⭐ ความจริงคือ
รัฐบาล พ.ศ. 2544–2549 ไม่ได้ผลิต “นวัตกรรมเชิงนโยบายใหม่” แต่เป็นการใช้ (และรีแบรนด์) โครงสร้างนโยบายซึ่งถูกวางรากฐานไว้แล้วในยุคปฏิรูป พ.ศ. 2540 ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาชน 2540
1) ประเภทหลักฐานที่สนับสนุนข้อโต้แย้ง
(ก) หลักฐานเชิงทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์
งานวิชาการร่วมสมัย (2538–2545) ชี้ตรงกันว่า
ช่วง 2538–2540 คือยุคสร้าง “รัฐสมัยใหม่” ของไทย (Thai Modern State Formation) โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
การปฏิรูประบบราชการแบบ NPM (KPI, performance management)
การกระจายอำนาจอย่างเป็นระบบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
การปฏิรูปการศึกษา (school reform / curriculum reform / teacher reform)
การวางสถาบันของรัฐให้เป็น high-capacity state ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2540
➡ กล่าวคือ รัฐไทยมี platform เชิงสถาบันเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่รัฐบาล 2544 จะเริ่ม
(ข) หลักฐานสากล (UNESCO, World Bank, ADB)
หลักฐานนานาชาติชี้ชัดเจนว่า
“ความสำเร็จของไทยในสากลเกิดขึ้นก่อนปี 2544”
UNESCO มอบรางวัลด้านการศึกษาให้ไทย ปี 2540–2541
School reform / curriculum reform / decentralization เริ่มปี 2538
แนวคิด human-centered development ของไทยได้รับการยอมรับในช่วง 1995–1997
World Bank & ADB ยกไทยเป็นกรณีศึกษาการบริหารรัฐสมัยใหม่ช่วง 1997–2000
➡ ดังนั้น ไม่มีหลักฐานสากลใดให้เครดิตรัฐบาล 2544–2549 ว่าเป็นผู้ปฏิรูป
(ค) หลักฐานเชิงนโยบาย (SSRN, หอจดหมายเหตุญี่ปุ่น และเอกสารทางโครงการ)
หลักฐานเหล่านี้ชี้ตรงกันว่าโครงการเด่นในยุค 2544–2549
ล้วนมีต้นกำเนิดในยุคปฏิรูป 2540 และถูกรีแบรนด์ (rebranding) ภายหลัง
โครงการเศรษฐกิจชุมชน → รีแบรนด์เป็น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน, ธนาคารประชาชน
แผนแม่บทเคหะแห่งชาติ 2540 → รีแบรนด์เป็น “บ้านเอื้ออาทร”
สนามบินกรุงเทพฯ แห่งที่ 2 (ลงนามปี 1996) → เปลี่ยนชื่อเป็น “สุวรรณภูมิ”
ระเบียบพักหนี้เกษตรกร–ประมง (พ.ศ. 2540) → ถูกนำมาใช้ใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อ
โครงสร้างปราบยาเสพติดยุคปฏิรูปตำรวจ → เปลี่ยนรูปแบบและเปลี่ยนกรอบการสื่อสาร
➡ รัฐบาล 2544 คือผู้ใช้ และผู้รีแพ็กเกจนโยบาย ไม่ใช่ผู้สร้าง
2) โครงการสำคัญที่ไม่ใช่นวัตกรรม แต่เป็นการสืบต่อ–รีแบรนด์
2.1 ด้านการศึกษา เรียนฟรี 15 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 43 และ 80
การปฏิรูปหลักสูตร ครู โรงเรียน และกระจายอำนาจเริ่มปี 2538
UNESCO มอบรางวัลปี 2540 และ 2541
➡ ความสำเร็จเชิงสถาบันเกิดขึ้น “ก่อนรัฐบาล 2544 อย่างชัดเจน”
2.2 นโยบายเศรษฐกิจชุมชน
นโยบายเศรษฐกิจชุมชนในยุครัฐบาล พ.ศ. 2544–2549 มักถูกนำเสนอว่าเป็น “ผลงานใหม่” เช่น
OTOP
กองทุนหมู่บ้าน
ธนาคารประชาชน
แต่เมื่อวิเคราะห์โครงสร้างเชิงนโยบายและตรวจสอบหลักฐานเชิงประวัติศาสตร์–เอกสาร (เช่น SSRN) จะพบว่า นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุครัฐบาล 2544 หากแต่เป็นการสานต่อ–รีแบรนด์ (rebranding) จากนโยบายเศรษฐกิจฐานรากที่ถูกออกแบบไว้แล้วในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544)
การอธิบายสามารถแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ
รากแนวคิดยุค พ.ศ. 2540
โครงสร้างนโยบายที่ถูกวางไว้
การรีแบรนด์ในยุค พ.ศ. 2544–2549
(1) รากแนวคิด: ยุคปฏิรูป 2540 คือช่วง “สร้างฐานเศรษฐกิจชุมชน” จริง ๆ
แผนพัฒนา 8 (พ.ศ. 2540–2544) เป็นแผนฉบับแรกที่เปลี่ยนทิศทางจาก
“รัฐพัฒนาเศรษฐกิจส่วนกลาง” → “ให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา (people-centered & community-based development)”
จุดเน้นสำคัญคือ
การสร้างรายได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน (ก่อนใช้ชื่อ OTOP)
การจัดระบบเงินกู้ระดับชุมชน
การสร้างสถาบันการเงินชุมชน
การพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจของหมู่บ้าน
กล่าวคือ หัวใจของ OTOP / กองทุนหมู่บ้าน / ธนาคารประชาชน ถูกพัฒนาไว้แล้วก่อนปี 2544
(2) โครงสร้างนโยบายที่ออกแบบไว้แล้ว (ก่อนปี 2544)
หลักฐาน SSRN ยืนยันชัดเจนว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชน” “เงินกู้ชุมชน” และ “เงินทุนชุมชน” ล้วนเป็นองค์ประกอบในแผนพัฒนา 8 ทำให้สามารถระบุได้เป็นลำดับดังนี้:
2.2.1 ผลิตภัณฑ์ชุมชน (รากของ OTOP)
ในแผนพัฒนา 8 มีนโยบายผลักดันสินค้า–งานหัตถกรรม–อาหาร–ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมในระดับตำบล
โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า
สร้างเอกลักษณ์พื้นที่
เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
บริหารโดยกลไกท้องถิ่น
➡ โครงสร้างนี้เอง ถูกรีแบรนด์เป็น “One Tambon One Product (OTOP)” ในปี 2544
2.2.2 เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน (รากของกองทุนหมู่บ้าน)
ช่วงปี 2540–2544 รัฐสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนในชุมชน ผ่านโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนารายได้ชุมชน โดยมีกติกาและโครงสร้างคล้ายกับกองทุนหมู่บ้านในภายหลัง ได้แก่
หมู่บ้านจัดการเงินกู้เอง
รัฐอัดฉีดเงินตั้งต้น
ชาวบ้านเป็นผู้บริหาร
เป้าหมายคือเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจท้องถิ่น
➡ รัฐบาล 2544 เพียง “ตั้งชื่อใหม่” เป็น “กองทุนหมู่บ้าน”
2.2.3 เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน (รากของธนาคารประชาชน)
แผนพัฒนา 8 วางแนวทางชัดเจนในการสร้างระบบการเงินระดับท้องถิ่น เช่น
ธนาคารชุมชน
สหกรณ์การเงิน
กลุ่มออมทรัพย์
กองทุนรวมของหมู่บ้าน
โครงสร้างเหล่านี้คือฐานข้อมูล–กติกา–เครื่องมือของ “ธนาคารประชาชน” ทั้งหมดในปี 2544–2549
➡ โครงการธนาคารประชาชนไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แต่เป็นการ “จัดรูปแบบเดิมให้เป็นระบบ” และสร้างภาพลักษณ์ทางการเมืองใหม่
(3) การรีแบรนด์ของรัฐบาล 2544–2549: เปลี่ยนชื่อ–ปรับภาพลักษณ์ แต่ใช้โครงสร้างเดิม
เมื่อรัฐบาล 2544 เข้ามา นโยบายเศรษฐกิจฐานรากจากยุค 2540 ถูกนำมารีแพ็กเกจ
รัฐบาลปี 2544-2549 รีเบรนด์ ผลงานรัฐบาล 2540/ รัฐบาล 2566-2568 ไม่มีอานิสงส์ จึงไม่มีผลงาน
รัฐบาล พ.ศ. 2544–2549 ไม่ได้ผลิต “นวัตกรรมเชิงนโยบายใหม่” แต่เป็นการใช้ (และรีแบรนด์) โครงสร้างนโยบายซึ่งถูกวางรากฐานไว้แล้วในยุคปฏิรูป พ.ศ. 2540 ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาชน 2540
1) ประเภทหลักฐานที่สนับสนุนข้อโต้แย้ง
(ก) หลักฐานเชิงทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์
งานวิชาการร่วมสมัย (2538–2545) ชี้ตรงกันว่า
ช่วง 2538–2540 คือยุคสร้าง “รัฐสมัยใหม่” ของไทย (Thai Modern State Formation) โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
การปฏิรูประบบราชการแบบ NPM (KPI, performance management)
การกระจายอำนาจอย่างเป็นระบบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
การปฏิรูปการศึกษา (school reform / curriculum reform / teacher reform)
การวางสถาบันของรัฐให้เป็น high-capacity state ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2540
➡ กล่าวคือ รัฐไทยมี platform เชิงสถาบันเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่รัฐบาล 2544 จะเริ่ม
(ข) หลักฐานสากล (UNESCO, World Bank, ADB)
หลักฐานนานาชาติชี้ชัดเจนว่า
“ความสำเร็จของไทยในสากลเกิดขึ้นก่อนปี 2544”
UNESCO มอบรางวัลด้านการศึกษาให้ไทย ปี 2540–2541
School reform / curriculum reform / decentralization เริ่มปี 2538
แนวคิด human-centered development ของไทยได้รับการยอมรับในช่วง 1995–1997
World Bank & ADB ยกไทยเป็นกรณีศึกษาการบริหารรัฐสมัยใหม่ช่วง 1997–2000
➡ ดังนั้น ไม่มีหลักฐานสากลใดให้เครดิตรัฐบาล 2544–2549 ว่าเป็นผู้ปฏิรูป
(ค) หลักฐานเชิงนโยบาย (SSRN, หอจดหมายเหตุญี่ปุ่น และเอกสารทางโครงการ)
หลักฐานเหล่านี้ชี้ตรงกันว่าโครงการเด่นในยุค 2544–2549
ล้วนมีต้นกำเนิดในยุคปฏิรูป 2540 และถูกรีแบรนด์ (rebranding) ภายหลัง
โครงการเศรษฐกิจชุมชน → รีแบรนด์เป็น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน, ธนาคารประชาชน
แผนแม่บทเคหะแห่งชาติ 2540 → รีแบรนด์เป็น “บ้านเอื้ออาทร”
สนามบินกรุงเทพฯ แห่งที่ 2 (ลงนามปี 1996) → เปลี่ยนชื่อเป็น “สุวรรณภูมิ”
ระเบียบพักหนี้เกษตรกร–ประมง (พ.ศ. 2540) → ถูกนำมาใช้ใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อ
โครงสร้างปราบยาเสพติดยุคปฏิรูปตำรวจ → เปลี่ยนรูปแบบและเปลี่ยนกรอบการสื่อสาร
➡ รัฐบาล 2544 คือผู้ใช้ และผู้รีแพ็กเกจนโยบาย ไม่ใช่ผู้สร้าง
2) โครงการสำคัญที่ไม่ใช่นวัตกรรม แต่เป็นการสืบต่อ–รีแบรนด์
2.1 ด้านการศึกษา เรียนฟรี 15 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 43 และ 80
การปฏิรูปหลักสูตร ครู โรงเรียน และกระจายอำนาจเริ่มปี 2538
UNESCO มอบรางวัลปี 2540 และ 2541
➡ ความสำเร็จเชิงสถาบันเกิดขึ้น “ก่อนรัฐบาล 2544 อย่างชัดเจน”
2.2 นโยบายเศรษฐกิจชุมชน
นโยบายเศรษฐกิจชุมชนในยุครัฐบาล พ.ศ. 2544–2549 มักถูกนำเสนอว่าเป็น “ผลงานใหม่” เช่น
OTOP
กองทุนหมู่บ้าน
ธนาคารประชาชน
แต่เมื่อวิเคราะห์โครงสร้างเชิงนโยบายและตรวจสอบหลักฐานเชิงประวัติศาสตร์–เอกสาร (เช่น SSRN) จะพบว่า นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุครัฐบาล 2544 หากแต่เป็นการสานต่อ–รีแบรนด์ (rebranding) จากนโยบายเศรษฐกิจฐานรากที่ถูกออกแบบไว้แล้วในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544)
การอธิบายสามารถแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ
รากแนวคิดยุค พ.ศ. 2540
โครงสร้างนโยบายที่ถูกวางไว้
การรีแบรนด์ในยุค พ.ศ. 2544–2549
(1) รากแนวคิด: ยุคปฏิรูป 2540 คือช่วง “สร้างฐานเศรษฐกิจชุมชน” จริง ๆ
แผนพัฒนา 8 (พ.ศ. 2540–2544) เป็นแผนฉบับแรกที่เปลี่ยนทิศทางจาก
“รัฐพัฒนาเศรษฐกิจส่วนกลาง” → “ให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา (people-centered & community-based development)”
จุดเน้นสำคัญคือ
การสร้างรายได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน (ก่อนใช้ชื่อ OTOP)
การจัดระบบเงินกู้ระดับชุมชน
การสร้างสถาบันการเงินชุมชน
การพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจของหมู่บ้าน
กล่าวคือ หัวใจของ OTOP / กองทุนหมู่บ้าน / ธนาคารประชาชน ถูกพัฒนาไว้แล้วก่อนปี 2544
(2) โครงสร้างนโยบายที่ออกแบบไว้แล้ว (ก่อนปี 2544)
หลักฐาน SSRN ยืนยันชัดเจนว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชน” “เงินกู้ชุมชน” และ “เงินทุนชุมชน” ล้วนเป็นองค์ประกอบในแผนพัฒนา 8 ทำให้สามารถระบุได้เป็นลำดับดังนี้:
2.2.1 ผลิตภัณฑ์ชุมชน (รากของ OTOP)
ในแผนพัฒนา 8 มีนโยบายผลักดันสินค้า–งานหัตถกรรม–อาหาร–ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมในระดับตำบล
โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า
สร้างเอกลักษณ์พื้นที่
เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
บริหารโดยกลไกท้องถิ่น
➡ โครงสร้างนี้เอง ถูกรีแบรนด์เป็น “One Tambon One Product (OTOP)” ในปี 2544
2.2.2 เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน (รากของกองทุนหมู่บ้าน)
ช่วงปี 2540–2544 รัฐสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนในชุมชน ผ่านโครงการเงินกู้เพื่อพัฒนารายได้ชุมชน โดยมีกติกาและโครงสร้างคล้ายกับกองทุนหมู่บ้านในภายหลัง ได้แก่
หมู่บ้านจัดการเงินกู้เอง
รัฐอัดฉีดเงินตั้งต้น
ชาวบ้านเป็นผู้บริหาร
เป้าหมายคือเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจท้องถิ่น
➡ รัฐบาล 2544 เพียง “ตั้งชื่อใหม่” เป็น “กองทุนหมู่บ้าน”
2.2.3 เงินทุนเศรษฐกิจชุมชน (รากของธนาคารประชาชน)
แผนพัฒนา 8 วางแนวทางชัดเจนในการสร้างระบบการเงินระดับท้องถิ่น เช่น
ธนาคารชุมชน
สหกรณ์การเงิน
กลุ่มออมทรัพย์
กองทุนรวมของหมู่บ้าน
โครงสร้างเหล่านี้คือฐานข้อมูล–กติกา–เครื่องมือของ “ธนาคารประชาชน” ทั้งหมดในปี 2544–2549
➡ โครงการธนาคารประชาชนไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แต่เป็นการ “จัดรูปแบบเดิมให้เป็นระบบ” และสร้างภาพลักษณ์ทางการเมืองใหม่
(3) การรีแบรนด์ของรัฐบาล 2544–2549: เปลี่ยนชื่อ–ปรับภาพลักษณ์ แต่ใช้โครงสร้างเดิม
เมื่อรัฐบาล 2544 เข้ามา นโยบายเศรษฐกิจฐานรากจากยุค 2540 ถูกนำมารีแพ็กเกจ