การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ (Toxic Workplace) ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การรักษาสุขภาพจิตและความสุขของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บทความนี้จะนำเสนอมุมมองและวิธีการที่จะอยู่ร่วมกับสังคมการทำงานที่ toxic อย่างไรให้มีความสุข และรักษาสมดุลชีวิตไว้ได้
อยู่ร่วมกับสังคมการทำงานที่ Toxic อย่างไรให้มีความสุข
สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษไม่ได้หมายถึงแค่การมีเจ้านายที่จู้จี้จุกจิก แต่รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทา ใส่ร้าย หรือการแข่งขันที่ไร้ซึ่งน้ำใจ สิ่งเหล่านี้สามารถบั่นทอนพลังงานและความสุขในการทำงานของเราได้อย่างรุนแรง การปรับตัวเพื่อ "อยู่รอด" และ "มีความสุข" จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคทางจิตวิทยาและการจัดการตนเองอย่างชาญฉลาด
1. สร้างเกราะป้องกันทางอารมณ์และสติ
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือการ ควบคุมอารมณ์ ของตนเอง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดหรือคำพูดที่เป็นพิษ สิ่งสำคัญคือต้องตั้งสติและไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ การแยกแยะระหว่างปัญหาและบุคคลจะช่วยให้เรามองสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น พยายามอย่าเก็บคำพูดหรือพฤติกรรมเชิงลบของผู้อื่นมาใส่ใจเป็นการส่วนตัว ให้มองว่านั่นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา
2. กำหนดขอบเขตส่วนบุคคลให้ชัดเจน (Setting Boundaries)
การตั้งขอบเขตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานลบไหลเข้ามาในชีวิตเรามากเกินไป
จำกัดการมีปฏิสัมพันธ์ : พูดคุยเฉพาะเรื่องงานหรือเมื่อจำเป็นเท่านั้น หลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับการนินทาหรือดราม่าที่ไม่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตเวลา : พยายามทำงานให้เสร็จในเวลา ไม่นำเรื่องงานกลับไปคิดที่บ้าน และใช้เวลาหลังเลิกงานทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด
ขอบเขตข้อมูล: ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องส่วนตัวทั้งหมดให้ทุกคนในที่ทำงานทราบ
3. หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ (Safe Zone)
แม้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็มักจะมีคนดีๆ อยู่บ้าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่คิดบวกและไว้ใจได้ จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ในที่ทำงาน ทำให้เรารู้สึกมีที่พึ่งทางใจและสามารถระบายความเครียดได้
4. โฟกัสที่งานและเป้าหมายระยะยาว
จดจ่อกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุด การมีสมาธิกับงานจะช่วยลดโอกาสการปะทะหรือรับพลังงานลบจากผู้อื่น และยังทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองจากผลงานที่ทำ นอกจากนี้ ให้มองเป้าหมายระยะยาวในสายงานของตนเอง หากที่ทำงานปัจจุบันเป็นเพียงก้าวหนึ่งของเส้นทาง ก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจและอดทนกับสถานการณ์ชั่วคราวได้
5. ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นอันดับแรก
ความเครียดจากที่ทำงาน toxic สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการดูแลตัวเองจึงสำคัญมาก
ออกกำลังกาย : เป็นวิธีระบายความเครียดที่ดีเยี่ยม
พักผ่อนให้เพียงพอ : ช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า
หากิจกรรมที่ชอบทำ : การมีงานอดิเรกจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความคิดเรื่องงานได้
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากความเครียดเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักบำบัดเป็นทางเลือกที่ดี
6. ประเมินสถานการณ์และทางเลือกอื่นๆ
สุดท้าย หากพยายามปรับตัวทุกวิถีทางแล้ว แต่สถานการณ์ยังคงย่ำแย่และเริ่มทำลายสุขภาพจิตอย่างรุนแรง การตัดสินใจออกจากองค์กรอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด การทำงานในที่ที่มีความสุขและได้รับการยอมรับมีค่ามากกว่าการทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเพื่อเงินหรือตำแหน่งเพียงอย่างเดียว
หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ เอาไว้เป็น Safe zone
ดังนั้นการอยู่ร่วมในสังคมการทำงานที่ toxic ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราสามารถสร้างความสุขเล็ก ๆ และรักษาสุขภาพจิตของเราได้ด้วยการตั้งรับอย่างชาญฉลาด การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน การมีพื้นที่ปลอดภัยทางใจ และการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดี และความสุขของคุณสำคัญที่สุด
ที่มา : สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร, กรมสุขภาพจิต, Gemini
บทความความรู้รอบตัวย้อนหลัง
https://pantip.com/profile/933113/topics 
ความรู้รอบตัว - EP12 : อยู่ร่วมกับสังคมการทำงานที่ Toxic อย่างไรให้มีความสุข
อยู่ร่วมกับสังคมการทำงานที่ Toxic อย่างไรให้มีความสุข
สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษไม่ได้หมายถึงแค่การมีเจ้านายที่จู้จี้จุกจิก แต่รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทา ใส่ร้าย หรือการแข่งขันที่ไร้ซึ่งน้ำใจ สิ่งเหล่านี้สามารถบั่นทอนพลังงานและความสุขในการทำงานของเราได้อย่างรุนแรง การปรับตัวเพื่อ "อยู่รอด" และ "มีความสุข" จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคทางจิตวิทยาและการจัดการตนเองอย่างชาญฉลาด
1. สร้างเกราะป้องกันทางอารมณ์และสติ
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือการ ควบคุมอารมณ์ ของตนเอง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดหรือคำพูดที่เป็นพิษ สิ่งสำคัญคือต้องตั้งสติและไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ การแยกแยะระหว่างปัญหาและบุคคลจะช่วยให้เรามองสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น พยายามอย่าเก็บคำพูดหรือพฤติกรรมเชิงลบของผู้อื่นมาใส่ใจเป็นการส่วนตัว ให้มองว่านั่นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา
2. กำหนดขอบเขตส่วนบุคคลให้ชัดเจน (Setting Boundaries)
การตั้งขอบเขตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานลบไหลเข้ามาในชีวิตเรามากเกินไป
จำกัดการมีปฏิสัมพันธ์ : พูดคุยเฉพาะเรื่องงานหรือเมื่อจำเป็นเท่านั้น หลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับการนินทาหรือดราม่าที่ไม่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตเวลา : พยายามทำงานให้เสร็จในเวลา ไม่นำเรื่องงานกลับไปคิดที่บ้าน และใช้เวลาหลังเลิกงานทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด
ขอบเขตข้อมูล: ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องส่วนตัวทั้งหมดให้ทุกคนในที่ทำงานทราบ
3. หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ (Safe Zone)
แม้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็มักจะมีคนดีๆ อยู่บ้าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่คิดบวกและไว้ใจได้ จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ในที่ทำงาน ทำให้เรารู้สึกมีที่พึ่งทางใจและสามารถระบายความเครียดได้
4. โฟกัสที่งานและเป้าหมายระยะยาว
จดจ่อกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองให้ดีที่สุด การมีสมาธิกับงานจะช่วยลดโอกาสการปะทะหรือรับพลังงานลบจากผู้อื่น และยังทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองจากผลงานที่ทำ นอกจากนี้ ให้มองเป้าหมายระยะยาวในสายงานของตนเอง หากที่ทำงานปัจจุบันเป็นเพียงก้าวหนึ่งของเส้นทาง ก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจและอดทนกับสถานการณ์ชั่วคราวได้
5. ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นอันดับแรก
ความเครียดจากที่ทำงาน toxic สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการดูแลตัวเองจึงสำคัญมาก
ออกกำลังกาย : เป็นวิธีระบายความเครียดที่ดีเยี่ยม
พักผ่อนให้เพียงพอ : ช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า
หากิจกรรมที่ชอบทำ : การมีงานอดิเรกจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความคิดเรื่องงานได้
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากความเครียดเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักบำบัดเป็นทางเลือกที่ดี
6. ประเมินสถานการณ์และทางเลือกอื่นๆ
สุดท้าย หากพยายามปรับตัวทุกวิถีทางแล้ว แต่สถานการณ์ยังคงย่ำแย่และเริ่มทำลายสุขภาพจิตอย่างรุนแรง การตัดสินใจออกจากองค์กรอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด การทำงานในที่ที่มีความสุขและได้รับการยอมรับมีค่ามากกว่าการทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเพื่อเงินหรือตำแหน่งเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นการอยู่ร่วมในสังคมการทำงานที่ toxic ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราสามารถสร้างความสุขเล็ก ๆ และรักษาสุขภาพจิตของเราได้ด้วยการตั้งรับอย่างชาญฉลาด การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน การมีพื้นที่ปลอดภัยทางใจ และการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดี และความสุขของคุณสำคัญที่สุด
ที่มา : สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร, กรมสุขภาพจิต, Gemini
บทความความรู้รอบตัวย้อนหลัง
https://pantip.com/profile/933113/topics