"American Beauty" หนังอะไรวะ! ดูจบแล้วอึ้ง ทึ่ง เสียว เครียด ปนขำ... มันคืออะไรกันแน่?


: "American Beauty" หนังอะไรวะ! ดูจบแล้วอึ้ง ทึ่ง เสียว เครียด ปนขำ... มันคืออะไรกันแน่?

สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังเรื่องนึงที่ดูแล้วอยากจะมาเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก มันคือ "American Beauty" ปี 1999 ครับ บอกเลยว่าตอนแรกที่เพื่อนแนะนำมาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คิดว่าเป็นหนังดราม่าชีวิตธรรมดาทั่วไป แต่พอดูจบแล้วนี่แบบ... อื้อหือ... มันไม่ใช่แค่หนังธรรมดาจริงๆ ครับ มันคือการสะท้อนภาพชีวิตที่บิดเบี้ยว ซ้ำซาก จำเจ และเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ถูกกดทับของคนในสังคมอเมริกันชนชั้นกลางได้อย่างเจ็บปวด แต่ก็มีมุมที่ตลกร้ายจนต้องหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

เรื่องราวเริ่มต้นที่ครอบครัวฟอร์ดครับ เลสเตอร์ ฟอร์ด (เควิน สเปซีย์) พ่อบ้านวัยกลางคน ชีวิตการทำงานน่าเบื่อหน่าย ได้แต่ทำงานในออฟฟิศที่ไร้สาระ วันๆ นั่งอยู่แต่กับเจ้านายปากจัด เพื่อนร่วมงานที่น่ารำคาญ ชีวิตคู่กับภรรยาก็เหมือนจะไปกันไม่ได้แล้ว แคโรลีน (แอนเน็ตต์ เบนนิ่ง) ภรรยาที่พยายามจะรักษาภาพลักษณ์ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไว้ แต่ข้างในนี่แห้งแล้งจนจะกลายเป็นทะเลทรายอยู่แล้ว แถมยังมีความทะเยอทะยานที่ไปไม่ถึงฝัน คอยกดดันสามีตลอดเวลา ลูกสาวก็ชื่อ เจน (ธอร์ร่า เบิร์ช) วัยรุ่นที่เกลียดพ่อแม่เข้าไส้ หาว่าพวกเขาน่าอายไปหมดวันๆ เอาแต่จะอยู่กับเพื่อนสนิทสุดโต่งอย่าง แองเจล่า (มีนา สุวารี) เด็กสาวที่เจนแอบหลงรัก

จุดเปลี่ยนของเรื่องมันอยู่ที่ เลสเตอร์ เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมันช่างน่าเบื่อหน่าย ไร้ความหมาย เขาเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยยึดถือ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอกับ แองเจล่า ลูกสาวของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเจน เลสเตอร์เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานาน มันไม่ใช่แค่ความหลงใหลแบบหนุ่มสาว แต่มันคือการปลุกเร้าความปรารถนาในชีวิตที่เขาเคยสูญเสียไป เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เริ่มออกกำลังกาย ดูแลรูปร่างตัวเองมากขึ้น ซื้อของที่อยากได้มานาน ปลดปล่อยตัวเองจากกรอบที่สังคมและครอบครัวสร้างไว้

หนังเรื่องนี้มันเก่งมากในการค่อยๆ บีบคั้นอารมณ์คนดูครับ เราจะค่อยๆ เห็นภาพความไม่สมบูรณ์แบบของแต่ละตัวละคร การโกหกหลอกลวง การเสแสร้ง การเก็บกดความรู้สึก การระเบิดอารมณ์ที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังมองเข้าไปในชีวิตของเพื่อนบ้านที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยรอยร้าวและบาดแผล

สิ่งที่ผมชอบมากๆ ใน "American Beauty" คือการแสดงของนักแสดงครับ เควิน สเปซีย์ คือที่สุดจริงๆ ครับ เขาถ่ายทอดอารมณ์ของเลสเตอร์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ความเบื่อหน่าย ความสิ้นหวัง ไปจนถึงความบ้าคลั่ง และความปรารถนาที่เหมือนเด็กน้อย ทำให้เราเอาใจช่วยและรู้สึกสงสารเขาไปพร้อมๆ กัน แอนเน็ตต์ เบนนิ่ง ก็ไม่แพ้กันครับ เธอแสดงบทภรรยาที่พยายามจะรักษาทุกอย่างไว้ได้อย่างน่าขนลุก มันดูจริงมากๆ ครับ และนักแสดงวัยรุ่นอย่าง ธอร์ร่า เบิร์ช และ มีนา สุวารี ก็ทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะมีนา ที่แสดงบทแองเจล่าได้มีเสน่ห์และอันตรายในเวลาเดียวกัน

อีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นคือบทครับ มันคมคาย เสียดสี และเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ชวนให้ตีความ ผมชอบประโยคเด็ดๆ หลายประโยคที่ออกมาจากปากตัวละคร มันทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า “เออจริงว่ะ” หรือ “นี่มันชีวิตฉันเลยนี่หว่า” การเล่าเรื่องก็ไม่ใช่เส้นตรง มันมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ มีการตัดสลับไปมาระหว่างเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกันแบบหลวมๆ แต่สุดท้ายแล้วมันก็มาบรรจบกันได้อย่างทรงพลัง

ภาพของหนังเรื่องนี้ก็สวยงามนะครับ แม้ว่าเนื้อหาจะค่อนข้างมืดหม่น แต่ผู้กำกับ แซม เมนเดส (Sam Mendes) ก็เลือกใช้ภาพที่ดูดีมีสไตล์ สีสันที่ตัดกันอย่างชัดเจน และเพลงประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ "American Beauty" ไม่ใช่แค่หนังที่ดูแล้วได้ข้อคิด แต่เป็นงานศิลปะที่น่าจดจำ

แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ดูสบายๆ หรือดูเพลินๆ นะครับ มันมีฉากที่อาจจะทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ หรือมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงทางอารมณ์ ถ้าใครคาดหวังหนังฮีโร่ หนังแอ็คชั่น หรือหนังรักหวานแหวว ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แน่นอนครับ มันคือการสำรวจด้านมืดของจิตใจมนุษย์ และการดิ้นรนเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตในโลกที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้วกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

หลังดูจบ ผมนั่งนิ่งไปพักใหญ่เลยครับ มันเหมือนโดนตบหน้าเบาๆ ให้ตื่นจากความฝันกลางวันว่าชีวิตเรากำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า เรากำลังหลงลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า เรากำลังเสแสร้งกับตัวเองและคนรอบข้างอยู่หรือเปล่า มันทำให้ผมกลับมามองชีวิตตัวเอง มองความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เพื่อนฝูง แล้วก็เริ่มตั้งคำถามกับเป้าหมายชีวิตจริงๆ ของตัวเอง

"American Beauty" เป็นหนังที่กล้าหาญครับ กล้าที่จะนำเสนอความจริงอันเจ็บปวดของสังคม กล้าที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่เราเคยเชื่อ กล้าที่จะทำให้เราเห็นว่าภายใต้เปลือกนอกที่ดูดีงาม อาจจะมีปีศาจร้ายซ่อนอยู่ก็ได้ มันเป็นหนังที่ดูจบแล้วจะฝังอยู่ในหัวไปอีกนานแน่นอนครับ ถ้าใครยังไม่เคยดู ผมแนะนำให้ลองหามาดูกันนะครับ แต่อย่าลืมเตรียมใจไว้ด้วยนะ เพราะมันอาจจะทำให้คุณต้องมองตัวเองในกระจก แล้วถามคำถามที่ยากที่สุดในชีวิตก็ได้ครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้คะแนน "American Beauty" ไปเลย 9/10 ครับ หักไป 1 คะแนนตรงที่บางฉากมันดูอึดอัดจนอยากจะปิดทีวี แต่ก็ต้องทนดูต่อเพราะอยากรู้ว่ามันจะจบลงยังไง และมันก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ครับ ใครดูแล้วมาคุยกันนะครับ อยากรู้ว่ามีความเห็นเหมือนผมไหมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่