษย์ล้วน ๆ ไม่มีตัวช่วยทรงตัว ทำให้โดรน FPV สามารถมุด ซุก พุ่ง และดิ่งโจมตีด้วยความแม่นยำสูง เหมาะอย่างยิ่งต่อการไล่ล่าเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็วหรือซ่อนในมุมอับสายตา

กรณีสงครามในยูเครนจุดพลิกผันเริ่มจากฝั่งยูเครน ซึ่งอาศัยฐานชุมชนผู้เล่นโดรน นักแข่งโดรน FPV และวิศวกรอาสา มาดัดแปลงโดรนแข่งราคาถูกให้ติดระเบิดแบบกามิกาเซะ หรือโดรนพลีชีพ ความสำเร็จในการทำลายรถถังรัสเซียด้วยอาวุธต้นทุนเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ทำให้ “โดรนพลีชีพ” ถูกยกระดับเป็นอาวุธมาตรฐานอย่างรวดเร็ว รัสเซียซึ่งตามหลังในระยะแรก เร่งระดมกำลังผลิตจนปัจจุบันทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สถานะมีขีดความสามารถโจมตีเชิงลึกด้วย “โดรนพลีชีพ” ในปริมาณนับพันลำต่อเดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่