เปรียบเทียบเครื่องบินขับไล่ F-35A ปะทะ Gripen E/F สองดาวเด่นจากเครื่องบินต่างยุค

ในวงการอากาศยานด้านการทหารยุคปัจจุบันยังคงมีการถกเถียงเรื่อง "ความคุ้มค่า" และ "ประสิทธิภาพ" ระหว่างเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) กับ ความคล่องตัวและระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) วันนี้ลองเปรียบเทียบสเปกระหว่าง F-35A จากสหรัฐอเมริกา ตัวแทนยุคที่ 5 และ Gripen E/F จากสวีเดน ตัวแทนยุค 4.5 ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่
https://www.tnnthailand.com/tech/219283/?fbclid=IwdGRjcAOgD_tleHRuA2FlbQIxMQBzcnRjBmFwcF9pZAo2NjI4NTY4Mzc5AAEe4CrQkf43LPDszuIxrLCtR6L0BmDHNVm-jyfNbR5dgR7zkUurQiIScL2T17Y_aem_cvuExO1vCFmpv5nogRQruA



ในวงการอากาศยานด้านการทหารยุคปัจจุบันยังคงมีการถกเถียงเรื่อง "ความคุ้มค่า" และ "ประสิทธิภาพ" ระหว่างเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) กับ ความคล่องตัวและระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) วันนี้ลองเปรียบเทียบสเปกระหว่าง F-35A จากสหรัฐอเมริกา ตัวแทนยุคที่ 5 และ Gripen E/F จากสวีเดน ตัวแทนยุค 4.5 ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่

1. ยุคสมัยและจุดขาย (Generation & Highlights)
F-35A เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 ชูจุดเด่นเรื่องการล่องหนเต็มรูปแบบ  (VLO Stealth) ผสานกับระบบ Sensor Fusion ที่ทำให้นักบินรับรู้สถานการณ์รอบตัวได้เหมือนมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง เน้นการตรวจจับศัตรูให้ได้ก่อนโดยที่ศัตรูไม่รู้ตัว 
ในขณะที่ Gripen E/F เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5 แม้จะไม่ใช่สเตลธ์ล่องหนแต่ทดแทนด้วยระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) ที่ก้าวหน้า และ ความคล่องตัวสูง เน้นความอยู่รอดด้วยการรบกวนสัญญาณและการเคลื่อนที่

2. ความเร็วและพิสัยบิน (Speed & Range)
ในด้านความเร็ว Gripen E/F ดูจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่ F-35A เน้นการบินเดินทางด้วยความเร็วสูงแบบต่อเนื่อง ความเร็วสูงสุด Gripen E/F ทำได้ถึง Mach 2.0 ซึ่งเร็วกว่า แต่แลกมาด้วยการถูกตรวจจับได้ง่ายกว่า ในขณะที่ F-35A ทำได้ Mach 1.6 
ในส่วนพิสัยการบินสูสีกันมาก โดย Gripen บินได้ไกล 1,300 กม. รวมถังน้ำมันภายนอก ส่วน F-35A บินได้ 1,200 กม. ด้วยเชื้อเพลิงภายในเท่านั้นเพื่อรักษาคุณสมบัติสเตลธ์

3. เขี้ยวเล็บ (Weapons)
เครื่องบินขับไล่ F-35A ติดตั้งอาวุธภายในลำตัวเพื่อคงความล่องหน โดยมีทีเด็ด คือ จรวด AIM-120 AMRAAM ในขณะที่ Gripen E/F โดดเด่นด้วยการรองรับขีปนาวุธ Meteor ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น จรวดอากาศสู่อากาศที่ดีที่สุดในโลกรุ่นหนึ่งขณะนี้

4. ความยืดหยุ่นทางยุทธวิธี (Logistics)
ในด้านความง่ายในการใช้งานและการส่งกำลังบำรุง Gripen E/F ถือว่ามีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความสามารถในการขึ้นลงบนถนนหลวงระยะสั้นเพียง 800 เมตร ซึ่งช่วยให้การกระจายกำลังรบไปยังหัวเมืองหรือพื้นที่ห่างไกลทำได้คล่องตัวกว่า F-35A ที่จำเป็นต้องใช้สนามบินมาตรฐาน 
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยชี้ขาดที่สำคัญที่สุดคือเรื่องงบประมาณ ทั้งราคาเครื่องที่ Gripen ต่ำกว่า (4,800 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 7,000 ล้านบาท ของ F-35A) และค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงบินที่ประหยัดกว่ากันอย่างมหาศาล โดย Gripen อยู่ที่เพียง 300,000 - 500,000 บาท ในขณะที่ F-35A พุ่งสูงถึง 1,000,000 - 1,400,000 บาท

5. ใครซ่อนตัวเก่งกว่ากัน?
หากเจาะลึกเกร็ดข้อมูลเรื่องการซ่อนพรางตัวผ่านการเปรียบเทียบพื้นที่สะท้อนเรดาร์ (RCS) จะเห็นนิยามของคำว่า "Stealth" ได้ชัดเจนที่สุด โดย F-35 มีความได้เปรียบอย่างขาดลอยด้วยขนาดการสะท้อนที่เล็กเท่ากับ "ลูกกอล์ฟหรือแมลงวัน" ขนาด 0.005 ตร.ม. จนเรดาร์แทบตรวจจับไม่ได้ ในขณะที่ Gripen E/F นั้น แม้จะพัฒนาให้มีขนาดการสะท้อนเล็กลงกว่าเครื่องบินยุคเก่า แต่ก็ยังเทียบได้กับ "นกอินทรีขนาดใหญ่" ขนาด 0.1 - 0.5 ตร.ม. ซึ่งถือว่ายังใหญ่กว่า F-35 อยู่หลายเท่าตัว

การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและงบประมาณ หากต้องการเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก อำนาจการทำลายล้างแบบลอบเร้น และงบประมาณไม่ใช่ปัญหา F-35A คือคำตอบ แต่หากเน้นความคุ้มค่า ความยืดหยุ่นในการตั้งฐานบิน และการป้องกันประเทศที่เน้นปริมาณการขึ้นบินได้บ่อยครั้ง Gripen E/F คือตัวเลือกที่สมเหตุสมผลและอันตรายไม่แพ้กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่