HBO เคยปฏิเสธ Netflix วันนี้ Netflix กำลังเป็นเจ้าของ HBO

HBO เคยปฎิเสธ Netflix วันนี้ Netflix กำลังเป็นเจ้าของ HBO / โดย ลงทุนแมน
ข่าวใหญ่วงการสตรีมมิงภาพยนตร์ช่วงนี้ คือการที่ Netflix กำลังซื้อกิจการของ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ได้ HBO มาด้วย

แต่มีเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้น คือ รู้ไหมว่าครั้งหนึ่ง Netflix เคยไปดีลกับ HBO แล้วจบลงด้วยการโดนปฎิเสธมาแล้ว
.
เรื่องราวตอนนั้นเป็นอย่างไร ?
.
ย้อนไปในปี 2007 หลังจากที่ Netflix ชนะ Blockbuster เชนร้านเช่าวิดีโอใหญ่สุดในโลกได้แล้ว
และกำลังผันตัวเอง ให้บริการสตรีมมิงแทนการให้เช่าวิดีโอทางไปรษณีย์
.
แต่การให้บริการใหม่อย่างสตรีมมิง ก็ทำให้ Netflix ต้องสู้ศึกกับคู่แข่งใหญ่รายใหม่
นั่นคือ HBO ที่ตอนนั้นเป็นบริษัทลูกของ AT&T ผู้เป็นเจ้าของสตูดิโอ Warner Bros.
.
HBO เป็นคู่แข่งของ Netflix ที่ใหญ่กว่าเยอะมาก เพราะตอนนั้น Netflix มีจำนวนสมาชิกอยู่ 7 ล้านราย
ส่วน HBO มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 100 ล้านราย
.
ดังนั้น แทนที่จะแข่งกับ HBO ทันที Netflix กลับเลือกเจรจากับ HBO เพื่อพยายามขอซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของ HBO มาสตรีมบนแพลตฟอร์มตัวเอง
.
ซึ่งคำตอบที่ Netflix ได้รับจาก HBO นั่นคือ ไม่..
.
เหตุผลก็เพราะว่า HBO ได้ค่าสมาชิกจาก Cable TV ประมาณ 60-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
ในขณะที่ Netflix คิดค่าบริการเพียงเดือนละ 7.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกกว่า 10 เท่า
.
ทำให้ผู้บริหาร HBO เลือกที่จะไม่ขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับ Netflix เพราะกลัวจะกระทบกับธุรกิจ Cable TV ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักแทน
.
ถ้าดูแค่นี้ การปฎิเสธดีลของ HBO ก็พอเข้าใจได้ แต่ HBO กลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น
.
เพราะหลังจากที่เห็น Netflix ให้บริการสตรีมมิงของตัวเอง HBO ก็เริ่มเปิดให้บริการบ้าง โดยใช้ชื่อว่า HBO GO
.
แม้จะเป็นบริการสตรีมมิงเหมือนกัน แต่กลับมีกลยุทธ์ที่ต่างจาก Netflix อย่างสิ้นเชิง เพราะผู้ชมทั่วไปไม่สามารถสมัครสมาชิก HBO GO ได้
.
HBO GO มีไว้สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Cable TV ของ HBO อยู่แล้วเท่านั้น
.
ทำให้จริง ๆ แล้ว นี้จึงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อหาลูกค้าใหม่ แต่สร้างมาเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมเท่านั้น..
.
กลับไปที่ Netflix หลังจากโดนปฎิเสธดีลจาก HBO แล้ว การโดนปฎิเสธกลับทำให้บริษัทได้บทเรียนสำคัญหนึ่งขึ้นมาแทน
.
เพราะทำให้ Netflix เห็นปัญหาของการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากบริษัทอื่น จึงพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเองหรือ Original Content เป็นครั้งแรก
.
จนเวลาผ่านไป 4 ปี ในปี 2011 Netflix ก็ได้ฉาย Original Content เรื่องแรก นั่นคือซีรีส์ House of Cards
.
ซีรีส์ House of Cards ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้รับการพูดถึงปากต่อปากในวงกว้าง และทำให้จำนวนสมาชิกของ Netflix เติบโตเร็วขึ้น
.
แม้ว่า HBO จะมีซีรีส์ที่ดังอย่าง Game of Thrones อยู่ในมือ แต่เพราะดำเนินกลยุทธ์ผิด เน้นเฉพาะกลุ่มคนที่ดู Cable TV ในตอนแรก
.
แม้ปัจจุบัน สมาชิกทั่วไปที่ไม่ได้มีระบบ Cable TV จะสามารถสมัครสมาชิกได้แล้ว แต่จำนวนสมาชิกทั่วโลกก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจนถึงปัจจุบัน
.
ปี 2007 HBO มีจำนวนสมาชิก 100 ล้านราย
ปี 2025 HBO มีจำนวนสมาชิก 128 ล้านราย
.
แตกต่างจาก Netflix ที่วันนั้นเปิดกว้างให้ใครก็ได้มาสมัครสมาชิก ทำให้วันนี้จำนวนสมาชิกทั่วโลกเติบโตแซงไปเรียบร้อยแล้ว
.
ปี 2007 Netflix มีจำนวนสมาชิก 7 ล้านราย
ปี 2025 Netflix มีจำนวนสมาชิก 300 ล้านราย
.
ซึ่งปัจจุบัน HBO อยู่ภายใต้ Warners Bros. Discovery หลังจาก AT&T ได้ประกาศนำ WarnerMedia ควบรวมกิจการกับ Discovery, Inc. ในปี 2021 ที่ผ่านมา
.
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของ HBO ที่วันนั้นเคยปฎิเสธลิขสิทธิ์ของตัวเอง ไปสตรีมมิงอยู่บนแพลตฟอร์มของ Netflix
.
ในวันนั้น คุณ Reed Hasting ผู้ก่อตั้ง Netflix ก็อาจรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจที่ HBO ปฏิเสธที่จะให้ลิขสิทธิ์กับ Netflix
.
มาวันนี้ เขาก็อาจกำลังยิ้มอย่างผู้ชนะว่า บริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมา กำลังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของ HBO แม้ต้องใช้เวลาผ่านไปนานถึง 18 ปีก็ตาม
.
แต่วันนี้ Netflix ไม่เหมือนคนตัวเล็กในปี 2007 อีกต่อไป เพราะเติบโตจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ตัวโตสุดของวงการสตรีมมิง รวมถึงฮอลลีวูด..
.
ที่มา : ลงทุนแมน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่