After Earth (2013) – เมื่อพ่อลูกต้องเอาชีวิตรอดบนโลกที่กลายเป็นของเอเลี่ยน? ผมว่ามันยังไงๆ อยู่นะครับ


TITLE: After Earth (2013) – เมื่อพ่อลูกต้องเอาชีวิตรอดบนโลกที่กลายเป็นของเอเลี่ยน? ผมว่ามันยังไงๆ อยู่นะครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะเห็นผ่านๆ ตามาบ้างกับเรื่อง "After Earth" ที่เข้าฉายเมื่อปี 2013 นำแสดงโดย วิล สมิธ และ จาเดน สมิธ พ่อลูกคู่นี้มาเจอกันในหนังแอ็คชั่นไซไฟที่ว่าด้วยเรื่องราวการเอาชีวิตรอดบนโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมบอกตรงๆ ว่าก่อนดูเนี่ย ด้วยความที่เห็นชื่อ วิล สมิธ ก็แอบคาดหวังไว้บ้างครับว่าน่าจะออกมาสนุก ตื่นเต้น หรือมีอะไรให้ลุ้นตาม แต่พอได้ดูจบ ผมก็รู้สึกว่ามัน... ยังไงก็ไม่รู้สิครับ

เรื่องราวของ After Earth เกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น มนุษย์ได้สร้างอารยธรรมที่เจริญก้าวหน้าไปมาก จนต้องละทิ้งโลกที่เคยเป็นบ้านเกิด เนื่องจากการมาถึงของสิ่งมีชีวิตอันตรายที่เรียกว่า "เซอร์ส" (Ursa) ซึ่งพวกมันล่าเหยื่อด้วยการได้กลิ่นของความกลัว จากนั้นมนุษย์ก็อพยพไปตั้งรกรากใหม่บนดาวโเคราะห์ "โนวา ไพรม์" (Nova Prime) เรื่องราวหลักจะโฟกัสไปที่ ไซเฟอร์ เรจ (วิล สมิธ) นายทหารระดับสูงผู้เกรียงไกร และ ไค (จาเดน สมิธ) ลูกชายของเขาที่ยังเด็กและขาดความมั่นใจ ไซเฟอร์เป็นคนที่เข้มงวดมากกับไค พยายามจะฝึกฝนให้ลูกชายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งตามรอยเขา แต่ไคมักจะแสดงความกลัวออกมาเสมอ ทำให้ไม่ผ่านการทดสอบต่างๆ

จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องก็คือ เมื่อยานอวกาศที่ ไซเฟอร์ และ ไค โดยสารมา เกิดประสบอุบัติเหตุตกกระแทกบนโลก โลกที่พวกเขาเคยจากมาเมื่อพันปีก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่โลกที่พวกเขาจากมาอีกต่อไป มันกลายเป็นโลกอันตรายที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย และที่สำคัญที่สุดคือ "เซอร์ส" ที่ยังคงอยู่ ไซเฟอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก การเอาชีวิตรอดจึงตกเป็นหน้าที่ของ ไค แต่เพียงผู้เดียว เขาต้องออกเดินทางเพื่อไปตามหาอุปกรณ์ส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากยานแม่ที่ตกลงมาอีกส่วนหนึ่ง

สิ่งที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจในหนังเรื่องนี้ก็คือ พล็อตเรื่องเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดบนโลกที่เปลี่ยนไปนี่แหละครับ การที่มนุษย์ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่โหดร้ายอีกครั้งหลังจากที่เคยพัฒนาเทคโนโลยีจนก้าวข้ามมันไปได้แล้ว มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากหนังไซไฟทั่วไป แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดตรงจุดนี้มากนัก เราจะเห็นภาพของป่าเขียวขจี สัตว์ป่าที่น่ากลัว และสภาพแวดล้อมที่ดูไม่เป็นมิตร แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังขาดความ "ขลัง" หรือ "น่าเกรงขาม" ของโลกใบเก่าที่ควรจะเป็น

อีกจุดที่ผมอยากพูดถึงคือ การแสดงของ วิล สมิธ กับ จาเดน สมิธ ครับ วิล สมิธ ในบทบาทของพ่อที่เจ็บป่วยและต้องพึ่งพาลูกชาย ผมว่าเขาก็ทำได้ดีนะ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการสอนลูก แม้จะดูแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใย ส่วน จาเดน สมิธ ในบทของ ไค นี่แหละครับ คือจุดที่ผมรู้สึกว่ามันยังไม่สุดเท่าที่ควร ในฐานะตัวละครหลักที่ต้องแบกรับภาระการเอาชีวิตรอดทั้งหมด ผมว่าเขายังดูขาดพลังไปหน่อย การแสดงออกถึงความกลัว ความมุ่งมั่น หรือการเติบโตของตัวละคร มันยังไม่ค่อยจะ "พีค" เท่าที่ควร ผมเข้าใจว่าเขาอาจจะพยายามถ่ายทอดความเป็นเด็กที่ต้องเผชิญกับความกดดัน แต่บางครั้งมันก็ดูแบนๆ ไปบ้าง

องค์ประกอบด้านภาพและการกำกับ ผมว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีครับ งานภาพสวยงาม มีการใช้ CGI ที่ดูสมจริงในส่วนของสัตว์ป่าและสภาพแวดล้อม การออกแบบยานอวกาศ หรือเทคโนโลยีต่างๆ ก็ดูทันสมัย แต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามันดู "สะอาด" เกินไปหน่อย โลกที่ควรจะดูดิบเถื่อน หรืออันตรายมากๆ กลับดูไม่ค่อยจะมี "ความรู้สึก" จริงๆ เท่าไหร่ ฉากแอ็คชั่นก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวือหวาจนน่าจดจำมากนัก

สิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังกับ After Earth ก็น่าจะเป็นเรื่องของบทภาพยนตร์ครับ คือผมรู้สึกว่าโครงเรื่องมันมีศักยภาพนะ แต่การดำเนินเรื่องมันค่อนข้างจะเชื่องช้าไปหน่อย กว่าจะเข้าสู่ช่วงที่ ไค ต้องออกเดินทางจริงๆ ก็ใช้เวลาพอสมควร และระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ที่ผมรู้สึกว่ามัน "ยืดเยื้อ" หรือ "ซ้ำซาก" ไปบ้าง คือมีฉากที่ ไค ต้องต่อสู้กับสัตว์ร้าย หรือต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ แต่บางทีมันก็ดูเดาทางได้ง่าย หรือไม่ก็จบลงแบบง่ายๆ เกินไป

ประเด็นเรื่อง "ความกลัว" ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง ผมว่าหนังพยายามจะสื่อสารออกมานะ คือการที่ เซอร์ส ล่าเหยื่อด้วยการได้กลิ่นความกลัวของพวกมัน ทำให้ตัวละครต้องพยายามควบคุมจิตใจตัวเอง ไม่แสดงความกลัวออกมา แต่ผมว่าการนำเสนอตรงจุดนี้มันยังไม่ค่อยจะ "คม" เท่าที่ควร มันเหมือนเป็นแค่กติกาของโลกนั้นๆ ที่ทำให้เกิดอุปสรรค แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของตัวละครมากเท่าที่ควรจะเป็น

ผมเห็นหลายคนบอกว่า After Earth เป็นหนังที่ "น่าเบื่อ" หรือ "ไม่สนุก" ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้ครับ เพราะมันไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อม หรือมีมุกตลกโปกฮาให้เราได้หัวเราะ แต่สำหรับผม ถ้ามองในแง่ของ "หนังที่พยายามจะเล่าเรื่อง" มันก็ยังมีอะไรให้ดูอยู่บ้างนะ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่ามันยังไม่สุด

อีกอย่างที่ผมรู้สึกว่าหนังพลาดไปคือ การที่หนังพยายามจะสร้างโลกใหม่ สร้างตำนานใหม่ แต่กลับไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากพอ คือเราไม่รู้ว่าทำไม เซอร์ส ถึงมา หรือทำไมมนุษย์ถึงต้องจากโลกไปจริงๆ จังๆ คือมีแค่บอกว่า "พวกมันล่ามนุษย์" แต่มันก็ยังดูคลุมเครือไปหน่อย ถ้าหนังลงลึกกว่านี้ หรือมีฉากที่แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของ เซอร์ส มากกว่านี้ ผมว่ามันน่าจะทำให้เรารู้สึกอินกับสถานการณ์ของตัวละครได้มากกว่านี้

โดยรวมแล้ว After Earth เป็นหนังที่ผมมองว่า "กลางๆ" ครับ ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีจนต้องแนะนำให้ไปดูกันทุกคน ถ้าใครชอบหนังแนวไซไฟที่เน้นการเอาชีวิตรอด มีการสำรวจโลกใหม่ๆ และไม่คาดหวังฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มจนเกินไป ก็อาจจะลองหามาดูกันได้ครับ แต่ถ้าใครคาดหวังอะไรที่มัน "ปัง" หรือ "ว้าว" กว่านี้ ผมว่าอาจจะต้องผิดหวังนิดหน่อยครับ

ผมอยากให้ After Earth เป็นหนังที่ทำให้เราได้เห็นภาพของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกภายใต้สถานการณ์บีบคั้นมากกว่านี้ หรืออยากให้เห็นการต่อสู้กับธรรมชาติที่โหดร้ายแบบสมจริงกว่านี้ แต่มันกลับกลายเป็นหนังที่ออกทะเลไปบ้างในบางจุดครับ

สุดท้ายนี้ ผมอยากให้เพื่อนๆ ที่เคยดูเรื่องนี้มาแล้ว มาแชร์ความเห็นกันนะครับ ว่ารู้สึกอย่างไรกับ After Earth บ้าง ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีใครที่ชอบเรื่องนี้ หรือมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากผมบ้างไหมครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหนังเรื่องต่อไปนะครับ สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่