เมื่อพูดถึง
ราคาหุ้น Tesla นักลงทุนส่วนใหญ่ล้วนมีภาพจำว่าเป็น “หุ้นเทสลาดาวรุ่ง” ที่เคยทำให้ตลาดทั้งโลกต้องหันมามอง จากบริษัทผลิตรถ EV รายเล็ก กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ถูกยกให้เป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อนาคต ไม่ว่าจะเป็น EV, ระบบขับขี่อัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์ Optimus แต่คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือ—ภายในปี 2030 ราคาหุ้น Tesla จะสามารถพาบริษัทก้าวขึ้นสู่สโมสร Market Cap ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือกลับไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่?
1. ปัจจัยบวกที่อาจดัน Tesla กลับขึ้นระดับ Trillion-Dollar Company
1) การเติบโตของ EV ทั่วโลก
แม้การแข่งขันจะดุเดือด แต่การเติบโตของตลาดรถไฟฟ้ายังอยู่ในเทรนด์เชิงบวก โดยหลายประเทศตั้งเป้าหยุดขายรถน้ำมันภายใน 2030–2035 หาก Tesla รักษาส่วนแบ่งตลาดได้ ราคาหุ้น Tesla ก็อาจกลับมาเร่งตัวอีกครั้ง
2) เทคโนโลยี FSD (Full Self-Driving)
ถ้า FSD เวอร์ชันสมบูรณ์เกิดขึ้นจริงและได้รับอนุญาตเชิงกฎหมาย Tesla จะไม่ได้เป็นแค่ “บริษัทขายรถ” แต่จะเป็นผู้นำแพลตฟอร์มขนส่งอัตโนมัติ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล เหมือนการมี “App Store ของวงการรถยนต์”
3) หุ่นยนต์ Optimus
หลายนักลงทุนมอง Optimus ว่าเป็น Game Changer ถ้า Tesla ผลิตเชิงพาณิชย์ได้จริง ผลกำไรอาจสูงกว่าธุรกิจ EV หลายเท่า และสิ่งนี้สามารถเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ของบริษัทได้แบบพลิกกระดาน
2. ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
2.1) การแข่งขันจากจีน
BYD, NIO และผู้ผลิต EV จีนกำลังโตอย่างรวดเร็ว ต้นทุนถูกกว่า และกำลังรุกตลาดโลก Tesla จึงไม่ได้อยู่บนจุดที่ “ผูกขาดเทคโนโลยี” เหมือนในอดีต
2.2) ความเสี่ยงเชิงการเมือง
Tesla ขึ้นอยู่กับโรงงานในจีนค่อนข้างมาก ถ้าเกิดความตึงเครียดทางการเมืองหรือกฎระเบียบใหม่ ๆ อาจส่งผลต่อกำลังการผลิตและราคาหุ้น Tesla โดยตรง
2.3) กระแสการเติบโตที่ชะลอลง
ยอดขาย EV บางช่วงเริ่มชะลอในบางประเทศ นักลงทุนจึงตั้งคำถามว่า Tesla ยังเติบโตได้สูงเหมือนเดิมหรือไม่
3. สุดท้ายแล้ว ราคาหุ้น Tesla ปี 2030 จะไปถึงแสนล้านหรือไม่?
คำตอบคือ “มีโอกาส แต่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและความสามารถในการทำกำไร มากกว่าความเป็นแบรนด์ดังเพียงอย่างเดียว”
หาก Tesla ทำสำเร็จตามแผน—
✓ FSD ใช้งานได้จริง
✓ Optimus กลายเป็นสินค้าหลัก
✓ ลดต้นทุนการผลิตรถได้ต่อเนื่อง
✓ ขยายกำลังการผลิตตามดีมานด์โลก
ราคาหุ้น Tesla ก็มีโอกาสกลับขึ้นระดับ Market Cap ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
แต่ถ้าเทคโนโลยีล่าช้า คู่แข่งแซงหน้า หรือกระแส EV โตต่ำกว่าที่คาด ผลลัพธ์ก็จะตรงกันข้าม
ดังนั้น การประเมินอนาคตของ Tesla ต้องมองในมุม “บริษัทเทคโนโลยี” มากกว่า “แบรนด์รถยนต์” เพราะทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับว่าบริษัทสามารถสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ที่มี Margin สูงได้มากแค่ไหนในอีก 5–7 ปีข้างหน้า
คาดการณ์ราคาหุ้น Tesla ปี 2030