“แพขยะใหญ่แปซิฟิก” (Great Pacific Garbage Patch)
แหล่งสะสมขยะพลาสติกขนาดมหึมากลางมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือกลายเป็นแหล่งอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายสิบชนิด ก่อให้เกิดระบบนิเวศทางทะเลใหม่
แพขยะใหญ่แปซิฟิก เกิดจากกระแสน้ำที่กักเก็บพลาสติกไว้ โดยปัจจุบันประเมินว่าแพขยะนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ล้านตร.กม.
และกักเก็บพลาสติกไว้หลายหมื่นตัน ซึ่งขยะส่วนใหญ่ประกอบด้วยอวนจับปลาเก่า เชือก อุปกรณ์ต่าง ๆ
รวมถึงขวด ภาชนะ และขยะอื่น ๆ ล่าสุดนักวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตในทะเลอาศัยอยู่บนเศษพลาสติก
ดร.ลินซีย์ ฮาราม นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาแพขยะดังกล่าว กล่าวว่า ทีมของเธอพบสิ่งมีชีวิตเกือบจำนวนมากอาศัยอยู่บนเศษพลาสติก
ซึ่งรวมถึงสัตว์ชายฝั่งขนาดเล็กที่ปรกติจะอาศัยอยู่เฉพาะใกล้ชายฝั่งเท่านั้น
“เมื่อเราดึงเศษพลาสติกออกมาและเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากอาศัยอยู่ ทั้งสิ่งมีชีวิตชายฝั่งและสิ่งมีชีวิตในทะเลเปิดเหล่านี้อยู่ร่วมกัน
มีปฏิสัมพันธ์กันบ่อยครั้งบนกองพลาสติก มันกำลังสร้างชุมชนใหม่ในมหาสมุทรเปิด” ดร.ฮารามกล่าว
เพื่อสำรวจคำถามนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าร่วมการล่องเรือวิจัยไปยังฝั่งตะวันออกของแพขยะ เก็บพลาสติกลอยน้ำ 105 ชิ้นขึ้นเรือ
ซึ่งประกอบด้วยขวด ทุ่น ลัง ตาข่าย เชือก และถัง พร้อมด้วยกลุ่มวัตถุที่ปกคลุมไปด้วยสิ่งมีชีวิต
ทุกชิ้นได้รับการติดฉลาก ถ่ายภาพ และติดป้ายระบุตำแหน่งก่อนจะถูกจัดเก็บไว้เพื่อการศึกษาอย่างละเอียดในห้องทดลอง
เมื่อกลับถึงห้องทดลอง นักอนุกรมวิธานได้ตรวจสอบพลาสติกแต่ละชิ้นและค้นหาสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังพวกเขาพบสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด
มีตั้งแต่เพรียง ปู แอมพิพอด ไปจนถึงไบรโอซัว ไฮดรอยด์ และดอกไม้ทะเล
พวกเขาระบุสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังได้ทั้งหมด 46 ชนิด จากกลุ่มสัตว์หลัก 6 กลุ่ม
ในจำนวนนี้ 37 ชนิดเป็นสัตว์ชายฝั่ง และ 9 ชนิดเป็นสัตว์ทะเลผิวน้ำ
ซึ่งหมายความว่าประมาณ 80% ของความหลากหลายของซากสัตว์เหล่านี้มาจากสิ่งมีชีวิตชายฝั่ง
เมื่อทีมตรวจสอบพลาสติก พบว่าเกือบทุกชิ้นส่วนที่เก็บมาได้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมากถึง 98%
แบ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกพบมากกว่า 94% และสิ่งมีชีวิตชายฝั่งพบมากกว่า 70% เล็กน้อย
ดังนั้นจึงเท่ากับว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรเจอกันกลับมาอาศัยอยู่ด้วยกันบน “เกาะ” กลางมหาสมุทร
โดยเฉลี่ยแล้ว พลาสติกแต่ละชิ้นมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ประมาณ 4-5 ชนิด ตาข่ายและเชือกมักจะมีชุมชนหนาแน่นเป็นพิเศษ
ซึ่งอาจเป็นเพราะเส้นใยจำนวนมากและมีพื้นที่ซ่อนตัวมากมาย
หนึ่งในคำถามที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แวะมาพักช่วยคราวบนแพขยะ หรือพวกมันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดชีวิต
ทีมค้นหาหลักฐานการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต และพบว่ามีตัวเมียที่กำลังฟักไข่ อุ้มไข่หรือตัวอ่อน
ในกลุ่มสัตว์จำพวกกุ้งหลายกลุ่ม เช่น แอมฟิพอดและปู นอกจากนี้ยังมีตัวอ่อนขนาดเล็ก ตัวอ่อนขนาดกลาง
และตัวเต็มวัยที่เติบโตเต็มที่ของดอกไม้ทะเลและแอมฟิพอดบางชนิด อาศัยอยู่ร่วมกันบนพื้นผิวพลาสติกเดียวกัน
นักวิทยาศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า “ชุมชนมหาสมุทรใหม่” เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่ปรกติไม่เคยพบกันมาก่อน กลับอาศัยอยู่ร่วมกันในทะเลเปิด
ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแข่งขันครั้งใหม่เพื่อแย่งชิงอาหารและพื้นที่ และอาจเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของมหาสมุทร
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ กล่าวว่าแพขยะนี้ยังปิดกั้นแสงแดดในน้ำ ทำให้แพลงก์ตอนและสาหร่ายที่เป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทรไม่สามารถเจริญเติบโตได้ หากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเหล่านี้ได้รับผลกระทบ ปลา เต่า วาฬ
และแม้แต่ผู้คนที่ต้องพึ่งพาอาหารทะเลก็อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย
จากการศึกษาแพขยะใหญ่แปซิฟิกในปี 2018 นักวิจัยพบพลาสติกประมาณ 78,000 ตันในแพขยะ และพลาสติกโดยรวมประมาณ 1.8 ล้านล้านชิ้น
ดร.ฮาราม ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในทะเลบน GPGP ในปี 2019 กล่าวว่า
“เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่พบว่าสิ่งมีชีวิตชายฝั่งมีอยู่ชุกชุมมาก พวกมันอยู่บนกองขยะที่เราพบถึง 70%”
องค์กรสิ่งแวดล้อม Ocean Cleanup ระบุว่า เราสามารถกำจัดแพขยะใหญ่แปซิฟิกออกไปได้ แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
โดยประเมินว่าค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถกำจัดพลาสติกส่วนใหญ่ออกไปได้ในทศวรรษหน้า
แบรดลีย์ โนแลน ที่ปรึกษาด้านขยะของสำนักงานเลขาธิการโครงการสิ่งแวดล้อมภูมิภาคแปซิฟิก (SPREP) เตือนว่า แพขยะแห่งนี้ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่มีวิธีแก้ไขง่าย ๆ พร้อมกล่าวเสริมว่า การทำความสะอาดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขมลพิษจากพลาสติกที่ต้นตอได้
นักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่า แพขยะพลาสติกแห่งนี้แสดงให้เห็นว่ามลพิษจากพลาสติกได้แพร่กระจายไปไกลเกินกว่าแนวชายฝั่ง
แม้ว่าการทำความสะอาดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า คำตอบที่แท้จริงคือการลดการใช้พลาสติก ปรับปรุงระบบกำจัดขยะ
และเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการมหาสมุทรของเรา จนกว่าจะถึงตอนนั้น มหาสมุทรแปซิฟิกจะยังคงเป็นแหล่งกักเก็บขยะของโลก
และสิ่งมีชีวิตในทะเลจะต้องปรับตัวให้เข้ากับปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้น
ขณะเดียวกัน มลพิษจากพลาสติกจึงไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ไม่สวยงามหรือเป็นปัญหาขยะเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเล ทำให้สิ่งมีชีวิตชายฝั่งสามารถอยู่รอด สืบพันธุ์ และแพร่กระจายไปได้ในระยะทางไกล
การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเลและช่วงสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก
แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
พบสัตว์นับสิบชนิด บน ‘แพขยะใหญ่แปซิฟิก’ เกิดระบบนิเวศทางทะเลใหม่