อังกฤษใช้วิธีใดในการยึดครองอินเดียเป็นอาณานิคม

เวลาเราพูดถึงคำว่า "การยึดครอง" เรามักจึงรู้สึกว่าเป็นการใช้กำลังทางทหารเข้ายึดครอง แต่วิธีการที่อังกฤษใช้เป็นวิธีการที่ซับซ้อน เป็นระบบ และต้องใช้ความอดทนต่อการรอคอยอย่างยิ่ง กว่าจะยึดครองอังกฤษได้เบ็ดเสร็จ เพราะอังกฤษไม่ได้ใช้วิธีการทางทหารเพียงอย่างเดียวในการยึดครองอินเดีย แต่เป็นการผสมผสานอย่างซับซ้อนของ กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และ การทหาร ตลอดระยะเวลากว่า 200 ปี โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ครับ


1. 💰 ระยะเริ่มต้น: การค้าและการแทรกซึมทางเศรษฐกิจ (ศตวรรษที่ 17 ถึง กลางศตวรรษที่ 18)

อังกฤษเริ่มต้นการมีอิทธิพลในอินเดียผ่าน บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (British East India Company - EIC)
ซึ่งเป็นบริษัทการค้าเอกชนที่ได้รับพระราชานุญาตจากรัฐบาลอังกฤษ ได้แก่

- จุดเริ่มต้นจากการค้า
EIC ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1600 และค่อย ๆ ตั้งโรงงานและสถานีการค้าตามเมืองชายฝั่งสำคัญของอินเดีย เช่น สุรัต มัทราส และกัลกัตตา เพื่อค้า เครื่องเทศ ผ้าฝ้าย ไหม และ ฝิ่น

- การหาประโยชน์จากความอ่อนแอ
เมื่อ จักรวรรดิโมกุล (Mughal Empire) ซึ่งเป็นผู้ปกครองอินเดียในขณะนั้นเริ่มอ่อนแอลง EIC ก็ฉวยโอกาสนี้สร้างป้อมปราการและ ติดสินบน ขุนนางท้องถิ่น รวมถึง สนับสนุน เจ้าชายท้องถิ่นที่อ่อนแอให้ขึ้นครองอำนาจ เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษทางการค้าและการลดหย่อนภาษี


2. ⚔️ ระยะการพิชิต: ชัยชนะทางการทหารและการควบคุมโดย EIC (กลางศตวรรษที่ 18)

การเปลี่ยนผ่านจากการค้ามาสู่การควบคุมดินแดนอย่างแท้จริงเกิดขึ้นหลังชัยชนะครั้งสำคัญของ EIC เหนือผู้ปกครองท้องถิ่น ได้แก่

- ยุทธการพลาซีย์ (Battle of Plassey, ค.ศ. 1757)
ถือเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ บริษัท EIC ภายใต้การนำของ โรเบิร์ต ไคลฟ์ (Robert Clive) เอาชนะกองทัพของนวาบแห่งเบงกอลได้ (ซึ่งเป็นแคว้นที่ร่ำรวยที่สุด) ส่วนหนึ่งมาจากการ ซื้อตัว แม่ทัพคนสำคัญของฝ่ายตรงข้ามก่อนการรบ ทำให้กองทัพของ EIC มีชัยอย่างง่ายดาย

- การควบคุมสิทธิ์เก็บภาษี (Diwani Rights)
หลังยุทธการพลาซีย์ EIC ได้รับสิทธิ์ในการ เก็บภาษี (Diwani) ในเบงกอลอย่างเป็นทางการ ทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนมหาศาล โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินจากอังกฤษอีกต่อไป และสามารถใช้เงินนี้ในการจ้างกองทัพของตนเอง

- นโยบายแบ่งแยกและปกครอง (Divide and Rule)
EIC ใช้ประโยชน์จากความแตกแยกของรัฐต่าง ๆ ความขัดแย้งระหว่างศาสนา (ฮินดูและมุสลิม) และวรรณะต่าง ๆ เพื่อเข้าแทรกแซงและพิชิตทีละรัฐ โดยมักจะเข้าข้างรัฐหนึ่งเพื่อโจมตีอีกรัฐหนึ่ง แล้วค่อยกลืนอำนาจทั้งสองรัฐในภายหลัง


3. 👑 ระยะสุดท้าย: การปกครองโดยตรงของราชบัลลังก์ (หลัง ค.ศ. 1858)

การปกครองโดยบริษัท EIC สิ้นสุดลงและเปลี่ยนมาเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอังกฤษโดยตรงหลังเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่

- กบฏซีปอย (Sepoy Mutiny หรือ Indian Rebellion of 1857)
การลุกฮือครั้งใหญ่ของทหารพื้นเมืองอินเดีย (ซีปอย) ที่ไม่พอใจความโหดร้ายและนโยบายของ EIC แม้จะถูกปราบปรามลงได้ แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง ความล้มเหลวในการบริหาร ของบริษัท

- การสถาปนาบริติชราช (British Raj)
ในปี ค.ศ. 1858 รัฐสภาอังกฤษได้ออกกฎหมายถ่ายโอนอำนาจการปกครองทั้งหมดจาก EIC ไปยัง ราชบัลลังก์อังกฤษ โดยตรง และสถาปนาตำแหน่ง อุปราช (Viceroy) ขึ้นมาปกครองอินเดียในนามของพระมหากษัตริย์อังกฤษอย่างเป็นทางการ การปกครองนี้ดำเนินไปจนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1947


โดยสรุป
การยึดครองอินเดียเป็นการเปลี่ยนผ่านจาก อำนาจการค้า ไปสู่ การควบคุมทางการเมือง และจบลงด้วย การปกครองโดยตรง เพื่อดึงดูดความมั่งคั่งมหาศาลจากอินเดียกลับสู่จักรวรรดิบริติช

รูปด้านล่าง ทางซ้ายมือเป็นธงของบริษัทอินเดียตะวันออก (East India Company) พอยึดครองอินเดียได้เบ็ดเสร็จจึงเปลี่ยนเป็นบริติชราช (British Raj) ทางขวามือครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่