รายงานล่าสุดจากหน่วยบริการข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหภาพยุโรปภายใต้โครงการโคเปอร์นิคัส
ระบุว่า ปี 2025 มีแนวโน้มว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 หรือ อันดับ 3 เท่าที่มีการบันทึกไว้ ซึ่งเป็นรองจากปี 2024
ที่ทำลายสถิติความร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และอาจเป็นช่วง 3 ปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ที่โลกเริ่มหันมาพึ่งกาการใช้พลังงานฟอสซิลในระดับอุตสาหกรรม
ตัวเลขทั้งหมดได้สะท้อนให้เห็นถึงความเร็วที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าอุณหภูมิโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในแต่ละปีซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนในระยะยาวอย่างชัดเจน
ซึ่งสาเหตุหลักของความร้อนที่เพิ่มขึ้นมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการใช้พลังงานฟอสซิล
และทั้งหมดมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งสิ้น
ทำให้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็น 10 ปีที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูล
ปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เพิ่มความรุนแรงในหลายภูมิภาค ทั้งพายุ ฝนตกหนัก คลื่นความร้อน คลื่นความหนาว ไฟป่า
ได้สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับโลก ทั้งพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีที่คร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์ไปมากกว่า 200 คน
ไฟป่าในสเปนหนักสุดในรอบสามทศวรรษ ล้วนเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่าโลกของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และในอนาคตภัยธรรมชาตินี้ยังสามารถเกิดได้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นอีกด้วย
แม้โลกยังไม่ถือว่าละเมิดเป้าหมายการจำกัดความร้อนที่ 1.5°C ตามข้อตกลงปารีส เนื่องจากเกณฑ์ดังกล่าวอ้างอิงค่าเฉลี่ยในระยะยาวหลายทศวรรษ
แต่สหประชาชาติได้ออกมาเตือนในปีนี้ว่า โอกาสบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเร่งด่วนเพื่อจำกัดผลกระทบที่อาจรุนแรงยิ่งขึ้น
หลังจากการประชุม COP30 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำจากหลายประเทศยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการใหม่ๆ
เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากความพยายามด้านสภาพภูมิอากาศ
และบางประเทศก็พยายามลดทอนมาตรการด้านการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
ทั้งหมดนี้อาจทำลังสะท้อนถึงความล้มเหลวของความพยายามในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลก
และอาจนำไปสู่วิกฤตโลกร้อนที่มนุษย์อาจคาดไม่ถึง
-- สรุปข่าว --
ปี 2025 มีแนวโน้มเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ของโลกรองจากปี 2024
สะท้อนวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
แม้ทั่วโลกจะผลักดันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มการพึ่งพาพลังงานสะอาดมากขึ้น
แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกได้
นั่นหมายถึงทั่วโลกอาจต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติและปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่หนักหน่วงและรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
แหล่งที่มา : TNN Thailand
โลกร้อนต่อไม่หยุด ปี 2025 จ่อร้อนทุบสถิติอีก ทั่วโลกเสี่ยงเจอภัยธรรมชาติหนักกว่าเดิม
รายงานล่าสุดจากหน่วยบริการข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหภาพยุโรปภายใต้โครงการโคเปอร์นิคัส
ระบุว่า ปี 2025 มีแนวโน้มว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 หรือ อันดับ 3 เท่าที่มีการบันทึกไว้ ซึ่งเป็นรองจากปี 2024
ที่ทำลายสถิติความร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และอาจเป็นช่วง 3 ปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ที่โลกเริ่มหันมาพึ่งกาการใช้พลังงานฟอสซิลในระดับอุตสาหกรรม
ตัวเลขทั้งหมดได้สะท้อนให้เห็นถึงความเร็วที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ