การใช้ AI ในการสร้างเพลงและงานสร้างสรรค์ต่างๆ จากมุมมองคนทำอาชีพครีเอทีฟ

กระทู้สนทนา
พอดีได้อ่านกระทู้นึงเกี่ยวกับ "เพลงที่ถูกสร้างจาก AI"
แล้วตัวเองก็ได้ไปให้ข้อมูลและความเห็นไว้
ก็เลยขอยกมาไว้เป็นกระทู้ใหม่เลยละกันครับ

ถือว่าเป็นแค่ความเห็นของคนๆ นึง ที่ทำอาชีพโดยตรงเกี่ยวกับงานครีเอทีฟด้านต่างๆ  นานเกินกว่า 20 ปี
ซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ เพลง ดนตรี ดีไซน์ ภาพยนตร์ การเขียน รวมถึงงานสร้างสรรค์ต่างๆ ฯลฯ  อะไรประมาณนี้

กระทู้นี้ยาวนะครับ  ใครขี้เกียจอ่าน ก็ข้ามไปได้เลยครับ ^^

--------------------------------

ประเด็นหลักที่คนยกมาพูดถึงกันบ่อยๆ คือ เพลงที่ถูกสร้างจาก AI
(และอาจจะรวมไปถึงงานสร้างสรรค์ด้านอื่นๆ ด้วยครับ)

คือ  ผมทำงานในแวดวง creative เป็นหลัก และเกี่ยวข้องกับดนตรีอยู่บ้าง
ผมก็พบว่า งานที่ใช้ "เทคโนโลยี" มาช่วยในการสร้างสรรค์/ผลิตงาน ก็เป็นประเด็นให้คนถกเถียงกันมาเรื่อยๆครับ

ยกตัวอย่างเช่น ....
สมัยที่ยังไม่มี computer graphic เกิดขึ้น และไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างงานศิลปะ งานสร้างสรรค์ต่างๆ  
ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง วิดีโอ ฯลฯ
จนมาถึงยุคที่มี computer graphic มาช่วยในการสร้างสรรค์งานกันเป็นเรื่องปกติ

มันก็จะมีคนตั้งคำถามถึงเรื่องประมาณว่า  .....ฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์  คุณค่าทางศิลปะ ...ฯลฯ  
ว่า มันโอเคมั้ย  มันมีคุณค่าทางศิลปะแค่ไหน....???  

ซึ่งผลของการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในงานสร้างสรรค์
มันก็มีผลงานที่ปะปนกันไป   ทั้งใช้ฝีมือ/สมองของคน บวกกับการพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย
ส่วนรายละเอียดก็แยกแยะได้ง่ายบ้าง ยากบ้าง ว่าในแต่ละงาน มีส่วนของคนทำกี่% ใช้มันสมองคนกี่% และใช้เทคโนโลยีช่วยกี่%

แต่ทุกวันนี้  งาน graphic design โดยใช้งานผ่านตัวช่วยอันมหัศจรรย์อย่าง computer ต่างๆ  โปรแกรมต่างๆ
ก็กลายเป็นงานที่ใช้กันแพร่หลาย   อคติของผู้คนก็น้อยลงมากๆ  
จนเรียกได้ว่า   งานออกแบบต่างๆ ทั่วทั้งโลกนี้ แทบจะ 80-90% จะใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย

--------------------

ในวงการดนตรีก็เช่นกันครับ   การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างงาน ก็มีมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว หลายท่านก็คงทราบดี
แต่ในยุค AI นี้   ที่มันจะเป็นปัญหาให้ถกเถียงกันไปอีกนานพอสมควร  ผมมองว่า  มี 2 ประเด็นใหญ่ๆ  คือ

1.  เรื่องทัศนคติ หรือ อคติ ของผู้คน

แน่นอนครับว่า  เวลาอะไรที่กำลังฮิต มาใหม่ มาแรง  หรือเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานง่าย
มันก็จะเกิด "ความเกร่อ"   หมายถึงว่า เกิดสิ่งนั้นขึ้นในปริมาณมากๆๆๆๆๆๆๆ   จนผู้คนเริ่มเอียน เบื่อ  

เพลงเอไอ ที่ถูกผลิตโดยคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีความรู้ หรือทักษะพอสมควรในการแต่งเนื้อเพลง แต่งทำนอง เรียบเรียงดนตรี  ฯลฯ
ผลงานที่ออกมาก็เลยมีเรื่องปริมาณมากกว่าคุณภาพ  

หลายคนก็มองประมาณว่า ไม่ต้องมีทักษะอะไรทางแต่งเพลง ทางดนตรีเลย  
แค่มั่วๆ อะไรไป หรือ สั่งให้ AI ทำ  แล้วแค่กดปุ่ม
ก็ได้ผลงานเพลงออกมาภายในไม่กี่นาที  อะไรประมาณนั้น
ทำให้เกิด อคติ ว่า คุณภาพเพลงพวกนี้แย่ไปหมด ไม่ว่าจะเนื้อร้อง ทำนอง  การออกเสียงเพี้ยน  ฯลฯ
ซึ่งมันก็สะท้อนความจริงแหละครับ  แต่เป็นความจริงแค่ส่วนนึง ไม่ใช่ทั้งหมด

เพราะจริงๆ แล้ว มันก็มีคนจำนวนนึง ทั้งไทยและ ตปท.  ที่มีทักษะในด้านเนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี
แล้วใช้ AI เพื่อมาช่วยในการผลิตงานบางส่วน ไม่ได้แค่ "กดปุ่ม" สั่งให้ AI ทำงานให้ทุกอย่าง
คือ มีมนุษย์เป็นผู้กำหนด เป็นผู้ควบคุม เป็นผู้คิดวางแผน และมนุษย์ก็เป็นผู้ลงมือทำด้วยตัวเองในบางส่วน
และบางส่วนก็สั่งให้ลูกมือ ซึ่งก็คือ AI  ทำหน้าที่เปรียบเสมือนอุปกรณ์ (tools)
เพื่อช่วย support ในการสร้างงานให้ได้ดั่งที่มนุษย์ต้องการ

เหมือนทุกวันนี้ ที่เราใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ กลไกต่างๆ
ใช้ช่วยในการก่อสร้าง ออกแบบ พิมพ์ดีด ทำไฟล์เอกสาร การผลิตต่างๆ  ทำเรื่องต่างๆ สารพัด

เพียงแต่ที่มันวุ่นวายหน่อยอันเกี่ยวกับงานศิลปะและงานสร้างสรรค์ต่างๆ  
เพราะงานสร้างสรรค์ งานศิลปะต่างๆ  มันจะมีเรื่องของอีโก้ หรือมันมีค่านิยมเรื่องที่ว่า  
คุณค่าของงานศิลปะ งานสร้างสรรค์  ต้องคิดเอง สร้างเอง จากมันสมอง จากฝีมือของตนเอง (ให้ได้มากที่สุด)

....ทีนี้  งานศิลปะและงานสร้างสรรค์ทั่วไป ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีมาช่วย
มันก็มีทั้งเกิดจากมันสมองตัวเองล้วนๆ บ้าง  
ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งอื่นๆ บ้าง หรือ มาจากไอเดียของคนอื่นบ้าง แล้วนำมาดัดแปลง
หรือแม้แต่ตั้งใจนำไอเดีย  นำแนวคิดของผู้อื่นมาพัฒนา ดัดแปลง เพราะมันง่ายและสะดวกดี
(ถ้าเรียกแบบดุๆ หน่อย ก็เรียกว่า copy) เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ในงานสร้างสรรค์นั้น  
ถ้าเราจะจัดระดับ หรือ ดีกรีของความเป็น original  แท้ๆ   คือ คิดเองจากมันสมองตัวเองล้วนๆ  
มันก็จะมีดีกรี มีระดับที่หลากหลาย  ไม่ว่าจะงานด้านเพลง ด้านออกแบบ  ด้านสร้างสรรค์ใดๆ ก็ตาม
เช่น  คิดเองประมาณ 90%  แต่ได้รับแรงบันดาลใจ หรือ ต่อยอด ดัดแปลงจากงานผู้อื่น 10%
หรือ เอาของผู้อื่นมาผสมผสานกันสัก 95%  แล้วดัดแปลงด้วยตัวเอง/คิดเองสัก 5%
....บลา บลา   อะไรแบบนี้

เพราะในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ  มันก็เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ รับรู้ เรียนรู้ ดัดแปลง ต่อยอด พัฒนา
จากงานของผู้อื่นๆ ที่เคยได้ผ่านหูผ่านตามา   เช่น หนังที่เคยได้ดู  เพลงที่เคยได้ฟัง  หนังสือที่เคยได้อ่าน ....ฯลฯ
มันก็ผสมปนเปกันไป  จะแยกคร่าวๆ ก็ประมาณที่เขียนไว้ คือ  
- คิดเองทำเองกี่%  
- หรือไปนำของคนอื่นมาต่อยอด/มาดัดแปลงกี่%
- หรือมีเทคโนโลยีมาช่วยคิด/ช่วยสร้างกี่% ....ฯลฯ

-------------------

ส่วนปัญหาที่ผู้คนตั้งแง่ต่อ AI  ก็รวมไปถึงอคติของผู้คนจำนวนมาก ที่จะรู้สึกด้านลบต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ  
ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลร้ายต่อตัวเอง
เช่น  บุคคลจำนวนนึง ต้องตกงาน หรือมีงานน้อยลง จากการมาทดแทนด้วยเทคโนโลยี
แต่ในด้านตรงข้าม  ก็จะมีบุคคลจำนวนนึง ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
เรียกได้ว่า  มันมีทั้งคนได้และเสียประโยชน์ครับ
หรือคนที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียโดยตรง แต่รู้สึกรำคาญอะไรที่มันเกร่อ มันตามกระแส มันเยอะล้นหูล้นตา ก็มีครับ

เพราะฉะนั้น ในแง่นี้   มันก็มีเหตุผลที่คนรู้สึกอคติต่อ AI  ทั้งในด้านความเกร่อ ความมากมายด้วยปริมาณแต่ด้อยคุณภาพ
และการเปลี่ยนแปลงที่เทคโนโลยีจะมาส่งผลกระทบต่อชีวิต  เป็นต้น


--------------------

2.  ประเด็นปัญหาในด้านกฎหมายต่างๆ  เช่น ด้านลิขสิทธิ์

นี่คือเป็นปัญหาที่น่าจะจบลงได้ไม่ยากนัก ถ้ามีการหาข้อสรุปกันอย่างเป็นธรรม
แต่ที่มันวุ่นวาย เพราะ เรื่องงานสร้างสรรค์ต่างๆ  ลิขสิทธิ์  การคุ้มครองสิทธิ์ต่างๆ
มันไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาลของกลุ่มธุรกิจใหญ่ระดับโลก
เพราะฉะนั้น  เรื่องพวกนี้ ยังหาข้อสรุปแบบฟันธงได้ยากในตอนนี้

แม้แต่ยุคก่อนจะมี AI   การถกเถียงกันเรื่องลิขสิทธิ์  
เช่น เพลงนั้น ไป copy เพลงอื่น
เพลงนี้ไปมีทำนองคล้ายเพลงนั้น
เพลงโน้น มีท่อนดนตรีที่คล้ายกับเพลงนู้นนน...  บลา บลา

มันก็ต้องหากรอบกติกาที่เป็นมาตรฐานมาเป็นเกณฑ์ว่า  จะพิจารณากันยังไง?
เช่น  ต้องมีตัวโน้ตเหมือนกัน เรียงต่อกัน  จำนวนเท่าไหร่???   หรืออื่นๆ

ซึ่งมันก็มีประเด็นยิบย่อยอยู่ที่จะไม่สามารถครอบคลุมได้หมด  
แต่อย่างน้อย ก็พอจะหากติกามาตรฐานได้ว่า จะกำหนดยังไงให้เป็นสากล ให้เป็นธรรมมากที่สุด


โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่