พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงหลักการปฏิบัติของกองทัพไทยในสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้ำว่าเหตุผลที่ไทยไม่ใช่ฝ่ายเปิดโจมตีแม้จะทราบตำแหน่งอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เป็นเพราะไทยยึดมั่นในหลักสากลว่าด้วย “สิทธิ์ในการป้องกันตนเอง” หรือ Right to Self-Defense อันเป็นแนวทางที่ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังสูงสุด
.
พลเรือตรีสุรสันต์ระบุว่า หากย้อนดูการปฏิบัติที่ผ่านมา ทั้งการปะทะครั้งก่อนหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่ากองทัพไทยให้ความสำคัญกับหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ IHL อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของความเป็นมนุษย์ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากโจมตีทั้งในวันที่ 7 และวันที่ 8 แม้จะมีการตกลงหยุดยิงก่อนหน้า และทำให้หลายพื้นที่ของพลเรือนเริ่มได้รับผลกระทบ มีคำถามตามมาว่าเหตุใดไทยไม่โจมตีกลับในเชิงรุกเพื่อสกัดศักยภาพของฝ่ายตรงข้าม โฆษกกลาโหมอธิบายว่า แม้การตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองถือเป็นสิทธิ์ แต่ทุกการใช้กำลังต้องอยู่ภายใต้หลัก “ความได้สัดส่วน” ไม่สามารถโจมตีได้ทุกจุด ต้องเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยคุกคามโดยตรง
.
พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ยังเสริมว่า แม้ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นชั้นความลับ แต่ทุกการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์เพื่อยุติปัญหาโดยสันติวิธี ขณะที่การใช้กำลังทหารถือเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่วันนี้ไทยได้มาถึงจุดที่หมดความอดทนแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ พร้อมยืนยันว่า “กองทัพไทยพร้อมรบอย่างเต็มศักยภาพ”
.
#ชายแดนไทยกัมพูชา
#เกาะไม่ปล่อย
#เกาะไม่ปล่อยชายแดน
#สำนักข่าววันนิวส์
เหล่าทัพย้ำ หมดความอดทนกับเขมร
พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงหลักการปฏิบัติของกองทัพไทยในสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้ำว่าเหตุผลที่ไทยไม่ใช่ฝ่ายเปิดโจมตีแม้จะทราบตำแหน่งอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เป็นเพราะไทยยึดมั่นในหลักสากลว่าด้วย “สิทธิ์ในการป้องกันตนเอง” หรือ Right to Self-Defense อันเป็นแนวทางที่ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังสูงสุด
.
พลเรือตรีสุรสันต์ระบุว่า หากย้อนดูการปฏิบัติที่ผ่านมา ทั้งการปะทะครั้งก่อนหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่ากองทัพไทยให้ความสำคัญกับหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ IHL อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของความเป็นมนุษย์ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากโจมตีทั้งในวันที่ 7 และวันที่ 8 แม้จะมีการตกลงหยุดยิงก่อนหน้า และทำให้หลายพื้นที่ของพลเรือนเริ่มได้รับผลกระทบ มีคำถามตามมาว่าเหตุใดไทยไม่โจมตีกลับในเชิงรุกเพื่อสกัดศักยภาพของฝ่ายตรงข้าม โฆษกกลาโหมอธิบายว่า แม้การตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองถือเป็นสิทธิ์ แต่ทุกการใช้กำลังต้องอยู่ภายใต้หลัก “ความได้สัดส่วน” ไม่สามารถโจมตีได้ทุกจุด ต้องเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยคุกคามโดยตรง
.
พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ยังเสริมว่า แม้ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นชั้นความลับ แต่ทุกการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์เพื่อยุติปัญหาโดยสันติวิธี ขณะที่การใช้กำลังทหารถือเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่วันนี้ไทยได้มาถึงจุดที่หมดความอดทนแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ พร้อมยืนยันว่า “กองทัพไทยพร้อมรบอย่างเต็มศักยภาพ”
.
#ชายแดนไทยกัมพูชา
#เกาะไม่ปล่อย
#เกาะไม่ปล่อยชายแดน
#สำนักข่าววันนิวส์