JJNY : สันติธารชี้ โลกเปลี่ยน│‘ผู้ว่าฯสงขลา’เผยแนวทางกำจัดขยะ │อังกฤษคว่ำบาตร “หน่วยข่าวกรองรัสเซีย”│เตือน 10 จว.ฝนหนัก

สันติธาร ชี้ โลกเปลี่ยน เกมท่องเที่ยวเข้มขึ้น ไทยพร้อมหรือยัง?
https://www.matichon.co.th/economy/news_5488998
.

.
สันติธาร ชี้ โลกเปลี่ยน เกมท่องเที่ยวเข้มขึ้น ไทยพร้อมหรือยัง?
.
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักยุทธศาสตร์แห่งอนาคต อดีตผู้บริหารบริษัทเทคฯและภาคการเงินระดับโลก โพสต์ผ่าน เฟซบุ๊ก ระบุข้อความดังนี้
.
การท่องเที่ยวเรายังแข่งขันได้ไหม ในโลกที่เปลี่ยนไป นี่คือคำถามที่ไทยควรเริ่มถามตัวเองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในวันที่โลกการท่องเที่ยวกำลังเข้าเฟสใหม่
.
ในรายงาน 3 ชิ้นล่าสุด ของ World Economic Forum (WEF) มีหลายประเด็นที่สะท้อนชัดว่า การท่องเที่ยวยุคใหม่ เป็นเกมที่ต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ขอหยิบประเด็นที่ผมมองว่าไทยควรให้ความสำคัญมาแชร์ครับ
1. นักเดินทางไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 
.
ภายในปี 2034 การท่องเที่ยวโลกจะสร้างมูลค่ามากกว่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ และมีจำนวนทริปสูงกว่า 30,000 ล้านครั้งต่อปี สิ่งที่เปลี่ยนมากที่สุด คือ “ใครคือผู้เดินทาง และเขาต้องการอะไร” เครื่องยนต์หลักของการเติบโต ไม่ใช่ยุโรปหรืออเมริกา แต่คือชนชั้นกลางในเอเชีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และอาเซียน
.
คนกลุ่มนี้เดินทางบ่อยขึ้น มองหาความคุ้มค่า ความสะดวก และประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตนมากกว่าแค่ไปเยือนสถานที่สำคัญ ต้องการ “ความหมาย” มากกว่า “ภาพถ่าย” “เรื่องราว + ประสบการณ์” มากกว่าแค่ “สินค้า” เทรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดของโลกตามรายงาน WEF ได้แก่ Live-event tourism โตเฉลี่ยปีละประมาณ 16% Ecotourism โตประมาณ 14% MICE โตประมาณ 9%
Wellness tourism โตประมาณ 8%
.
และเมื่อการทำงานแบบยืดหยุ่นกลายเป็นเรื่องปกติแนวโน้ม Workation ก็ทำให้เมืองท่องเที่ยวต้องเป็น “เมืองน่าอยู่ไป” พร้อมกัน ปัจจัย เช่น internet คุณภาพสูง, long-stay accommodation, และ พื้นที่ทำงานร่วมสมัยจะยิ่งสำคัญ
.
2. แรงกดดันรูปแบบใหม่
.
โอกาสใหญ่ขึ้น แต่ความเสี่ยงก็ใหญ่ขึ้นเช่นกัน  Overtourism – หลายเมืองทั่วโลก พบว่าจำนวนคนเพิ่มเร็วกว่าโครงสร้างพื้นฐานรองรับ จนเกิดปัญหาน้ำไม่พอ ขยะล้น ถนนแออัด และความขัดแย้งกับชุมชนในพื้นที่
แรงงาน – AI อาจเริ่มเข้าแทนงานบริการจำนวนมาก หากประเทศใดไม่ยกระดับความสามารถของแรงงาน จะติดอยู่ในกับดักแรงงานราคาถูกและบริการคุณภาพต่ำ
.
สิ่งแวดล้อม – หากไม่มีมาตรการใหม่ การท่องเที่ยวอาจปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 15% ของโลก
หลายเมืองในแถบเอเชียเริ่มเผชิญน้ำท่วม ไฟป่า คลื่นความร้อนที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและรูปแบบการเดินทางของคนทั่วโลก อาจต้องเปลี่ยนจากเช็คเมื่อไรดอกไม้สวย ไปเป็นเมื่อไรไม่ค่อยเสี่ยงฝุ่น น้ำท่วม ฯลฯ
.
3. การท่องเที่ยวไม่ใช่ “อุตสาหกรรม” แต่เป็น “ระบบนิเวศ” ที่ต้องขยับพร้อมกัน
.
รายงาน WEF เตือนว่า หลายนโยบายที่ประเทศต่าง ๆ ใช้มักไม่สำเร็จ เพราะทำแบบ “แยกส่วน” โดยคิดว่าการท่องเที่ยวเป็นเรื่องของกระทรวงท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างของการทำ แบบเดี่ยว ๆ แล้วล้มเหลว ซึ่งบางข้ออาจฟังดูคุ้นๆ
.
หนึ่ง ขยายสนามบินหรือถนน แต่ไม่แก้ระบบน้ำ ขยะ และที่อยู่อาศัยของชุมชน ทำให้เกิดความแออัดและชาวบ้านเริ่มต่อต้าน 
.
สอง ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวเพิ่ม โดยไม่ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานหรือดูแลระบบนิเวศ ส่งผลให้รายได้ต่อหัวไม่เพิ่ม แต่ต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น  
.
สาม ออกนโยบายสีเขียว แต่ไม่มีระบบกำกับที่ทำงานร่วมกันหลายกระทรวง ทำให้มาตรการใช้จริงไม่ได้และกลายเป็น greenwashing
.
สี่ ใช้แรงงานราคาถูกเพื่อดึงต้นทุนลงในระยะสั้น แต่คุณภาพบริการตกลง เทิร์นโอเวอร์สูง ทำให้ธุรกิจและทั้งอุตสาหกรรมไม่พัฒนา ห้า จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวโดยไม่จัดการด้านราคา คุณภาพสินค้า หรือสนับสนุน SME ทำให้รายได้ลดลงและผู้ประกอบการท้องถิ่นได้รับผลกระทบหนักกว่าเดิม
.
ทั้งหมดนี้สะท้อนความจริงว่า การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับผังเมือง โครงสร้างพื้นฐาน แรงงาน ขนส่ง สิ่งแวดล้อม ดิจิทัล การศึกษา และชุมชนในพื้นที่อย่างลึกซึ้ง ถ้าฟันเฟืองหนึ่งไม่ขยับ ฟันเฟืองอื่นจะต้านจนระบบทั้งหมดสะดุด
.
4. โมเดลการแก้ปัญหาที่น่าสนใจจากต่างประเทศ
.
มีหลายกรณีศึกษาที่ WEF ยกขึ้นเป็นตัวอย่างว่าการทำงานแบบ “ระบบนิเวศ”
.
โปรตุเกส – แก้ปัญหาเมืองใหญ่ล้นและเมืองรองไม่โต ตั้งคณะกรรมการระดับชาติที่รวมผังเมือง คมนาคม สิ่งแวดล้อม การเงิน และท่องเที่ยวมานั่งโต๊ะเดียวกัน ตั้งกองทุน Tourism Investment Fund ที่รัฐลงทุนร่วมเอกชนเพื่อเพิ่มการลงทุนในเมืองรองและโครงสร้างพื้นฐาน ผลลัพธ์คือรายได้ท่องเที่ยวโตมากกว่าเท่าตัวในสิบปี และสัดส่วนนักท่องเที่ยวในเมืองรองเพิ่มจาก 28% เป็น 36%
.
นิวซีแลนด์ -ใช้โมเดล Regenerative Tourism เก็บ Visitor Levy และนำเงินไปฟื้นฟูธรรมชาติ พัฒนาห้องน้ำ เส้นทางเดิน และระบบความปลอดภัย พร้อมสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลระดับชาติที่เชื่อมมือถือ โรงแรม บัตรเครดิต และสายการบิน ทำให้เห็นภาพชัดว่าจุดไหนล้น จุดไหนควรกระจาย จนสามารถจำกัดคนแบบมีข้อมูลรองรับและทำให้คนพื้นที่สนับสนุน
.
โบโรบูดูร์ ในอินโดนีเซีย – การกำหนดราคาแบบ dynamic pricing แยกช่วงพีคและโลว์ ตลอดจนกำหนดจำนวนเข้าชมเป็นรอบ ๆ ทำให้จำนวนคนลดลง 29% แต่รายได้เพิ่มขึ้น และช่วยปกป้องโบราณสถานจากการเสื่อมสภาพ
.
สิงคโปร์ – ยกระดับแรงงานโดยเน้นทักษะที่โยกไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้ (Transferable skills) เช่น ทักษะด้านเทคโนโลยี หรือ งานบริการคุณภาพสูง ที่ใช้ได้ทั้งในโรงแรม ร้านค้า สนามบิน หรือทักษะการจัดอีเวนต์ที่ใช้ได้ทั้งใน MICE คอนเสิร์ต หรือแม้แต่ด้านโลจิสติกส์ ทำให้แรงงานมีใช้เทคโนโลยีเป็น รายได้ดีขึ้น และที่สำคัญยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะสามารถย้ายกลับไป-มาทำอุตสหากรรมอื่นๆได้
.
5. เราพร้อมหรือยัง
.
ในปีนี้เราเห็นแล้วว่าการท่องเที่ยวแข่งขันเข้มขึ้นมาก และต่อไปน่าจะยิ่งท้าทาย เพราะหลายประเทศก็ต้องการรายได้จากท่องเที่ยว เราอาจจะเล่นเก่งในอดีต แต่นี่ไม่ใช่เกมที่เราตื่นมาชนะได้เหมือนเดิม รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่า “เกมกำลังเปลี่ยน”
.
โลกการท่องเที่ยวกำลังเดินหน้าเร็วมาก ประเทศที่ไม่ยอม “อัพเกรดระบบ” จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ประเทศที่คิดแบบ ecosystem พร้อมใช้ข้อมูล-เทคโนโลยี พร้อมลงทุนในคน พร้อมปกป้องธรรมชาติ จะกลายเป็นผู้นำของเศรษฐกิจท่องเที่ยวยุคใหม่
.
https://www.facebook.com/Drsantitarn/posts/pfbid0yNmm5YGakKcKVH6T9quzd7ixrzsEB4pdrxM1Zz6wfpM2175RZpxtXWh4aHwX45Swl
.

.
‘ผู้ว่าฯสงขลา’ เผยแนวทาง กำจัดขยะหลังน้ำท่วมใหญ่
https://www.dailynews.co.th/news/5370680/
.
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผยแนวทางจัดการขยะหลังน้ำลด เร่งขนย้ายขยะจากตัวเมืองสู่โรงงานผลิตไฟฟ้าจากมูลฝอยเกาะแต้ว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
.
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. วานนี้ ที่บริเวณบ่อขยะ โรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอยเกาะแต้ว ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาขยะ ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่หลังน้ำท่วม พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการเร่งแก้ไขปัญหาขยะตกค้างจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วเมือง
.
ขณะนี้จังหวัดสงขลา ยังคงร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งจัดการกับปัญหาขยะอย่างต่อเนื่อง โดยมีศูนย์ปฏิบัติการกองอำนวยการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นหน่วยหลักในการประสานการปฏิบัติ ขณะที่จังหวัดสงขลา ได้จัดหาพื้นที่สำหรับนำขยะมากองพักชั่วคราว เนื่องจากจุดกองขยะภายในเมืองเริ่มส่งผลกระทบด้านกลิ่นและสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องรีบจัดหาพื้นที่เหมาะสม ในการพักและกำจัดขยะเพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
.
โดยก่อนหน้า ได้มีการประชุมร่วมกับนายกเทศมนตรีนครสงขลา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะแต้ว และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา มีข้อสรุปให้นำขยะจากเมืองหาดใหญ่มาพักไว้ที่จุดพักคอยขยะ บริเวณโรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอยเกาะแต้ว ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ทิ้งขยะของเทศบาลนครสงขลา อยู่ติดกับโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะของบริษัท TPI ซึ่งสามารถนำขยะดังกล่าวมากำจัดได้เมื่อเดินเครื่องเต็มระบบ
.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณขยะที่นำมากองรวมมีมากกว่า 5,000 ตันแล้ว ขณะที่โรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะยังไม่เปิดเดินเครื่องได้ ทางจังหวัดจึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดให้โรงงานฯ รีบเปิดดำเนินการ จากเดิมที่กำหนดเปิดในเดือนมกราคม เลื่อนมาเป็นวันที่ 12 ธันวาคมนี้ โดยหากเปิดเดินเครื่องได้ ก็จะสามารถทยอยกำจัดขยะวันละประมาณ 500 ตัน ส่วนของพื้นที่บริเวณนี้คาดว่าจะรองรับปริมาณขยะได้สูงสุดถึง 150,000 ตัน ซึ่งจะช่วยลดการตกค้างในเมืองได้อย่างเเน่นอน
.
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวอีกว่า จากการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงบ่ายวันนี้ (4 ธ.ค. 68) ได้มีมติให้เร่งขนย้ายขยะทั้งหมดจากเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ไปยังจุดพักคอยขยะที่โรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอยเกาะแต้ว พร้อมกำชับให้ตรวจสอบอุปสรรคและเร่งแก้ไขเพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำหรับจุดพักขยะบริเวณสี่แยกสะพานดำนั้น จะทยอยขนย้ายทั้งหมดเพื่อลดผลกระทบด้านกลิ่นและภาพรวมความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง
.
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังฝากทิ้งท้ายให้ชาวบ้านในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้นำขยะจากภายในบ้านหรือในซอยออกมาวางไว้ริมถนนใหญ่ เพื่อให้ทหาร เจ้าหน้าที่พลเรือน และอาสาสมัคร สามารถเข้าเก็บและรวบรวมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากรถขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ซอยแคบได้ โดยที่ประชุมมีมติให้ อบจ.สงขลาและเทศบาลนครหาดใหญ่จัดหารถขนาดเล็กเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการเก็บขยะในพื้นที่ชุมชนอย่างทั่วถึง
.
ส่วนความกังวลเรื่องไทม์ไลน์ 14 วัน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลายอมรับว่าปริมาณขยะมีจำนวนมาก แต่ทุกหน่วยงานจะพยายามดำเนินงานให้เร็วที่สุด โดยมีองค์กา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่