“สีหศักดิ์” ลั่น “กัมพูชา” ต้องเป็นฝ่ายขอเจรจาก่อนเท่านั้น เพราะไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มต้นเปิดศึก
.
.
“สีหศักดิ์” ย้ำแจงเวทีโลก ไทย ไม่ได้เปิดยิงก่อน เชื่อมาถูกทาง ประชาคมโลกเข้าใจ ถามกลับ “ยูเอ็น” จะให้เจรจาอะไร ในเมื่อ “กัมพูชา” ไม่ปฏิบัติ
.
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รมว.ตปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ชี้แจงกับคณะทูตตานุทูต สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ และมีความจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย ทำทุกทางที่จะยุติภัยคุกคามจากกัมพูชา และพยายามให้เห็นว่าวิธีการของกัมพูชาตลอดมาคือปฏิเสธ เบี่ยงเบน พยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาโดยไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน ทุ่นระเบิด รวมทั้งเรื่องก่อนหน้านั้น ซึ่งคิดว่าประชาคมโลกคงเห็นแล้วว่าวิธีการของกัมพูชา โดยเฉพาะที่ตนไปประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เกี่ยวกับการห้ามใช้ทุ่นระเบิด ประเทศไทยนำหลักฐานไปแสดง รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่มีทหารไทยทั้งเสียชีวิตและรับบาดเจ็บ ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า เป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งไม่ใช่หลักฐานของไทยเพียงฝ่ายเดียว มีการยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์จากกลุ่มอาเซียนด้วย เมื่อเรานำคลิปไปแสดง กัมพูชาคงเดือดร้อน เพราะสิ่งที่ฝ่ายไทยพูดมีหลักฐานชัดเจน
.
เชื่อประชาคมโลกเข้าใจ
.
“ผมคิดว่าที่เราชี้แจงมา ก็มาถูกทาง เพราะเหตุการณ์นี้ต้องให้ประชาคมโลกเข้าใจ เพราะบางครั้งสิ่งที่เขาต้องการสร้างสถานการณ์ สร้างภาพว่าเป็นฝ่ายถูกรุกราน เป็นเหยื่อ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า ความจริงไม่ใช่ เพราะประเทศเล็กก็สามารถยั่วยุ รุกรานได้ จากเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อประโยชน์ของเขา” รมว.ต่างประเทศ กล่าว
ต้องการให้ กัมพูชา รู้สึก
.
นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกส่วนหนึ่ง ฝ่ายไทยต้องทำหนังสือออกไป เชื่อว่าต่างชาติน่าจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อ แต่ถึงอย่างไรต่างชาติคงอยากให้ไทยกับกัมพูชาพูดคุยกัน แต่สำหรับประเทศไทย ประตูเจรจายังไม่พร้อม เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้น กัมพูชาจะต้องเป็นฝ่ายรู้สึกว่าอยากเป็นฝ่ายเจรจา
.
เมื่อถามว่า ล่าสุดทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้สองประเทศเจรจาให้ชัดเจน นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ปัญหาคือจะเจรจาเรื่องอะไร ถ้ากัมพูชายังไม่พร้อมที่จะเจรจา ก็จะกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก คือตกลงกันแล้ว ก็ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลง ดังนั้นก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจริงๆ ขณะนี้เราก็ต้องดำเนินการทางการทหารไปก่อนจนถึงจุดที่เขาพร้อมจริงๆ
.
.
เหล่าทัพ หมดความอดทนกับกัมพูชา พร้อมรบเต็มที่ จ่อชิงโจมตีก่อน ถ้าเขมรตั้งใจใช้อาวุธหนักถล่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5495439
.
เหล่าทัพ ย้ำไทยหมดความอดทนกับกัมพูชา พร้อมรบเต็มที่ ยืนยันหากพบกัมพูชาใช้อาวุธหนัก ไทยพร้อมชิงโจมตีก่อน ขอประชาชนเชื่อมั่นจะดำเนินการเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองชีวิต
.
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงหลักการปฏิบัติของกองทัพไทยในสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เหตุผลที่ไทยไม่ใช่ฝ่ายเปิดโจมตีแม้จะทราบตำแหน่งอาวุธของฝ่ายตรงข้าม เป็นเพราะไทยยึดมั่นในหลักสากลว่าด้วยสิทธิในการป้องกันตนเอง หรือ Right to Self-Defense อันเป็นแนวทางที่ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังสูงสุด
.
พล.ร.ต.สุรสันต์ระบุว่า หากย้อนดูการปฏิบัติที่ผ่านมา ทั้งการปะทะครั้งก่อนหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่ากองทัพไทยให้ความสำคัญกับหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ IHL อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของความเป็นมนุษย์ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากโจมตีทั้งในวันที่ 7 และวันที่ 8 แม้จะมีการตกลงหยุดยิงก่อนหน้า และทำให้หลายพื้นที่ของพลเรือนเริ่มได้รับผลกระทบ มีคำถามตามมาว่าเหตุใดไทยไม่โจมตีกลับในเชิงรุกเพื่อสกัดศักยภาพของฝ่ายตรงข้าม
.
โฆษกกลาโหมอธิบายว่า แม้การตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองถือเป็นสิทธิ แต่ทุกการใช้กำลังต้องอยู่ภายใต้หลัก “ความได้สัดส่วน” ไม่สามารถโจมตีได้ทุกจุด ต้องเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยคุกคามโดยตรง
.
การใช้ F-16 ที่ผ่านมาเป็นการโจมตีเป้าหมายด้านยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นคลังอาวุธ คลังสินค้า รวมถึงโครงสร้างบัญชาการ เพื่อลิดรอนขีดความสามารถหลักของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนและยุทธวิธีตามหลักสากลเช่นกัน
.
ด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า การปฏิบัติการของกองทัพอากาศไทยมีเป้าหมายเพื่อตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมั่นใจว่ากำลังรบของไทยปลอดภัยสูงสุด แม้จะพยายามลดการสูญเสียแล้วแต่ยังมีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
.
สำหรับข้อสงสัยว่ามีการโจมตีเชิงลึกหรือไม่ โฆษกกองทัพอากาศอธิบายว่า ไทยโจมตีบนพื้นฐานของความจำเป็นและความได้สัดส่วน โดยกำหนดเป้าหมายที่ศูนย์บัญชาการ อาวุธหนัก และจรวดหลายลำกล้อง แต่เนื่องจากข้อมูลมีชั้นความลับ จึงไม่สามารถเปิดเผยเป้าหมายล่วงหน้า ต้องรอผลการปฏิบัติก่อนประกาศให้ทราบ พร้อมย้ำว่ากองทัพไทยดำเนินงานทั้งหมดบนพื้นฐานของการรักษาเอกราช อธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนไทยเป็นสำคัญ
.
ขณะที่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีที่เสนาธิการทหารบกประกาศว่าไทยจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร เพื่อความปลอดภัยในระยะยาวว่า ขณะนี้กองทัพบกกำลังดำเนินการตามนั้น แต่บางรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะโจมตีอย่างไรหรือที่ใด ยืนยันเพียงว่าไทยกำลังลิดรอนศักยภาพทางทหารฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง
.
เมื่อถามว่า สถานการณ์ครั้งนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ รองโฆษกกองทัพบกกล่าวยอมรับว่า กัมพูชามีอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก หากดูจากเหตุปะทะครั้งก่อน แต่โดยภาพรวมคาดว่าสถานการณ์น่าจะใช้เวลาพอๆ กับเหตุการณ์ครั้งที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมยังกล่าวถึงแผนการอพยพประชาชนบริเวณชายแดน โดยระบุว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการหลัก และพื้นที่ที่อพยพออกมานั้นอยู่พ้นระยะการยิงของฝ่ายกัมพูชาแล้ว พร้อมประเมินจากข้อมูลด้านการข่าวว่า อาวุธที่กัมพูชามักใช้คือจรวด BM-21 ซึ่งมีความแม่นยำต่ำและเป็นการยิงปูพรม ส่งผลกระทบต่อพื้นที่พลเรือนสูง และตั้งใจสร้างความตื่นตระหนกในวงกว้างมากกว่ามุ่งเป้าเพียงพื้นที่ทางทหาร
.
ส่วนกรณีที่กัมพูชาอาจใช้อาวุธพิสัยไกลหรือมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโจมตีพื้นที่สำคัญในไทย โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า ไทยมีสิทธิตามกฎหมายสากลในการใช้มาตรการ “ชิงโจมตีก่อน” หรือ Preemptive Strike เพื่อปกป้องพลเรือน หากข่าวกรองยืนยันชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามตั้งใจใช้อาวุธหนักโจมตีพื้นที่ที่ไม่สมควรเป็นเป้าหมาย
.
“หากมีการพิสูจน์ทราบว่ากัมพูชาจะใช้อาวุธหนักโจมตีในไทย ถือเป็นสิทธิชอบธรรมของไทยในการป้องกันตนเอง และกองทัพไทยจะไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญภัยคุกคามโดยไม่จำเป็น” โฆษกกองทัพอากาศกล่าว
.
โฆษกกองทัพอากาศยังกล่าวอีกว่า แม้ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นชั้นความลับ แต่ทุกการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์เพื่อยุติปัญหาโดยสันติวิธี ขณะที่การใช้กำลังทหารถือเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่วันนี้ไทยได้มาถึงจุดที่หมดความอดทนแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ พร้อมยืนยันว่า “กองทัพไทยพร้อมรบอย่างเต็มศักยภาพ”
.
.
จ.ส.ท. เสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย ถูกทหารกัมพูชา ยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ช่องอานม้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_5495616
.
จ.ส.ท. เสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย ถูกทหารกัมพูชา ยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ช่องอานม้า
.
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า มีทหารเสียชีวิตอีก 1 นาย คือ จ.ส.ท.
จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด ช.พัน.1 รอ. ถูกทหารกัมพูชายิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากเนิน 677 ช่องอานม้า
.
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันนี้ กองทัพบกรายงานว่า ตั้งแต่วันที่กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยตั้งแต่วันที่ 7-9 ธ.ค. สูญเสียกำลังพลไปแล้ว 3 นาย ดังนี้
.
1. พลทหาร
วายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์
.
2. ส.อ.
ชวกร เดชขุนทด สังกัด กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร
.
โดยวันที่ 8 ธ.ค.68 เสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.
ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 โดนสะเก็ดระเบิด พื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก
JJNY : ลั่น“กัมพูชา”ต้องเป็นฝ่ายขอเจรจาก่อน│เหล่าทัพหมดความอดทนกับกัมพูชา│จ.ส.ท.เสียชีวิตเพิ่ม 1│ลิซ่าจี้ ทปอ.เลื่อนสอบ
.
เหล่าทัพ หมดความอดทนกับกัมพูชา พร้อมรบเต็มที่ จ่อชิงโจมตีก่อน ถ้าเขมรตั้งใจใช้อาวุธหนักถล่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5495439
.
.
จ.ส.ท. เสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย ถูกทหารกัมพูชา ยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ช่องอานม้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_5495616
.
จ.ส.ท. เสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย ถูกทหารกัมพูชา ยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ช่องอานม้า
.
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า มีทหารเสียชีวิตอีก 1 นาย คือ จ.ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด ช.พัน.1 รอ. ถูกทหารกัมพูชายิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากเนิน 677 ช่องอานม้า
.
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันนี้ กองทัพบกรายงานว่า ตั้งแต่วันที่กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยตั้งแต่วันที่ 7-9 ธ.ค. สูญเสียกำลังพลไปแล้ว 3 นาย ดังนี้
.
1. พลทหาร วายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์
.
2. ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัด กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ได้รับบาดเจ็บจากเครื่องยิงลูกระเบิด พื้นที่พระวิหาร
.
โดยวันที่ 8 ธ.ค.68 เสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 โดนสะเก็ดระเบิด พื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก