ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก หลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคาด เฟดเสียงแตก ลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณปีหน้าลดครั้งเดียว

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% พร้อมส่งสัญญาณจะชะลอการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

เฟดระบุว่า ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งถัดไป จะประเมินสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทิศทางตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ซึ่งยังอยู่ในระดับ “ค่อนข้างสูง” อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่เปิดเผยหลังการประชุมสองวันชี้ว่า คณะกรรมการมีมุมมองกลาง (median) คาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในปี 2026 สอดคล้องกับคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายน
 

ผู้กำหนดนโยบายปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2026 สู่ระดับ 2.3% จากเดิม 1.8% ขณะที่คงคาดการณ์อัตราการว่างงานปลายปีหน้าไว้ที่ 4.4%
 

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่า ทิศทางนโยบายการเงินขณะนี้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการรับมือพัฒนาการทางเศรษฐกิจ แต่ปฏิเสธให้ความเห็นชี้ชัดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในระยะอันใกล้ ท่าทีดังกล่าว รวมถึงการขาดน้ำเสียงแบบเข้มงวด (hawkish) ส่งผลให้บรรดานักลงทุนในตลาดหุ้นมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น
 

ก่อนประกาศแถลงการณ์ ตลาดการลงทุนเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง แม้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังการลดดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่ยังมีความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณเข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคต ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับแนวโน้มการหยุดลดดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลจากสถานการณ์ตลาดแรงงานที่น่าเป็นห่วง
 

ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 46.30 จุด หรือ 0.67% แตะระดับ 6,886.26 จุด 
 
ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 72.41 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 23,654.40 จุด 
 
ส่วนดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับขึ้น 501.03 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 48,061.32 จุด
 

ราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความกังวลอุปทาน หลังสหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา
ราคาน้ำมันโลกปิดบวกเมื่อวันพุธ หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมันบริเวณน่านน้ำใกล้เวเนซุเอลา เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปทานในระยะสั้น 
 

น้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 62.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
 
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 58.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังเฟดลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายปีหน้า
 

ราคาทองคำในตลาดโลกกลับมาปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังเฟดประกาศลดดอกเบี้ย แม้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในปีหน้ายังคงอยู่ 
 

ทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.7% แตะระดับ 4,236.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 
 
ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ ปิดลดลง 0.3% ที่ 4,224.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์




KEY POINTS
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

เฟดส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด

การตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทิศทางของตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในการประชุมเมื่อวันพุธ แม้คณะกรรมการมีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ได้ส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อที่ยัง “ทรงตัวในระดับสูง”
 

จากประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่หลังการประชุม 2 วัน กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในปี 2026 ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงสู่ระดับราว 2.4% ภายในสิ้นปีหน้า ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจเร่งตัวสู่ 2.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.4%
 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุว่า “ในการพิจารณาขอบเขตและช่วงเวลาในการปรับลดกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดเพิ่มเติม คณะกรรมการจะประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับอย่างรอบคอบ” ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่เคยถูกใช้เพื่อส่งสัญญาณชะลอการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แตกต่างจากความคาดหวังของตลาดที่ยังประเมินว่าจะมีการลดดอกเบี้ยสองครั้งในปีหน้า แม้เฟดจะประกาศมุมมองล่าสุดออกมาแล้วก็ตาม
 

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุในการแถลงข่าวว่า “ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 75 จุดพื้นฐาน และ 175 จุดพื้นฐานนับจากปีก่อนหน้า ทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยขณะนี้เข้าใกล้ช่วงค่ากลางของอัตราดอกเบี้ยสมดุล และอยู่ในจุดที่เหมาะสมจะรอดูพัฒนาการของเศรษฐกิจ” พร้อมย้ำว่า “นโยบายการเงินไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และจะตัดสินใจเป็นรายครั้งตามข้อมูล”
 

หลังแถลงข่าว ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง
อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ B. Riley Wealth ระบุว่า “นี่เป็นการลดดอกเบี้ยในเชิงเข้มงวด (hawkish cut) ไม่ใช่เพียงเพราะมีสองเสียงข้างมากที่ต้องการคงดอกเบี้ยเดิม แต่เพราะดูจาก ‘ดอทพลอต’ จะเห็นว่ามีกรรมการถึงหกคนที่ประเมินว่าไม่ควรมีการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้”
 

การลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 3.50%-3.75% มีกรรมการสามรายไม่เห็นด้วย โดย ออสตัน กูลสบี ประธานเฟดชิคาโก และเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟดแคนซัสซิตี้ ต้องการให้คงดอกเบี้ย ส่วนสตีเฟน มิราน เสนอให้ลดแรงกว่าเป็น 0.50%
 

แนวนโยบายการเงินจากนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ และภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ต้องการให้เฟดเร่งลดดอกเบี้ย จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังล่าช้าเนื่องจากผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐ 43 วันในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
 

คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2026 แข็งแกร่ง
 

ประมาณการล่าสุดมีแนวโน้มในเชิงบวก แม้อัตราดอกเบี้ยอาจทรงตัวในระดับสูงกว่าที่คาด แต่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตเร็วขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อลดลง และอัตราว่างงานปรับลด
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงและประมาณการดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นโดยยังไม่ได้รับข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อชุดล่าสุด และอาศัย “ข้อมูลเท่าที่มี” เช่น การสำรวจภายใน การติดต่อภาคธุรกิจ และข้อมูลภาคเอกชน
 

ข้อมูลทางการล่าสุดอยู่ที่เดือนกันยายน ซึ่งระบุว่าอัตราว่างงานเพิ่มจาก 4.3% เป็น 4.4% และเงินเฟ้อหลักเพิ่มเป็น 2.8% จาก 2.7% เฟดตั้งเป้าเงินเฟ้อที่ 2% แต่การปรับขึ้นของภาษีนำเข้าที่ส่งผ่านต้นทุนสู่ผู้บริโภค เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เงินเฟ้อขยับขึ้นและก่อให้เกิดความเห็นต่างภายในเฟด
ข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อของเดือนพฤศจิกายนจะประกาศในสัปดาห์หน้า ตามด้วยรายงานการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาสสามฉบับสมบูรณ์
 

เฟดระบุว่า “ข้อมูลที่มีอยู่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจขยายตัวในระดับปานกลาง การจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราว่างงานขยับขึ้นจนถึงเดือนกันยายน” พร้อมถอดคำอธิบายเดิมที่ระบุว่าอัตราว่างงานอยู่ในระดับ “ต่ำ”
 

ประมาณการใหม่ชี้ว่ามีกรรมการหกรายที่ไม่ต้องการให้มีการลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเจ็ดรายไม่เห็นด้วยกับการลดเพิ่มเติมในปี 2026
ค่ากลางของประมาณการระบุว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในปี 2027 ขณะที่เงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่