JJNY : คนแบบไหนเป็นสส.และนายก│78.40%พอใจ“ชัชชาติ”│ญี่ปุ่น-ยูเอ็นให้ชุดเก็บกู้แก่ยูเครน│9 จว.ใต้ฝนถล่ม เหนือ-อีสาน หนาว

สวนดุสิตโพลเผยคุณสมบัติเด่นที่ประชาชนมองหา คนแบบไหนเป็นสส.และนายกรัฐมนตรี
https://www.dailynews.co.th/news/5376850/
.

.
สวนดุสิตโพลเผย! เลิกดูหน้าตาและป้ายหาเสียงได้เลย! ผลสำรวจล่าสุดจากสวนดุสิตโพลชี้ คุณสมบัติที่คนไทยอยากได้ใน สส. คือ "พูดจริง ทำจริง" ขณะที่ผู้นำประเทศต้องมี "อุดมการณ์ก้าวหน้า" เท่านั้น! อะไรคือ "4 ก." ที่นักวิชาการบอกว่าคือมาตรฐานใหม่ของผู้นำ?
.
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ศูนย์สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ประชาชนอยากได้คนแบบไหนเป็น ส.ส. และนายกรัฐมนตรี” ระหว่างวันที่ 2–5 ธันวาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,186 คน ผ่านการสำรวจทั้งทางออนไลน์และภาคสนาม ครอบคลุมทุกภูมิภาคและกลุ่มอาชีพ
.
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนเห็นว่าคุณสมบัติสำคัญของผู้สมัคร ส.ส. คือ พูดจริง ทำจริง คะแนนเฉลี่ย 9.46 รองลงมาคือ ความขยัน อดทน 9.44 และ ความซื่อสัตย์ 9.42
.
ด้านคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนต้องการผู้นำที่มีอุดมการณ์ ก้าวหน้า และกล้าทำสิ่งใหม่ ร้อยละ 40.71 รองลงมาคือ ไม่เล่นเกมการเมือง ทำเพื่อประชาชนจริง ร้อยละ 30.09 และไม่โกง ซื่อสัตย์ ร้อยละ 29.20
.
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนบริบทที่ประชาชนกำลังเผชิญ ทั้งเศรษฐกิจ ภัยพิบัติ และความผันผวนทางการเมือง ทำให้ “ความสามารถในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติ” กลายเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้แทน ขณะที่คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีมีองค์ประกอบหลัก 4 ประการ หรือ “4 ก.” ได้แก่ อุดมการณ์ ก้าวหน้า ไม่เล่นเกม และไม่โกง ซึ่งสะท้อนความคาดหวังต่อผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และพร้อมเปลี่ยนแปลง
.
ผศ.ดร.อานุภาพ รักษ์สุวรรณ วิเคราะห์ว่า ประชาชนให้ความสำคัญกับ คุณค่าเชิงสมรรถนะและจริยธรรม ของ ส.ส. มากกว่าปัจจัยทางกายภาพหรือสถานะทางสังคม คะแนนสูงสุดอยู่ที่ การพูดจริง ทำจริง ขยัน อดทน และความซื่อสัตย์ แสดงว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการผู้แทนที่เน้นผลสัมฤทธิ์และธรรมาภิบาล มากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก
.
สำหรับประมุขฝ่ายบริหาร ผลสำรวจชี้ชัดถึงความต้องการ ภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์และการเปลี่ยนแปลง สังคมคาดหวังผู้นำที่มีอุดมการณ์ก้าวหน้า กล้าตัดสินใจทำสิ่งใหม่ เพื่อนำประเทศออกจากกับดักการเมืองแบบเดิม ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่าประชาชนตื่นตัวและต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ โปร่งใส และจับต้องได้จริง มากกว่าวาทกรรมทางการเมือง
.

.
“คนกรุงโอเค” นิด้าโพลชี้ 78.40% พอใจผลงาน “ชัชชาติ” รอบ 3 ปีครึ่ง! ทางเท้า-สวนสาธารณะ โดดเด่นสุด.
https://www.dailynews.co.th/news/5376808/
.
ผลสำรวจ "นิด้าโพล" เผยคะแนนนิยมผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังคงสูงลิ่วในหมู่ชาวกรุงเทพฯ โดยมีประชาชนถึง 78.40 % ระบุว่า "พอใจมาก" ถึง "ค่อนข้างพอใจ" ในการทำงานตลอด 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา ขณะที่ผลงานด้านการจัดระเบียบทางเท้าและการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ได้รับเสียงชื่นชมสูงสุด ส่วนปัญหาโครงสร้างใหญ่ "การทุจริต" และ "ค่าครองชีพ/ปากท้อง" ยังเป็นสองประเด็นหลักที่ประชาชนไม่พอใจและรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
.
วันที่ 7 ธ.ค. 68 ที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “3 ปีครึ่ง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งหมด 2,000 หน่วยตัวอย่าง
.
เกี่ยวกับการทำงานในรอบ 3 ปีครึ่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 97.0
.
ผลสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 3 ปีครึ่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ ตัวอย่างร้อยละ 38.75 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 37.20 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 14.15 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 5.25 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 4.65 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่างร้อยละ 40.70 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 36.70 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 14.80 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.20 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 1.60 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่างร้อยละ 40.80 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 32.60 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 19.25 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.40 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 0.95 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่างร้อยละ 40.85 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 32.20 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 18.45 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.40 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 2.10 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การป้องกันอาชญากรรมและสร้างความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่างร้อยละ 39.15 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 32.15 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 18.35 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 6.90 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 3.45 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
การสนับสนุนการกีฬา ตัวอย่างร้อยละ 37.75 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 28.55 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 15.75 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 11.85 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 6.10 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่างร้อยละ 39.50 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 28.00 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 16.55 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 9.50 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 6.45 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่างร้อยละ 40.20 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 23.90 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 21.65 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 10.80 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 3.45 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่างร้อยละ 40.25 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 21.95 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 18.80 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 10.35 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 8.65 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่างร้อยละ 40.10 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 21.80 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 17.15 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.00 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 5.95 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่างร้อยละ 38.60 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 22.60 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.95 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 9.85 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่างร้อยละ 40.25 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 20.60 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 16.95 ระบุว่าไม่มีข้อมูล ร้อยละ 16.40 ระบุว่าไม่ค่อยดี และร้อยละ 5.80 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การจัดระเบียบคนเร่ร่อน คนจรจัด และขอทาน ตัวอย่างร้อยละ 38.80 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 23.65 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.35 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 11.00 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 6.20 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่างร้อยละ 41.40 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 26.60 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.95 ระบุว่าดีมาก ร้อยละ 11.25 ระบุว่าไม่ดีเลย และร้อยละ 3.80 ระบุว่าไม่มีข้อมูล
.
การพัฒนาการศึกษาและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่างร้อยละ 37.50 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 20.60 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.80 ระบุว่าไม่มีข้อมูล ร้อยละ 16.60 ระบุว่าดีมาก และร้อยละ 8.50 ระบุว่าไม่ดีเลย
.
การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่างร้อยละ 25.05 ระบุว่าค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 23.50 ระบุว่าไม่ค่อยดี ร้อยละ 22.95 ระบุว่าไม่ดีเลย ร้อยละ 16.25 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 12.25 ระบุว่าดีมาก
.
การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่างร้อยละ 33.40 ระบุว่าไม่ค่อยดี รองลงมาร้อยละ 28.05 ระบุว่าค่อนข้างดี ร้อยละ 20.20 ระบุว่าไม่ดีเลย ร้อยละ 9.95 ระบุว่าไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.40 ระบุว่าดีมาก
.
ท้ายนั้น เมื่อถามถึงความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 3 ปีครึ่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่าตัวอย่างร้อยละ 46.55 ระบุว่าค่อนข้างพอใจ รองลงมาร้อยละ 31.85 ระบุว่าพอใจมาก ร้อยละ 14.70 ระบุว่าไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 6.70 ระบุว่าไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.20 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.

.
ญี่ปุ่น-ยูเอ็นให้ชุดเก็บกู้ระเบิดแก่ยูเครน
.
เคียฟ 6 ธ.ค.- ญี่ปุ่นและยูเอ็นจัดสรรชุดเก็บกู้ระเบิดแบบครบเครื่องจำนวน 15 ชุดให้แก่ยูเครน เพื่อใช้เก็บกู้ระเบิดจากการทำสงครามกับรัสเซียที่คาดว่าตกค้างอยู่ในดินแดนของยูเครนมากถึง 1 ใน 5 ของประเทศ
.
เว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นและโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นดีพี (UNDP) ได้จัดสรรชุดเก็บกู้ระเบิดที่ผลิตในสหรัฐ แต่ละชุดมีน้ำหนักราว 38 กิโลกรัม ประกอบด้วยชุดป้องกันระเบิด ความร้อน และแรงกระแทกแบบเต็มตัว พร้อมหมวกนิรภัย ราคาชุดละ 25,000 ดอลาร์สหรัฐ (ราว 796,880 บาท) เพื่อให้ยูเครนนำไปใช้เก็บกู้ทุ่นระเบิดและระเบิดตกค้าง ยูเอ็นดีพีประเมินว่า พื้นที่ของยูเครนราวร้อยละ 20 เสี่ยงมีระเบิดตกค้างจากการทำสงครามกับรัสเซียที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 และเป็นอุปสรรคต่อการบูรณะฟื้นฟูประเทศ ขณะที่สำนักงานบริการเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนแจ้งว่า ได้เก็บกู้ระเบิดตกค้างแล้วมากกว่า 73,000 ลูกในปีนี้
.
ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการประชุมปฏิบัติการทุ่นระเบิดยูเครนที่กรุงโตเกียวเมื่อเดือนตุลาคม และได้ใช้โอกาสนั้นเสนอให้การฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด และช่วยปรับปรุงการให้บริการทางการแพทย์และสวัสดิการสำหรับเหยื่อสงคราม อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนให้ยูเครนฟื้นตัวและบูรณะประเทศจากสงคราม และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นและยูเครนได้ลงนามข้อตกลงความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเยน (ราว 820 ล้านบาท) สำหรับจัดสรรอุปกรณ์ วัสดุ และการสนับสนุนทางแพทย์ที่จำเป็น.-814.-สำนักข่าวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่