ความรู้รอบตัว - EP18 : ตาบอดสีเกิดจากอะไร รักษาได้หรือไม่

ตาบอดสีคืออะไร เกิดจากอะไร และรักษาได้หรือไม่

โรคตาบอดสีคือภาวะบกพร่องในการมองเห็นสีบางสี ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือสาเหตุอื่น ๆ ในภายหลัง โดยส่วนใหญ่เป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาหรือใช้ชีวิตร่วมกับมันได้ผ่านการปรับตัวและอุปกรณ์ช่วยเหลือ

ตาบอดสีคืออะไร?
ตาบอดสี (Color Blindness หรือ Color Vision Deficiency: CVD) ไม่ได้หมายถึงการมองเห็นทุกอย่างเป็นภาพขาวดำเสมอไป (ซึ่งเป็นกรณีที่รุนแรงและพบได้น้อย) แต่เป็นภาวะที่ดวงตาไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของเฉดสีบางสีได้ชัดเจนเท่าคนปกติ เช่น อาจมองสีแดงกับสีเขียว หรือสีน้ำเงินกับสีเหลืองผิดเพี้ยนไป


กลไกการมองเห็นสีของมนุษย์ทำงานผ่านเซลล์รับแสงบริเวณจอประสาทตา (retina) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ เซลล์รูปแท่ง (rod cell) ทำงานในที่แสงน้อยและเห็นเป็นภาพขาวดำ และเซลล์รูปกรวย (cone cell) ทำงานในที่แสงจ้าและรับผิดชอบการมองเห็นสี เซลล์รูปกรวยมี 3 ชนิดย่อย แต่ละชนิดไวต่อแสงสีปฐมภูมิที่แตกต่างกัน ได้แก่ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ความผิดปกติของเซลล์รูปกรวยชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดนี้เองที่เป็นสาเหตุหลักของตาบอดสี

ตาบอดสีเกิดจากอะไร?
สาเหตุของตาบอดสีแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
1. สาเหตุทางพันธุกรรม (Congenital Color Blindness) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดและมักเป็นชนิดตาบอดสีแดง-เขียว
- การถ่ายทอด : เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างรงควัตถุรับแสงสีในเซลล์รูปกรวย ซึ่งยีนเหล่านี้อยู่บนโครโมโซม X
- ความชุก : พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้ชายมีโครโมโซม XY หากโครโมโซม X ตัวเดียวมีความผิดปกติก็จะแสดงอาการทันที ในขณะที่ผู้หญิงมี XX หากตัวหนึ่งผิดปกติ แต่อีกตัวปกติก็มักจะไม่แสดงอาการหรือเป็นเพียงพาหะ

2. สาเหตุภายหลัง (Acquired Color Blindness)
เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในภายหลัง ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด อาจเกิดจาก:
- โรคทางตา: เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม หรือการอักเสบของเส้นประสาทตา
- โรคทางกายอื่น ๆ: เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
- ยาบางชนิด: การใช้ยาบางประเภทอาจส่งผลต่อการมองเห็นสีได้

ประเภทของตาบอดสี
- ตาบอดสีแดง-เขียว (Red-Green Color Blindness): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยมีปัญหาในการแยกสีแดงกับสีเขียว
- ตาบอดสีน้ำเงิน-เหลือง (Blue-Yellow Color Blindness): พบน้อยกว่า มีปัญหาในการแยกสีน้ำเงินกับสีเขียว และสีเหลืองกับสีแดง
- ตาบอดทุกสี (Achromatopsia) : รุนแรงที่สุดและพบน้อยมาก มองเห็นทุกอย่างเป็นขาวดำหรือเทา

ตาบอดสีรักษาได้หรือไม่?
สำหรับตาบอดสีที่เป็นมาแต่กำเนิดจากพันธุกรรม ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นภาวะที่คงที่ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม มีแนวทางในการบรรเทาและช่วยเหลือ

- แว่นตาและคอนแทคเลนส์พิเศษ : มีการผลิตเลนส์พิเศษที่ช่วยกรองแสงและปรับปรุงความสามารถในการแยกเฉดสี ทำให้มองเห็นสีได้ชัดขึ้นในบางสถานการณ์
- การปรับตัวและการฝึกฝน : ผู้ป่วยสามารถเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับภาวะนี้ได้ โดยการจดจำตำแหน่งสัญญาณไฟจราจร ฝึกแยกแยะสิ่งของจากความสว่างหรือตำแหน่งแทนสี
- เทคโนโลยีในอนาคต : มีงานวิจัยเกี่ยวกับการบำบัดด้วยยีน (gene therapy) ซึ่งอาจเป็นความหวังในการรักษาสาเหตุทางพันธุกรรมในอนาคต

ในกรณีของตาบอดสีที่เกิดจากสาเหตุภายหลัง หากสามารถรักษาหรือควบคุมโรคต้นเหตุ (เช่น การผ่าตัดต้อกระจก หรือเปลี่ยนยา) ได้ อาการตาบอดสีก็อาจดีขึ้นหรือหายไปได้

การวินิจฉัยทำได้โดยจักษุแพทย์ด้วยการทดสอบมาตรฐาน เช่น แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara test plates) ซึ่งเป็นแผ่นภาพวงกลมที่มีจุดสีต่าง ๆ กันประกอบกันเป็นตัวเลขหรือสัญลักษณ์ หากสงสัยว่ามีอาการตาบอดสี ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เหมาะสมได้ที่โรงพยาบาลตาหรือคลินิกเฉพาะทางที่มีอุปกรณ์ทันสมัย

Ishihara test plates


อาชีพที่เป็นข้อจำกัดของคนตาบอดสีมีอะไรบ้าง?

กลุ่มอาชีพที่มีข้อจำกัดชัดเจน
บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข - จำเป็นต้องแยกแยะสีของสารเคมี, สัญญาณทางชีววิทยา (เช่น สีผิว, เลือด, ปัสสาวะ), หรือผลการทดลองทางห้องปฏิบัติการได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
- แพทย์ (บางสาขา)
- พยาบาล
- เภสัชกร
- เทคนิคการแพทย์

งานด้านความปลอดภัยและการขนส่ง : การจำแนกสีของสัญญาณไฟ สัญลักษณ์ หรือสายไฟ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง
- นักบิน พนักงานขับเครื่องบิน
- พนักงานขับรถไฟ
- เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ
- พนักงานขับรถขนาดใหญ่หรือรถสาธารณะ (ในบางประเทศหรือบางตำแหน่ง)

ข้าราชการและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
- ทหาร (ในหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะหน่วยรบหรือปฏิบัติการพิเศษ)
- ตำรวจ
- นักเรียนเตรียมทหาร

งานด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
- วิศวกรไฟฟ้า (การแยกสีสายไฟ/ตัวต้านทาน)
- วิศวกรเคมี (การแยกสีสารเคมีในห้องปฏิบัติการ)
- นักวิทยาศาสตร์ในบางสาขาที่ต้องใช้การสังเกตสีในการวิจัย

กลุ่มอาชีพที่มีข้อจำกัดรองลงมา
- งานออกแบบและศิลปะ : แม้จะไม่มีข้อห้ามทางกฎหมาย แต่เป็นข้อจำกัดโดยธรรมชาติของงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนด้านสี
- นักออกแบบกราฟิก
- นักออกแบบแฟชั่น
- จิตรกร
- ช่างภาพ

งานเกี่ยวกับสีโดยตรง
- ช่างทาสี (ที่ต้องการความแม่นยำสูง)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการพิมพ์หรือการตกแต่งภายใน

สิ่งสำคัญคือ ระดับของข้อจำกัดจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของตาบอดสีในแต่ละบุคคล (เช่น ตาบอดสีแดง-เขียว หรือตาบอดสีน้ำเงิน-เหลือง) และมาตรฐานขององค์กรหรือประเทศนั้นๆ อาชีพหลายอย่างยังคงเปิดกว้างสำหรับคนตาบอดสี และบางคนสามารถใช้แว่นตาพิเศษหรือเทคโนโลยีช่วยเหลือเพื่อทำงานบางอย่างได้ดีขึ้น

ที่มา : โรงพยาบาลสมิติเวช, inZ Hospital, วิทยาลัยการทัพบก, Wikipedia

ต้องการทดสอบตาบอดสี ... ไปกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/43887346

กระทู้ความรู้รอบตัวย้อนหลัง
https://pantip.com/profile/933113/topics
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่