สารคดีประวัติศาสตร์ J-8 Finback ของจีนเกือบมีเทคโนโลยีแบบ F-16 Fighting Falcon

เงาของมังกรบนฟากฟ้า
ความขัดแย้งของ J-8: เป็นเครื่องบินที่ถูกประเมินว่า "ล้าสมัย" ตั้งแต่วันแรก แต่รับใช้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
ความสำคัญ: เรื่องราวของมันสะท้อนการต่อสู้ การผิดพลาด และความทะเยอทะยานของอุตสาหกรรมการบินจีน ตั้งแต่การพัฒนาเกือบเป็นความลับในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในโครงการ "Peace Pearl" และการเผชิญหน้าเหนือเกาะไหหลำ
1. จุดกำเนิดแห่งความทะเยอทะยาน: เมื่อ MiG-21 ไม่เพียงพออีกต่อไป
ภัยคุกคามและช่องว่างทางเทคโนโลยี: ในทศวรรษ 1960 เครื่องบินขับไล่ เฉิงตู J-7 (สำเนา MiG-21) ไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากการสอดแนมเพดานบินสูงและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลของชาติมหาอำนาจ (เช่น U-2 และ B-52) ได้
แนวคิดการพัฒนา J-8: สถาบันออกแบบอากาศยานเสิ่นหยางเสนอการพัฒนาในปี 1964 โดยใช้แนวทางความเสี่ยงต่ำ คือการ "ขยายส่วน" เครื่องบิน J-7 ที่มีอยู่เดิมให้ใหญ่ขึ้นและติดตั้งเครื่องยนต์สองตัว เพื่อให้บินได้ไกลและสูงขึ้น
ความพยายามครั้งแรก: นี่เป็นความพยายามครั้งสำคัญครั้งแรกของจีนในการออกแบบเครื่องบินรบที่ซับซ้อนกว่าเดิมด้วยตนเอง
2. การถือกำเนิดที่ยากลำบาก: ผลกระทบจากการปฏิวัติวัฒนธรรม
ผลกระทบทางการเมือง: การพัฒนา J-8 เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายของการ "ปฏิวัติวัฒนธรรม" ทำให้โครงการล่าช้าอย่างหนัก
การสูญเสียบุคลากร: โครงการสูญเสียหัวหน้าวิศวกรและนักออกแบบคนสำคัญ
ความล่าช้า: การสร้างเครื่องต้นแบบทำอย่างเชื่องช้า "เกือบจะอย่างลับๆ" เครื่องต้นแบบบินครั้งแรกในปี 1969
ปัญหาทางเทคนิค: ระหว่างการทดสอบพบปัญหาหลายอย่าง เช่น อาการสั่นสะเทือนรุนแรง (severe buffeting), ปัญหาความร้อนสูงของลำตัวท้าย, และเครื่องยนต์ WP-7B ที่ไม่น่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์: ความล่าช้ากว่า 11 ปี (เข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 1980) ทำให้ J-8 รุ่นแรก (Finback-A) กลายเป็นเครื่องบินที่ "ล้าสมัย" ไปแล้วตั้งแต่เข้าประจำการ
3. การพลิกโฉมครั้งประวัติศาสตร์: J-8II สู่ทิศทางใหม่แห่งการออกแบบ
การออกแบบใหม่ทั้งหมด: ในทศวรรษ 1980 วิศวกรตัดสินใจ "ออกแบบใหม่" เกือบทั้งหมดจนเกิดเป็นรุ่น J-8II (Finback-B) ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงหลัก:
ย้ายช่องรับอากาศ: จากส่วนหัวเครื่องบิน (Nose air intake) ไปไว้ด้านข้างลำตัว (Lateral air intakes) ซึ่งเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดทางกายภาพ
เรดาร์: ทำให้มีพื้นที่ติดตั้งโดมเรดาร์ทรงกรวยแหลม (Ogival radome) เพื่อรองรับ เรดาร์พัลส์-ดอปเปลอร์ Type 208 ที่ทันสมัยกว่าได้
เครื่องยนต์/อาวุธ: ติดตั้งเครื่องยนต์ WP-13A-II ที่ทรงพลังกว่า และเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธจาก 3 เป็น 7 จุด
ความสำคัญ: การย้ายช่องรับอากาศถือเป็นการเปลี่ยนปรัชญาการออกแบบครั้งใหญ่ และเปิดทางให้ J-8II สามารถรองรับการอัปเกรดในอนาคตได้
4. โครงการ "ไข่มุกสันติภาพ" (Peace Pearl): เมื่อมังกรเกือบได้ติดปีกอินทรี
ความร่วมมือประวัติศาสตร์: ในทศวรรษ 1980 จีนร่วมมือกับบริษัท Grumman ของสหรัฐฯ เพื่ออัปเกรด J-8II
เป้าหมาย: อัปเกรด J-8II ประมาณ 50-55 ลำ ด้วยชุดเอวิโอนิกส์ตะวันตกให้มีขีดความสามารถเทียบเท่าเครื่องบินรบตะวันตก
เทคโนโลยีหลัก: การติดตั้ง เรดาร์ AN/APG-66 (รุ่นเดียวกับ F-16), ระบบนำทาง, จอแสดงผลบนกระจกหน้า, และคอมพิวเตอร์ควบคุมภารกิจ
5. จุดเปลี่ยนที่เทียนอันเหมิน: การล่มสลายของความร่วมมือและการเบนเข็มไปทางเหนือ
การยกเลิกโครงการ: เหตุการณ์ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในเดือนมิถุนายน 1989 นำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรทางการทหารจากสหรัฐฯ ทำให้โครงการ Peace Pearl ถูกยกเลิกในปี 1990
บทเรียนเชิงยุทธศาสตร์: การล่มสลายของโครงการนี้ทำให้จีนตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้อง พึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี และไม่พึ่งพาเทคโนโลยีทางการทหารที่สำคัญจากชาติที่อาจเป็นศัตรู
การแสวงหาทางเลือกใหม่: จีนหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะจาก รัสเซีย ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-27 Flanker ที่ทันสมัยในปี 1990
6. ชีวิตที่สองอันยาวนาน: ตระกูล J-8 และการวิวัฒนาการที่ไม่สิ้นสุด
"ห้องทดลอง" J-8II กลายเป็นฐานสำหรับการพัฒนาและบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ ของจีนเอง:
J-8D: เป็นเครื่องบินขับไล่แบบแรกของจีนที่มีความสามารถในการ เติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ (IFR) เพิ่มพิสัยการรบอย่างมหาศาล
J-8F: ได้รับการติดตั้งเรดาร์ (เช่น JL-10) และเอวิโอนิกส์ที่พัฒนาในประเทศ ทำให้สามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถี นอกระยะสายตา (Beyond Visual Range - BVR) เช่น PL-11
J-8H: ถูกพัฒนาเป็นเครื่องบินขับไล่/โจมตี ที่ใช้ขีปนาวุธต่อต้านการแผ่รังสี YJ-91 สำหรับภารกิจทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ (SEAD)
JZ-8/JZ-8F: ถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินสอดแนมทางยุทธวิธี
7. เผชิญหน้าเหนือเกาะไหหลำ: เมื่อ J-8 ปรากฏบนเวทีโลก
เหตุการณ์: วันที่ 1 เมษายน 2001 เกิดการชนกันกลางอากาศระหว่างเครื่องบิน J-8B ของจีน (นักบิน Wang Wei เสียชีวิต) กับเครื่องบินสอดแนม Lockheed EP-3E ARIES II ของสหรัฐฯ เหนือน่านน้ำสากลใกล้เกาะไหหลำ
ผลกระทบ: เหตุการณ์นี้เผยให้เห็น ความไม่สมมาตรทางเทคโนโลยี ระหว่างอากาศยานทั้งสองอย่างชัดเจน และกลายเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ทรงพลังให้จีนต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาลเพื่อพัฒนากองทัพให้ทันสมัย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการบินและอิเล็กทรอนิกส์
สารคดีประวัติศาสตร์ J-8 Finback ของจีนเกือบมีเทคโนโลยีแบบ F-16 Fighting Falcon
เงาของมังกรบนฟากฟ้า
ความขัดแย้งของ J-8: เป็นเครื่องบินที่ถูกประเมินว่า "ล้าสมัย" ตั้งแต่วันแรก แต่รับใช้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
ความสำคัญ: เรื่องราวของมันสะท้อนการต่อสู้ การผิดพลาด และความทะเยอทะยานของอุตสาหกรรมการบินจีน ตั้งแต่การพัฒนาเกือบเป็นความลับในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในโครงการ "Peace Pearl" และการเผชิญหน้าเหนือเกาะไหหลำ
1. จุดกำเนิดแห่งความทะเยอทะยาน: เมื่อ MiG-21 ไม่เพียงพออีกต่อไป
ภัยคุกคามและช่องว่างทางเทคโนโลยี: ในทศวรรษ 1960 เครื่องบินขับไล่ เฉิงตู J-7 (สำเนา MiG-21) ไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากการสอดแนมเพดานบินสูงและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลของชาติมหาอำนาจ (เช่น U-2 และ B-52) ได้
แนวคิดการพัฒนา J-8: สถาบันออกแบบอากาศยานเสิ่นหยางเสนอการพัฒนาในปี 1964 โดยใช้แนวทางความเสี่ยงต่ำ คือการ "ขยายส่วน" เครื่องบิน J-7 ที่มีอยู่เดิมให้ใหญ่ขึ้นและติดตั้งเครื่องยนต์สองตัว เพื่อให้บินได้ไกลและสูงขึ้น
ความพยายามครั้งแรก: นี่เป็นความพยายามครั้งสำคัญครั้งแรกของจีนในการออกแบบเครื่องบินรบที่ซับซ้อนกว่าเดิมด้วยตนเอง
2. การถือกำเนิดที่ยากลำบาก: ผลกระทบจากการปฏิวัติวัฒนธรรม
ผลกระทบทางการเมือง: การพัฒนา J-8 เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายของการ "ปฏิวัติวัฒนธรรม" ทำให้โครงการล่าช้าอย่างหนัก
การสูญเสียบุคลากร: โครงการสูญเสียหัวหน้าวิศวกรและนักออกแบบคนสำคัญ
ความล่าช้า: การสร้างเครื่องต้นแบบทำอย่างเชื่องช้า "เกือบจะอย่างลับๆ" เครื่องต้นแบบบินครั้งแรกในปี 1969
ปัญหาทางเทคนิค: ระหว่างการทดสอบพบปัญหาหลายอย่าง เช่น อาการสั่นสะเทือนรุนแรง (severe buffeting), ปัญหาความร้อนสูงของลำตัวท้าย, และเครื่องยนต์ WP-7B ที่ไม่น่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์: ความล่าช้ากว่า 11 ปี (เข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 1980) ทำให้ J-8 รุ่นแรก (Finback-A) กลายเป็นเครื่องบินที่ "ล้าสมัย" ไปแล้วตั้งแต่เข้าประจำการ
3. การพลิกโฉมครั้งประวัติศาสตร์: J-8II สู่ทิศทางใหม่แห่งการออกแบบ
การออกแบบใหม่ทั้งหมด: ในทศวรรษ 1980 วิศวกรตัดสินใจ "ออกแบบใหม่" เกือบทั้งหมดจนเกิดเป็นรุ่น J-8II (Finback-B) ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงหลัก:
ย้ายช่องรับอากาศ: จากส่วนหัวเครื่องบิน (Nose air intake) ไปไว้ด้านข้างลำตัว (Lateral air intakes) ซึ่งเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดทางกายภาพ
เรดาร์: ทำให้มีพื้นที่ติดตั้งโดมเรดาร์ทรงกรวยแหลม (Ogival radome) เพื่อรองรับ เรดาร์พัลส์-ดอปเปลอร์ Type 208 ที่ทันสมัยกว่าได้
เครื่องยนต์/อาวุธ: ติดตั้งเครื่องยนต์ WP-13A-II ที่ทรงพลังกว่า และเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธจาก 3 เป็น 7 จุด
ความสำคัญ: การย้ายช่องรับอากาศถือเป็นการเปลี่ยนปรัชญาการออกแบบครั้งใหญ่ และเปิดทางให้ J-8II สามารถรองรับการอัปเกรดในอนาคตได้
4. โครงการ "ไข่มุกสันติภาพ" (Peace Pearl): เมื่อมังกรเกือบได้ติดปีกอินทรี
ความร่วมมือประวัติศาสตร์: ในทศวรรษ 1980 จีนร่วมมือกับบริษัท Grumman ของสหรัฐฯ เพื่ออัปเกรด J-8II
เป้าหมาย: อัปเกรด J-8II ประมาณ 50-55 ลำ ด้วยชุดเอวิโอนิกส์ตะวันตกให้มีขีดความสามารถเทียบเท่าเครื่องบินรบตะวันตก
เทคโนโลยีหลัก: การติดตั้ง เรดาร์ AN/APG-66 (รุ่นเดียวกับ F-16), ระบบนำทาง, จอแสดงผลบนกระจกหน้า, และคอมพิวเตอร์ควบคุมภารกิจ
5. จุดเปลี่ยนที่เทียนอันเหมิน: การล่มสลายของความร่วมมือและการเบนเข็มไปทางเหนือ
การยกเลิกโครงการ: เหตุการณ์ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในเดือนมิถุนายน 1989 นำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรทางการทหารจากสหรัฐฯ ทำให้โครงการ Peace Pearl ถูกยกเลิกในปี 1990
บทเรียนเชิงยุทธศาสตร์: การล่มสลายของโครงการนี้ทำให้จีนตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้อง พึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี และไม่พึ่งพาเทคโนโลยีทางการทหารที่สำคัญจากชาติที่อาจเป็นศัตรู
การแสวงหาทางเลือกใหม่: จีนหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะจาก รัสเซีย ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-27 Flanker ที่ทันสมัยในปี 1990
6. ชีวิตที่สองอันยาวนาน: ตระกูล J-8 และการวิวัฒนาการที่ไม่สิ้นสุด
"ห้องทดลอง" J-8II กลายเป็นฐานสำหรับการพัฒนาและบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ ของจีนเอง:
J-8D: เป็นเครื่องบินขับไล่แบบแรกของจีนที่มีความสามารถในการ เติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ (IFR) เพิ่มพิสัยการรบอย่างมหาศาล
J-8F: ได้รับการติดตั้งเรดาร์ (เช่น JL-10) และเอวิโอนิกส์ที่พัฒนาในประเทศ ทำให้สามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถี นอกระยะสายตา (Beyond Visual Range - BVR) เช่น PL-11
J-8H: ถูกพัฒนาเป็นเครื่องบินขับไล่/โจมตี ที่ใช้ขีปนาวุธต่อต้านการแผ่รังสี YJ-91 สำหรับภารกิจทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ (SEAD)
JZ-8/JZ-8F: ถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินสอดแนมทางยุทธวิธี
7. เผชิญหน้าเหนือเกาะไหหลำ: เมื่อ J-8 ปรากฏบนเวทีโลก
เหตุการณ์: วันที่ 1 เมษายน 2001 เกิดการชนกันกลางอากาศระหว่างเครื่องบิน J-8B ของจีน (นักบิน Wang Wei เสียชีวิต) กับเครื่องบินสอดแนม Lockheed EP-3E ARIES II ของสหรัฐฯ เหนือน่านน้ำสากลใกล้เกาะไหหลำ
ผลกระทบ: เหตุการณ์นี้เผยให้เห็น ความไม่สมมาตรทางเทคโนโลยี ระหว่างอากาศยานทั้งสองอย่างชัดเจน และกลายเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ทรงพลังให้จีนต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาลเพื่อพัฒนากองทัพให้ทันสมัย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการบินและอิเล็กทรอนิกส์