เราขอเล่าถึงการใช้ภาษาอังกฤษของเราก่อนว่า เราเรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์ ต่อโทต่างประเทศ
หลังจากเรียนจบ เราทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษมาเกือบทั้งหมด พูดง่ายๆคือ 30 กว่าปีตั้งแต่เรียนปริญญาตรี
จนจบมาทำงาน เราใช้ภาษาอังกฤษ 5 วันต่อสัปดาห์ จนปีนี้ 2568 เราได้ทำงานกับบริษัทที่เจ้าของเป็นต่างชาติขอไม่ระบุประเทศ
แต่ภาษาหลักประเทศเค้าไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ง่ายๆคือ ภาษาอังกฤษก็ภาษาที่2-3 ของเค้า บริษัทเป็นบริษัทเล็กๆมีพนักงาน10กว่าคน
งานไม่เยอะ เราเป็นตำแหน่งผู้ช่วยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเคยทำและหาคนทำแทน
เข้าเรื่องคนที่เป็นฝ่ายบุคคลไม่ชอบเราและนางมีสิทธิ์ออกความเห็นว่าจะให้เราออกหรืออยู่ต่อ เพราะนางเป็นลูกรักคิดว่าเราจะแย่งตำแหน่งลูกรัก
โดยตลอดระยะเวลาที่เราทำงาน นางจะหาข้อบกพร่องและจะไม่ให้เราผ่านทดลองงาน แต่เจ้านายให้อยู่ต่อเพราะจะให้เราทำงานอีเว้นท์ให้จบ
จบงานอีเว้นท์นางเริ่มบั่นทอนจิตใจและเดือนที่ 9 แจ้งจ้างออก เหตุผลของนางคือเจ้านายฟังเราพูดไม่รู้เรื่องว่าพูดเรื่องอะไร
เหมือนว่าภาษาอังกฤษเราไม่ดีและนางก็บอกว่านางก็ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน และที่ผ่านมาคืออะไร หมดประโยชน์ให้ออกเลยงี้
ช่วงนั้นเราซึมเศร้า ผิดหวังกับความรู้ตัวเอง ผิดหวังว่าภาษาเรามันแย่มาก จิตใจคือแย่มาก เพราะนางพูดบ่อย พูดตลอดใส่ในเหตุผลแจ้งออกด้วย
ว่าสื่อสารไม่ได้ ดิ่งมากตอนนั้น ไม่มีความภูมิใจในตัวเอง
จนมาถึงตอนที่ออกมาหางาน สัมภาษณ์กับคนไทยที่เรียนต่างประเทศสำเนียงคือดีมาก คอมเม้นมาว่าภาษาอังกฤษคุณดีนะ
ความมั่นใจมันมีขึ้นมาระดับนึง จนเราได้สัมภาษณ์กับคนออสเตรเลียที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เค้าถามเราว่า เรียนที่ไหนมา
ภาษาอังกฤษดีมากเลย เท่านั้นแหละ ความมั่นใจมาเต็ม รู้ละที่บอกฟังไม่รู้เรื่องคือไม่เปิดใจจะฟัง เราคุยกับลูกชายเค้า จนจบประเด็น
แล้วเจ้านายบอกจะคุยเรื่องนี้หรอ ลูกชายเค้าหันไปบอกว่าใช่ไงคุยกันจบแล้ว เราเคยถามฝ่ายบุคคลตอนที่มาบอกเราว่าเจ้านายฟังไม่รู้เรื่อง
เราถามไปว่าทำไมลูกชายเค้ารู้เรื่องล่ะ หรือปิดหูที่จะฟังนางเงียบไม่ตอบ และที่ตลกคืองานไม่มีให้เราทำ งานที่เคยทำให้คนอื่นไปทำ
และพูดว่าสื่อสารไม่ได้เลยไม่ให้งาน และว่าเราวันวันไม่เห็นทำอะไร ง่ายๆคือบีบให้ออกด้วยแหละ ช่วงนั้นเลยนั่งอ่านกฎหมายแรงงาน
ให้เค้าจ้างออกเอาค่าชดเชยดีกว่าที่จะออกเอง เค้าคงทนไม่ได้กลัวจะถึงปีต้องชดเชยเยอะ แจ้งให้ออกล่วงหน้า 1 เดือน
ฝ่ายบุคคลถามว่าไม่อึดอัดหรอที่ต้องทำต่ออีกเดือน เราเลยตอบว่าพี่ก็ลาไง ลาป่วยใช้ประกันกลุ่ม วันหยุดอีกตั้งหลายวัน
ถ้าออกตอนนี้เดี๋ยวจะว่าไม่ทำตามกฎหมายแรงงาน นางเงียบเลย
ปิดท้าย เราไม่เคยสัมภาษณ์กับเจ้านายไม่เคยเจอ สัมภาษณ์งานกับฝ่ายบุคคลและรับเลย มันเลยเป็นข้อเสียอย่างนึงเพราะการไม่เจอ
คนที่จะทำงานด้วยมันจะไม่รู้เลยว่าถูกชะตากันมั้ย เข้าใจสำเนียงกันมั้ย
ภาษาอังกฤษในที่ทำงานที่ทำจิตใจหดหู่
หลังจากเรียนจบ เราทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษมาเกือบทั้งหมด พูดง่ายๆคือ 30 กว่าปีตั้งแต่เรียนปริญญาตรี
จนจบมาทำงาน เราใช้ภาษาอังกฤษ 5 วันต่อสัปดาห์ จนปีนี้ 2568 เราได้ทำงานกับบริษัทที่เจ้าของเป็นต่างชาติขอไม่ระบุประเทศ
แต่ภาษาหลักประเทศเค้าไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ง่ายๆคือ ภาษาอังกฤษก็ภาษาที่2-3 ของเค้า บริษัทเป็นบริษัทเล็กๆมีพนักงาน10กว่าคน
งานไม่เยอะ เราเป็นตำแหน่งผู้ช่วยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเคยทำและหาคนทำแทน
เข้าเรื่องคนที่เป็นฝ่ายบุคคลไม่ชอบเราและนางมีสิทธิ์ออกความเห็นว่าจะให้เราออกหรืออยู่ต่อ เพราะนางเป็นลูกรักคิดว่าเราจะแย่งตำแหน่งลูกรัก
โดยตลอดระยะเวลาที่เราทำงาน นางจะหาข้อบกพร่องและจะไม่ให้เราผ่านทดลองงาน แต่เจ้านายให้อยู่ต่อเพราะจะให้เราทำงานอีเว้นท์ให้จบ
จบงานอีเว้นท์นางเริ่มบั่นทอนจิตใจและเดือนที่ 9 แจ้งจ้างออก เหตุผลของนางคือเจ้านายฟังเราพูดไม่รู้เรื่องว่าพูดเรื่องอะไร
เหมือนว่าภาษาอังกฤษเราไม่ดีและนางก็บอกว่านางก็ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน และที่ผ่านมาคืออะไร หมดประโยชน์ให้ออกเลยงี้
ช่วงนั้นเราซึมเศร้า ผิดหวังกับความรู้ตัวเอง ผิดหวังว่าภาษาเรามันแย่มาก จิตใจคือแย่มาก เพราะนางพูดบ่อย พูดตลอดใส่ในเหตุผลแจ้งออกด้วย
ว่าสื่อสารไม่ได้ ดิ่งมากตอนนั้น ไม่มีความภูมิใจในตัวเอง
จนมาถึงตอนที่ออกมาหางาน สัมภาษณ์กับคนไทยที่เรียนต่างประเทศสำเนียงคือดีมาก คอมเม้นมาว่าภาษาอังกฤษคุณดีนะ
ความมั่นใจมันมีขึ้นมาระดับนึง จนเราได้สัมภาษณ์กับคนออสเตรเลียที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เค้าถามเราว่า เรียนที่ไหนมา
ภาษาอังกฤษดีมากเลย เท่านั้นแหละ ความมั่นใจมาเต็ม รู้ละที่บอกฟังไม่รู้เรื่องคือไม่เปิดใจจะฟัง เราคุยกับลูกชายเค้า จนจบประเด็น
แล้วเจ้านายบอกจะคุยเรื่องนี้หรอ ลูกชายเค้าหันไปบอกว่าใช่ไงคุยกันจบแล้ว เราเคยถามฝ่ายบุคคลตอนที่มาบอกเราว่าเจ้านายฟังไม่รู้เรื่อง
เราถามไปว่าทำไมลูกชายเค้ารู้เรื่องล่ะ หรือปิดหูที่จะฟังนางเงียบไม่ตอบ และที่ตลกคืองานไม่มีให้เราทำ งานที่เคยทำให้คนอื่นไปทำ
และพูดว่าสื่อสารไม่ได้เลยไม่ให้งาน และว่าเราวันวันไม่เห็นทำอะไร ง่ายๆคือบีบให้ออกด้วยแหละ ช่วงนั้นเลยนั่งอ่านกฎหมายแรงงาน
ให้เค้าจ้างออกเอาค่าชดเชยดีกว่าที่จะออกเอง เค้าคงทนไม่ได้กลัวจะถึงปีต้องชดเชยเยอะ แจ้งให้ออกล่วงหน้า 1 เดือน
ฝ่ายบุคคลถามว่าไม่อึดอัดหรอที่ต้องทำต่ออีกเดือน เราเลยตอบว่าพี่ก็ลาไง ลาป่วยใช้ประกันกลุ่ม วันหยุดอีกตั้งหลายวัน
ถ้าออกตอนนี้เดี๋ยวจะว่าไม่ทำตามกฎหมายแรงงาน นางเงียบเลย
ปิดท้าย เราไม่เคยสัมภาษณ์กับเจ้านายไม่เคยเจอ สัมภาษณ์งานกับฝ่ายบุคคลและรับเลย มันเลยเป็นข้อเสียอย่างนึงเพราะการไม่เจอ
คนที่จะทำงานด้วยมันจะไม่รู้เลยว่าถูกชะตากันมั้ย เข้าใจสำเนียงกันมั้ย