ไขสูตร ร้านอาหารในไทย “รวยเงียบระดับพันล้าน” แม้ไม่ค่อยโฆษณา /โดย ลงทุนเกิร์ล

ในยุคที่สื่อออนไลน์ กลายเป็นหัวใจของการโปรโมตแบรนด์ หลาย ๆ ธุรกิจยอมทุ่มงบมหาศาลเพื่อให้คนรู้จัก

แต่รู้ไหมว่า ท่ามกลางสมรภูมิที่ดุเดือดนี้ กลับมีบางแบรนด์ที่สามารถชนะได้แบบเงียบ ๆ โดยแทบไม่ต้องพึ่งการโฆษณา ไม่จัดแคมเปญใหญ่ และไม่จ้างอินฟลูเอนเซอร์ แต่ยังคงมีลูกค้าต่อคิวยาวทุกวัน

เมื่อซูมเข้าไปดูรายได้ ก็พบว่าแบรนด์เหล่านั้น สร้างรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาทต่อปี หรือเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่รวยแบบเงียบ ๆ ก็ได้

อะไรคือสูตรที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ขายดี แม้ไม่โฆษณา ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

เพื่อให้เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างร้านอาหารบนห้างสรรพสินค้าที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อกันดี พร้อมผลประกอบการปี พ.ศ. 2567 ของบริษัทเหล่านี้

https://www.facebook.com/share/p/16p4wvABX4/?mibextid=wwXIfr


ร้านสเต๊ก Eat Am Are
บริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด
รายได้ 1,269 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท

วราภรณ์ ร้านขนมจีบ ซาลาเปา
บริษัท วราภรณ์ สมพงษ์ ฟู้ดส์ จำกัด
รายได้ 1,668 ล้านบาท กำไร 243 ล้านบาท

ฮะจิบัง ราเมน ร้านอาหารญี่ปุ่น
บริษัท ไทยฮะจิบัง จำกัด
รายได้ 3,107 ล้านบาท กำไร 543 ล้านบาท

หากลองวิเคราะห์จุดเด่น และกลยุทธ์การทำธุรกิจของทั้ง 3 ร้าน จะเห็นว่ามีจุดร่วมที่คล้าย ๆ กันในหลายด้าน

อย่างแรกคือ ใช้กลยุทธ์ “เมนูคุ้มค่า ในราคาเข้าถึงง่าย”

ร้านเหล่านี้ไม่ได้วางตัวเป็นร้านอาหารพรีเมียมราคาแรง แต่เลือกที่จะชูความคุ้มค่าที่ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่

- Eat Am Are ร้านสเต๊กจานใหญ่ รสชาติถูกปากคนไทย มาพร้อมเครื่องเคียงให้เลือก ในราคาเริ่มต้น 129 บาท
- วราภรณ์ เมนูขนมจีบและซาลาเปา แป้งนุ่ม รสชาติดี ไส้แน่น ราคาเริ่มต้นหลักสิบบาทถึงหลักร้อยบาทต้น ๆ
- ฮะจิบัง ร้านราเม็นรุ่นบุกเบิกที่ตั้งราคาอาหารไม่แพง นำเสนอเมนูลูกผสมไทย-ญี่ปุ่น คุ้มค่ากับราคา

ความคุ้มค่านี้ จึงกลายเป็น “กลยุทธ์ดึงลูกค้าซื้อซ้ำ” ที่ทรงพลัง เพราะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่าย และกลับมาซื้อซ้ำได้บ่อย โดยไม่ต้องคิดเยอะ

ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่ต้องพึ่งแคมเปญการตลาดใหญ่ หรือใช้งบโฆษณาเยอะ ๆ เพื่อดึงลูกค้าใหม่ตลอดเวลา

ต่อมา คือ “คุณภาพดี และมาตรฐานใกล้เคียงกันทุกสาขา”

แต่ละร้าน มีการรักษามาตรฐานที่แตกต่างกันไป

ร้าน Eat Am Are มีการควบคุมมาตรฐานของรสชาติให้คงที่ จากการทำ SOP หรือการทำเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมาอย่างละเอียด ทำให้พนักงานในครัวรู้ขั้นตอนในการปรุงอาหาร สัดส่วนในการใช้วัตถุดิบ และเวลาในการทำอาหารที่เหมาะสม

ร้านวราภรณ์ก็มีการรักษามาตรฐานสินค้า ด้วยการควบคุมดูแลสินค้าทุกขั้นตอนอย่างดี ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้า

ส่วนฮะจิบัง ราเมน ก็มีครัวกลางในการควบคุมคุณภาพอาหาร ทำให้ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปีก็ตาม เมนูที่เราเคยสั่งก็มีรสชาติเหมือนเดิม

ความสม่ำเสมอนี้ทำให้ลูกค้าวางใจ ไม่ว่าจะสาขาไหน ก็มีรสชาติคล้ายกัน และทำให้แบรนด์เหล่านี้กลายเป็น Comfort Food ของหลายคนโดยอัตโนมัติ

อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “การเลือกทำเล”
หากลองสังเกต ร้านเหล่านี้มักตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน ทำให้ลูกค้าเห็นบ่อย อยู่ใกล้ และเข้าถึงง่าย

จึงไม่ต้องทำการตลาดมาก ก็มีคนเดินเข้าร้านตลอด และค่อย ๆ กลายเป็นร้านประจำของพนักงานออฟฟิศ ครอบครัว และนักศึกษาไปโดยปริยาย

เรียกได้ว่า ทั้ง 3 แบรนด์นี้ เป็นเคสตัวอย่างของธุรกิจที่น่าสนใจ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า หาก “อร่อย คุ้มค่า มาตรฐานดีเสมอ” ก็สามารถสร้างยอดขายหลัก 1,000 ล้านบาทได้ แม้จะไม่ได้เป็นแบรนด์ที่โฆษณาหนัก

เพราะร้านเหล่านี้เติบโตจากปากต่อปาก ลูกค้าที่ประทับใจจะบอกต่อกันเอง รีวิวเกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง ลูกค้ากลับมาซ้ำโดยไม่ต้องกระตุ้น และต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่จึงแทบเป็นศูนย์

เพราะบางครั้ง การตลาดที่ทรงพลังที่สุด คือการไม่ต้องทำการตลาดเลย แต่ให้ลูกค้าเป็นคนเล่าแทน..

Reference :
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่