หนี PM 2.5 ไม่ได้ แล้วเราควรดูแลตัวเองยังไง?... ให้สุขภาพไม่พัง!
ปลายปีทีไร… นอกจากลมหนาวที่ไม่ค่อยจะมา ก็มีฝุ่น PM 2.5 นี่แหละที่มาทุกปีแบบไม่เคยขาด แถมมาทีไรก็ทำให้เราป่วยได้ทุกที ไม่ว่าจะคัดจมูก ไอ จาม ผื่นคัน ใครเป็นภูมิแพ้ยิ่งอยู่ลำบากเข้าไปใหญ่ แล้วแบบนี้เราจะรับมือยังไงดีเพื่อให้รอดจากฝุ่นสุขภาพไม่พังมาดูกันค่ะ...
ฝุ่น PM 2.5 มาจากไหนกันแน่?
หลายคนคิดว่าอยู่ในบ้านก็รอดแล้ว? …ความจริงคือ ไม่รอดค่ะ!
เพราะฝุ่น PM 2.5 เล็กกว่า 2.5 ไมครอน เล็กจนเล็ดรอดเข้าบ้านได้เหมือนอากาศเลยทีเดียว แหล่งกำเนิดหลักๆ เช่น
- การเผาไร่ เผาป่า
- ควันเสียจากรถยนต์ โดยเฉพาะรถเก่าที่ไม่ค่อยได้ตรวจสภาพ
- ควันจากโรงงาน
- ในบ้านเองก็ไม่เว้น เช่น ปิ้งย่าง อบ ผัดทอดที่มีควัน
และด้วยความที่เล็กมากกก… มันสามารถลอดตามขอบประตู หน้าต่าง เข้าบ้านได้สบายๆ
ทำไม? ช่วงหน้าหนาวฝุ่นถึงเยอะเป็นพิเศษ
หลายคนสงสัยใช่ไหมว่าทำไม? ปลายปีทีไรค่า PM 2.5 พุ่งทุกที สาเหตุหลักๆ คือ
* ลักษณะอากาศปิด : อากาศเย็นด้านล่างหนักกว่าอากาศด้านบน เลยลอยขึ้นไม่ได้มลพิษที่ควรถูกพัดออก ก็เลยติดค้างอยู่ข้างล่างนี่แหละ
* การเผาเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาว : ทั้งเผาไร่อ้อย เผาไร่นา เผาขยะ เผาเศษวัชพืชต่างๆ รวมถึงหมอกตอนกลางคืนที่มากดฝุ่นไว้ไม่ให้กระจาย
สรุปคือ มลพิษมาเต็ม แต่ลมไม่พัดออก แถมมีการเผามาเสริมอีกเลยทำให้ฝุ่นเยอะกว่าช่วงอื่นๆ
เรากำลังแพ้ฝุ่นอยู่หรือเปล่า?
อาการที่พบบ่อยเมื่อเจอ PM 2.5
- จาม น้ำมูกใส คัดจมูก
- ไอ แสบคอ หายใจไม่สะดวก
- ตาแดง คันตา น้ำตาไหล
- ผื่นคัน ผิวอักเสบ
** ใครที่มีอาการเยอะหรือดูแลรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำควรไปพบแพทย์
ค่า AQI เท่าไหร่ ถึงจะเริ่มกระทบสุขภาพ?
ลองเช็กกันหน่อยว่าระดับฝุ่นที่เห็นในแอปส่งผลยังไงกับร่างกายบ้าง
AQI 51-100 : คุณภาพอากาศปานกลาง
คนทั่วไป : อาจยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
กลุ่มเสี่ยง : อาจเริ่มมีอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ, จาม, หายใจเหนื่อย หากอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
AQI 101-150 : คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กลุ่มเสี่ยง : จะมีอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจและอาการทางระบบทางเดินหายใจที่ชัดเจนขึ้น เช่น ไอ, จาม, หายใจหอบเหนื่อย ควรหลีกเลี่ยงการออกไปในที่กลางแจ้ง
AQI 151 ขึ้นไป : คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ
คนทั่วไป : อาจเริ่มมีอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูก, จาม, คัดจมูก หรือมีอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นคัน
กลุ่มเสี่ยง : จะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น ไม่ควรออกไปในที่กลางแจ้ง
* กลุ่มเสี่ยง หมายถึง ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด, โรคปอด, โรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบ ฯลฯ
วิธีรับมือฝุ่น PM 2.5 แบบง่ายๆ แต่ได้ผล
· นอนให้พอ ทานอาหารที่มรประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ เสริมภูมิคุ้มกัน
· เลี่ยงออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง
· ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ลดฝุ่นเล็ดรอดเข้าบ้าน
· ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนหรือพื้นที่ใช้เวลานาน
· ใส่หน้ากาก N95 เวลาต้องอยู่กลางแจ้ง
· ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด ควรพ่นยาและใช้ยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง
· ล้างจมูกช่วยลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ได้ดีมาก
หรือใครมีวิธีอื่นๆ ที่ทำแล้วได้ผลรอดจาก PM 2.5 มาแชร์กันได้นะคะ ช่วงนี้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ แล้วอย่าลืมเช็ก AQI ก่อนออกจากบ้านกันด้วยนะคะ...
หนี PM 2.5 ไม่ได้ แล้วเราควรดูแลตัวเองยังไง?... ให้สุขภาพไม่พัง!
หนี PM 2.5 ไม่ได้ แล้วเราควรดูแลตัวเองยังไง?... ให้สุขภาพไม่พัง!
ปลายปีทีไร… นอกจากลมหนาวที่ไม่ค่อยจะมา ก็มีฝุ่น PM 2.5 นี่แหละที่มาทุกปีแบบไม่เคยขาด แถมมาทีไรก็ทำให้เราป่วยได้ทุกที ไม่ว่าจะคัดจมูก ไอ จาม ผื่นคัน ใครเป็นภูมิแพ้ยิ่งอยู่ลำบากเข้าไปใหญ่ แล้วแบบนี้เราจะรับมือยังไงดีเพื่อให้รอดจากฝุ่นสุขภาพไม่พังมาดูกันค่ะ...
ฝุ่น PM 2.5 มาจากไหนกันแน่?
หลายคนคิดว่าอยู่ในบ้านก็รอดแล้ว? …ความจริงคือ ไม่รอดค่ะ!
เพราะฝุ่น PM 2.5 เล็กกว่า 2.5 ไมครอน เล็กจนเล็ดรอดเข้าบ้านได้เหมือนอากาศเลยทีเดียว แหล่งกำเนิดหลักๆ เช่น
- การเผาไร่ เผาป่า
- ควันเสียจากรถยนต์ โดยเฉพาะรถเก่าที่ไม่ค่อยได้ตรวจสภาพ
- ควันจากโรงงาน
- ในบ้านเองก็ไม่เว้น เช่น ปิ้งย่าง อบ ผัดทอดที่มีควัน
และด้วยความที่เล็กมากกก… มันสามารถลอดตามขอบประตู หน้าต่าง เข้าบ้านได้สบายๆ
ทำไม? ช่วงหน้าหนาวฝุ่นถึงเยอะเป็นพิเศษ
หลายคนสงสัยใช่ไหมว่าทำไม? ปลายปีทีไรค่า PM 2.5 พุ่งทุกที สาเหตุหลักๆ คือ
* ลักษณะอากาศปิด : อากาศเย็นด้านล่างหนักกว่าอากาศด้านบน เลยลอยขึ้นไม่ได้มลพิษที่ควรถูกพัดออก ก็เลยติดค้างอยู่ข้างล่างนี่แหละ
* การเผาเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาว : ทั้งเผาไร่อ้อย เผาไร่นา เผาขยะ เผาเศษวัชพืชต่างๆ รวมถึงหมอกตอนกลางคืนที่มากดฝุ่นไว้ไม่ให้กระจาย
สรุปคือ มลพิษมาเต็ม แต่ลมไม่พัดออก แถมมีการเผามาเสริมอีกเลยทำให้ฝุ่นเยอะกว่าช่วงอื่นๆ
เรากำลังแพ้ฝุ่นอยู่หรือเปล่า?
อาการที่พบบ่อยเมื่อเจอ PM 2.5
- จาม น้ำมูกใส คัดจมูก
- ไอ แสบคอ หายใจไม่สะดวก
- ตาแดง คันตา น้ำตาไหล
- ผื่นคัน ผิวอักเสบ
** ใครที่มีอาการเยอะหรือดูแลรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำควรไปพบแพทย์
ค่า AQI เท่าไหร่ ถึงจะเริ่มกระทบสุขภาพ?
ลองเช็กกันหน่อยว่าระดับฝุ่นที่เห็นในแอปส่งผลยังไงกับร่างกายบ้าง
AQI 51-100 : คุณภาพอากาศปานกลาง
คนทั่วไป : อาจยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
กลุ่มเสี่ยง : อาจเริ่มมีอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ, จาม, หายใจเหนื่อย หากอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
AQI 101-150 : คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กลุ่มเสี่ยง : จะมีอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจและอาการทางระบบทางเดินหายใจที่ชัดเจนขึ้น เช่น ไอ, จาม, หายใจหอบเหนื่อย ควรหลีกเลี่ยงการออกไปในที่กลางแจ้ง
AQI 151 ขึ้นไป : คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ
คนทั่วไป : อาจเริ่มมีอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูก, จาม, คัดจมูก หรือมีอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นคัน
กลุ่มเสี่ยง : จะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น ไม่ควรออกไปในที่กลางแจ้ง
* กลุ่มเสี่ยง หมายถึง ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด, โรคปอด, โรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบ ฯลฯ
วิธีรับมือฝุ่น PM 2.5 แบบง่ายๆ แต่ได้ผล
· นอนให้พอ ทานอาหารที่มรประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ เสริมภูมิคุ้มกัน
· เลี่ยงออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง
· ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ลดฝุ่นเล็ดรอดเข้าบ้าน
· ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนหรือพื้นที่ใช้เวลานาน
· ใส่หน้ากาก N95 เวลาต้องอยู่กลางแจ้ง
· ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด ควรพ่นยาและใช้ยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง
· ล้างจมูกช่วยลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ได้ดีมาก
หรือใครมีวิธีอื่นๆ ที่ทำแล้วได้ผลรอดจาก PM 2.5 มาแชร์กันได้นะคะ ช่วงนี้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ แล้วอย่าลืมเช็ก AQI ก่อนออกจากบ้านกันด้วยนะคะ...