ปกติ เป็นแฟน ผลิตภัณฑ์ดูแลรถ แบรนด์ Chemical guys มาเกิน 10 ปีครับ ..
เหตุผล ก็ไม่มีอะไรมาก .. มันหาซื้อง่าย ราคารับได้ คุณภาพพอใจ ครับ ในขณะที่แบรนด์อื่นชอบ ผลุบๆโผล่ๆ รอบนี้หาได้ รอบหน้าหาไม่ได้ อะไรประมาณนี้
ในส่วนของน้ำยาเคลือบเบาะหนัง ก็เช่นกัน ยุคแรกๆจะใช้
- Sprayable Leather Cleaner & Conditioner .. ตัวนี้ ลงแล้ว จะมีกลิ่นติด เป็นกลิ่นคล้ายเบาะหนังใหม่ๆ ใครขึ้นรถก็จะชมว่า กลิ่นรถใหม่ยังอยู่
แล้วก็ขยับมาเป็นเจ้า
Leather Protectant Serum
- เข้าใจว่า น่าจะเป็นตัว Top ของค่ายนี้ที่ขายในบ้านเราในอดีต ข้อดี ที่เหนือกว่า ก็คือ ลงแล้วไม่มีกลิ่นติดเบาะ (อันนี้แล้วแต่ชอบ) กับ ลงแล้ว หนังมันนุ่มขึ้น ทั้งหนังเบาะ และ หนังพวงมาลัย
ราคา อยู่ที่ 1,4XX บาท ต่อ ขวด
- ผมใช้เจ้า Serum มานมนาน ผมว่า มีเกือบ 10 ปีได้ ขวดนึง ผมใช้ 2 - 3 ปีนะครับ จนตอนนี้ มันใกล้จะหมด ทีแรกว่าจะซื้อตัวเดิมแหละ แต่หาไม่ได้แฮะ เหมือนตกรุ่นไปแล้ว มีตัวใหม่มาแทน แต่ก็ไม่มั่นใจว่า เป็นอย่างไร ว่าจะหาตัวทดลอง มาลอง หาใน shopee หาไปหามา ไปเจอกับเจ้า ...
Autoglym Leather Care Balm
- จริงๆค่ายนี้ เป็นแบรนด์น้ำยาเคลือบสี ที่รู้จักแบรนด์แรกเลย เพราะยุคนั้น แถม Super Resin มากับ น้ำมันเครื่อง Mobil1 (ยุคผมเรียน ม.ปลาย 55+) แล้วพอจบมาทำงาน ก็ไปยุ่งๆกับแบรนด์นี้ เลยได้ น้ำยาเคลือบสี Extra Gloss มาใช้อยู่พักนึง
- ผมสั่งมา เป็นขวดแท้ แต่ปริมาณ 250ml นะครับ ขอเอามาลองก่อน แต่ถ้าปริมาณเต็ม 500 ml ก็จะอยู่ 1,350 บาท ครับ สูสีแอบถูกกว่าตัวข้างบนนิดนึง
รีวิวดีกว่า
1. ความข้นใส
- CG เป็นขวดสเปรย์ น้ำยาจะหนืดกว่าชัดเจน ซึ่ง ข้อดีก็คือ เรากะปริมาณน้ำยา ได้แม่นกว่า แล้วก็ ในปริมาณเท่ากัน จะลงได้พื้นที่เยอะกว่า
- AG เป็นขวดเท น้ำยาจะเหลวกว่าสักหน่อย มาแรกๆ เทพรวดเดียว ออกมาเต็มฟองน้ำเลย
2. กลิ่น
- CG กลิ่นคล้ายหนัง อ่อนๆ ในขณะลง แต่พอแห้งแล้ว ไม่มีกลิ่น
- AG กลิ่นเหมือนสารเคมี หรือ ยา แต่อ่อนๆเช่นกัน พอแห้งแล้ว ไม่มีกลิ่น เช่นกัน
3. ความเงา
- ตอนลงเสร็จใหม่ๆ .. ผมให้พอๆกันไม่ต่างกัน

- แต่ถ้าทิ้งไว้สักพัก (ราว 1 ช.ม.)

- CG จะยังเงาเหมือนเดิม
- AG พอแห้ง จะเริ่มไม่เงาละ สังเกต จะสูสี หนังชิ้นที่ไม่ได้ลง
4. ความเหนียว
- น้ำยาราคาระดับนี้ ไม่มีใครเหนียว ดูดฝุ่น ติดมือ ทั้งคู่ครับ
5. ความลื่น
- CG จะลื่นกว่า AG อยู่เล็กน้อย
- AG ลื่นกว่า หนังที่ไม่ได้ลง อยู่นิดนึง
6. ความนุ่ม
- อันนี้ ก็ให้สูสีครับ คือ นุ่มขึ้นทั้งคู่ จริงๆ อันนี้ เอาไปลองลงหนังหุ้มพวงมาลัย จะสัมผัสได้ค่อนข้างชัดว่า หนังนุ่มมือขึ้น
สรุปว่า ..
- ใช้ได้ทั้งคู่แหละ
CG กลิ่นจะเป็นมิตรกว่า ลงแล้ว หนังเงาขึ้นเล็กน้อย
AG กลิ่นเหมือนยา ลงแล้ว หนังจะไม่เงา อารมณ์เหมือนวันรับรถป้ายแดง
ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบนะครับ ผมได้ทั้งคู่แหละ ช่วงไหน ใครมีโปร ก็ไปคนนั้นครับ
[CR] เปรียบเทียบ น้ำยาเคลือบเบาะหนัง CG Serum vs AG Leather Care Balm
เหตุผล ก็ไม่มีอะไรมาก .. มันหาซื้อง่าย ราคารับได้ คุณภาพพอใจ ครับ ในขณะที่แบรนด์อื่นชอบ ผลุบๆโผล่ๆ รอบนี้หาได้ รอบหน้าหาไม่ได้ อะไรประมาณนี้
ในส่วนของน้ำยาเคลือบเบาะหนัง ก็เช่นกัน ยุคแรกๆจะใช้
- Sprayable Leather Cleaner & Conditioner .. ตัวนี้ ลงแล้ว จะมีกลิ่นติด เป็นกลิ่นคล้ายเบาะหนังใหม่ๆ ใครขึ้นรถก็จะชมว่า กลิ่นรถใหม่ยังอยู่
แล้วก็ขยับมาเป็นเจ้า
Leather Protectant Serum
- เข้าใจว่า น่าจะเป็นตัว Top ของค่ายนี้ที่ขายในบ้านเราในอดีต ข้อดี ที่เหนือกว่า ก็คือ ลงแล้วไม่มีกลิ่นติดเบาะ (อันนี้แล้วแต่ชอบ) กับ ลงแล้ว หนังมันนุ่มขึ้น ทั้งหนังเบาะ และ หนังพวงมาลัย
ราคา อยู่ที่ 1,4XX บาท ต่อ ขวด
- ผมใช้เจ้า Serum มานมนาน ผมว่า มีเกือบ 10 ปีได้ ขวดนึง ผมใช้ 2 - 3 ปีนะครับ จนตอนนี้ มันใกล้จะหมด ทีแรกว่าจะซื้อตัวเดิมแหละ แต่หาไม่ได้แฮะ เหมือนตกรุ่นไปแล้ว มีตัวใหม่มาแทน แต่ก็ไม่มั่นใจว่า เป็นอย่างไร ว่าจะหาตัวทดลอง มาลอง หาใน shopee หาไปหามา ไปเจอกับเจ้า ...
Autoglym Leather Care Balm
- จริงๆค่ายนี้ เป็นแบรนด์น้ำยาเคลือบสี ที่รู้จักแบรนด์แรกเลย เพราะยุคนั้น แถม Super Resin มากับ น้ำมันเครื่อง Mobil1 (ยุคผมเรียน ม.ปลาย 55+) แล้วพอจบมาทำงาน ก็ไปยุ่งๆกับแบรนด์นี้ เลยได้ น้ำยาเคลือบสี Extra Gloss มาใช้อยู่พักนึง
- ผมสั่งมา เป็นขวดแท้ แต่ปริมาณ 250ml นะครับ ขอเอามาลองก่อน แต่ถ้าปริมาณเต็ม 500 ml ก็จะอยู่ 1,350 บาท ครับ สูสีแอบถูกกว่าตัวข้างบนนิดนึง
รีวิวดีกว่า
1. ความข้นใส
- CG เป็นขวดสเปรย์ น้ำยาจะหนืดกว่าชัดเจน ซึ่ง ข้อดีก็คือ เรากะปริมาณน้ำยา ได้แม่นกว่า แล้วก็ ในปริมาณเท่ากัน จะลงได้พื้นที่เยอะกว่า
- AG เป็นขวดเท น้ำยาจะเหลวกว่าสักหน่อย มาแรกๆ เทพรวดเดียว ออกมาเต็มฟองน้ำเลย
2. กลิ่น
- CG กลิ่นคล้ายหนัง อ่อนๆ ในขณะลง แต่พอแห้งแล้ว ไม่มีกลิ่น
- AG กลิ่นเหมือนสารเคมี หรือ ยา แต่อ่อนๆเช่นกัน พอแห้งแล้ว ไม่มีกลิ่น เช่นกัน
3. ความเงา
- ตอนลงเสร็จใหม่ๆ .. ผมให้พอๆกันไม่ต่างกัน
- แต่ถ้าทิ้งไว้สักพัก (ราว 1 ช.ม.)
- CG จะยังเงาเหมือนเดิม
- AG พอแห้ง จะเริ่มไม่เงาละ สังเกต จะสูสี หนังชิ้นที่ไม่ได้ลง
4. ความเหนียว
- น้ำยาราคาระดับนี้ ไม่มีใครเหนียว ดูดฝุ่น ติดมือ ทั้งคู่ครับ
5. ความลื่น
- CG จะลื่นกว่า AG อยู่เล็กน้อย
- AG ลื่นกว่า หนังที่ไม่ได้ลง อยู่นิดนึง
6. ความนุ่ม
- อันนี้ ก็ให้สูสีครับ คือ นุ่มขึ้นทั้งคู่ จริงๆ อันนี้ เอาไปลองลงหนังหุ้มพวงมาลัย จะสัมผัสได้ค่อนข้างชัดว่า หนังนุ่มมือขึ้น
สรุปว่า ..
- ใช้ได้ทั้งคู่แหละ
CG กลิ่นจะเป็นมิตรกว่า ลงแล้ว หนังเงาขึ้นเล็กน้อย
AG กลิ่นเหมือนยา ลงแล้ว หนังจะไม่เงา อารมณ์เหมือนวันรับรถป้ายแดง
ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบนะครับ ผมได้ทั้งคู่แหละ ช่วงไหน ใครมีโปร ก็ไปคนนั้นครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้