
: **"White Boy Rick" หนังดีที่ต้องดู! เรื่องจริงของเด็กวัยรุ่นที่กลายเป็นสายลับ FBI ในดีทรอยต์ยุค 80**
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ มาแนะนำอีกเรื่องครับ ชื่อเรื่อง "White Boy Rick" (2018) ครับ เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ ริคกี้ วินเทอร์ส จูเนียร์ เด็กวัยรุ่นผิวขาวที่กลายเป็นสายลับ FBI ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเลยนะครับ ฟังดูแล้วก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ
เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองดีทรอยต์ ช่วงทศวรรษที่ 80 ครับ ซึ่งเป็นยุคมืดของเมืองนี้เลยทีเดียว อาชญากรรม ยาเสพติด เฟื่องฟูมากครับ ตัวเอกของเรา ริคกี้ (รับบทโดย Lucas Hedges) เป็นเด็กหนุ่มที่โตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีปัญหาครับ พ่อของเขา ริชาร์ด (รับบทโดย Matthew McConaughey) เป็นทั้งพ่อที่รักลูก และเป็นพ่อค้าอาวุธที่ต้องพัวพันกับโลกใต้ดินด้วยครับ ชีวิตของริคกี้ก็เลยค่อนข้างจะวุ่นวายและมีสีเทาๆ หน่อย
หนังเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างริคกี้กับพ่อของเขาครับ ถึงแม้พ่อจะทำตัวไม่ค่อยดีนัก แต่ก็รักและพยายามสอนให้ริคกี้เอาตัวรอดในสังคมที่โหดร้ายนี้ ริคกี้เองก็มีความเฉลียวฉลาดและมีความสามารถในการปรับตัวสูงครับ เขาเริ่มเข้ามาพัวพันกับธุรกิจของพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง FBI เห็นแววของเขา และมองว่าเขาเป็น "ไพ่ตาย" ที่จะใช้แทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้
การที่ริคกี้เป็นเด็กผิวขาวที่เข้าไปในชุมชนคนดำที่ค้ายาเสพติด มันทำให้หนังมีความน่าสนใจและมีความขัดแย้งในตัวเองสูงมากครับ เขาต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอด การพูดจา การแต่งกาย ทุกอย่างที่เขาต้องทำมันดูท้าทายและเสี่ยงอันตรายสุดๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการแสดงครับ Lucas Hedges ทำได้ดีมากๆ ครับ เขาถ่ายทอดความเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีทั้งความมุ่งมั่น ความกลัว ความสับสน และความฉลาดออกมาได้อย่างสมจริง ส่วน Matthew McConaughey ก็ยังคงมาตรฐานการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขาไว้ได้ครับ เขาสร้างคาแรคเตอร์ของพ่อที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่างได้อย่างน่าจดจำ
บรรยากาศของหนังก็ทำออกมาได้ดีครับ การจำลองเมืองดีทรอยต์ในยุค 80 ทำได้สมจริงมากๆ ครับ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เพลงประกอบ หนังพาเราย้อนยุคกลับไปในบรรยากาศที่ดูดิบๆ เถื่อนๆ แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเองครับ
ในมุมมองของผม หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่หนังแอ็คชั่น หรือหนังดราม่าเกี่ยวกับอาชญากรรมธรรมดาๆ ครับ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสังคม ความยากลำบากของชีวิตในบางพื้นที่ และการที่คนเราต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่บีบคั้น
ประเด็นเรื่องครอบครัวก็เป็นสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อครับ แม้พ่อจะทำผิดพลาด แต่เขาก็ยังพยายามเป็นที่พึ่งให้กับลูกชาย และริคกี้เองก็พยายามที่จะเข้าใจและยอมรับในตัวพ่อของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนเสาหลักที่ทำให้ริคกี้มีแรงผลักดันในการทำภารกิจที่อันตรายนี้
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษมากๆ คือการที่มันเป็นเรื่องจริงครับ การที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับโลกที่อันตรายขนาดนั้น มันทำให้เรารู้สึกอินไปกับตัวละคร และลุ้นไปกับทุกย่างก้าวของเขา
อย่างไรก็ตาม หนังก็ไม่ได้นำเสนอแต่ด้านที่สวยงามนะครับ มันแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ความรุนแรง และผลกระทบของการค้ายาเสพติดที่มีต่อชุมชนและชีวิตของผู้คนได้อย่างชัดเจนครับ
สำหรับใครที่ชอบหนังที่สร้างจากเรื่องจริง หนังที่มีการแสดงที่เข้มข้น บรรยากาศที่ชวนติดตาม และมีประเด็นให้ขบคิด ผมแนะนำ "White Boy Rick" เลยครับ เป็นหนังที่ดูแล้วไม่เสียดายเวลาแน่นอนครับ
อาจจะมีบางช่วงที่หนังเดินเรื่องค่อนข้างช้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมว่ามันเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจและทรงพลังครับ มันทำให้เราเห็นถึงด้านที่แตกต่างของสังคม และการที่คนเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดเพื่อความอยู่รอด
ถ้าถามผมว่าคุ้มค่ากับการดูไหม ตอบเลยว่า "คุ้มค่า" ครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วยังคงติดอยู่ในหัวไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียวครับ
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาหนังดูนะครับ ใครเคยดูแล้วมาแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ!
**"White Boy Rick" หนังดีที่ต้องดู! เรื่องจริงของเด็กวัยรุ่นที่กลายเป็นสายลับ FBI ในดีทรอยต์ยุค 80**
: **"White Boy Rick" หนังดีที่ต้องดู! เรื่องจริงของเด็กวัยรุ่นที่กลายเป็นสายลับ FBI ในดีทรอยต์ยุค 80**
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีๆ มาแนะนำอีกเรื่องครับ ชื่อเรื่อง "White Boy Rick" (2018) ครับ เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ ริคกี้ วินเทอร์ส จูเนียร์ เด็กวัยรุ่นผิวขาวที่กลายเป็นสายลับ FBI ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเลยนะครับ ฟังดูแล้วก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ
เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองดีทรอยต์ ช่วงทศวรรษที่ 80 ครับ ซึ่งเป็นยุคมืดของเมืองนี้เลยทีเดียว อาชญากรรม ยาเสพติด เฟื่องฟูมากครับ ตัวเอกของเรา ริคกี้ (รับบทโดย Lucas Hedges) เป็นเด็กหนุ่มที่โตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีปัญหาครับ พ่อของเขา ริชาร์ด (รับบทโดย Matthew McConaughey) เป็นทั้งพ่อที่รักลูก และเป็นพ่อค้าอาวุธที่ต้องพัวพันกับโลกใต้ดินด้วยครับ ชีวิตของริคกี้ก็เลยค่อนข้างจะวุ่นวายและมีสีเทาๆ หน่อย
หนังเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างริคกี้กับพ่อของเขาครับ ถึงแม้พ่อจะทำตัวไม่ค่อยดีนัก แต่ก็รักและพยายามสอนให้ริคกี้เอาตัวรอดในสังคมที่โหดร้ายนี้ ริคกี้เองก็มีความเฉลียวฉลาดและมีความสามารถในการปรับตัวสูงครับ เขาเริ่มเข้ามาพัวพันกับธุรกิจของพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง FBI เห็นแววของเขา และมองว่าเขาเป็น "ไพ่ตาย" ที่จะใช้แทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้
การที่ริคกี้เป็นเด็กผิวขาวที่เข้าไปในชุมชนคนดำที่ค้ายาเสพติด มันทำให้หนังมีความน่าสนใจและมีความขัดแย้งในตัวเองสูงมากครับ เขาต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอด การพูดจา การแต่งกาย ทุกอย่างที่เขาต้องทำมันดูท้าทายและเสี่ยงอันตรายสุดๆ ครับ
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการแสดงครับ Lucas Hedges ทำได้ดีมากๆ ครับ เขาถ่ายทอดความเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีทั้งความมุ่งมั่น ความกลัว ความสับสน และความฉลาดออกมาได้อย่างสมจริง ส่วน Matthew McConaughey ก็ยังคงมาตรฐานการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขาไว้ได้ครับ เขาสร้างคาแรคเตอร์ของพ่อที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่างได้อย่างน่าจดจำ
บรรยากาศของหนังก็ทำออกมาได้ดีครับ การจำลองเมืองดีทรอยต์ในยุค 80 ทำได้สมจริงมากๆ ครับ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เพลงประกอบ หนังพาเราย้อนยุคกลับไปในบรรยากาศที่ดูดิบๆ เถื่อนๆ แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเองครับ
ในมุมมองของผม หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่หนังแอ็คชั่น หรือหนังดราม่าเกี่ยวกับอาชญากรรมธรรมดาๆ ครับ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสังคม ความยากลำบากของชีวิตในบางพื้นที่ และการที่คนเราต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่บีบคั้น
ประเด็นเรื่องครอบครัวก็เป็นสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อครับ แม้พ่อจะทำผิดพลาด แต่เขาก็ยังพยายามเป็นที่พึ่งให้กับลูกชาย และริคกี้เองก็พยายามที่จะเข้าใจและยอมรับในตัวพ่อของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนเสาหลักที่ทำให้ริคกี้มีแรงผลักดันในการทำภารกิจที่อันตรายนี้
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษมากๆ คือการที่มันเป็นเรื่องจริงครับ การที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับโลกที่อันตรายขนาดนั้น มันทำให้เรารู้สึกอินไปกับตัวละคร และลุ้นไปกับทุกย่างก้าวของเขา
อย่างไรก็ตาม หนังก็ไม่ได้นำเสนอแต่ด้านที่สวยงามนะครับ มันแสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย ความรุนแรง และผลกระทบของการค้ายาเสพติดที่มีต่อชุมชนและชีวิตของผู้คนได้อย่างชัดเจนครับ
สำหรับใครที่ชอบหนังที่สร้างจากเรื่องจริง หนังที่มีการแสดงที่เข้มข้น บรรยากาศที่ชวนติดตาม และมีประเด็นให้ขบคิด ผมแนะนำ "White Boy Rick" เลยครับ เป็นหนังที่ดูแล้วไม่เสียดายเวลาแน่นอนครับ
อาจจะมีบางช่วงที่หนังเดินเรื่องค่อนข้างช้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมว่ามันเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจและทรงพลังครับ มันทำให้เราเห็นถึงด้านที่แตกต่างของสังคม และการที่คนเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดเพื่อความอยู่รอด
ถ้าถามผมว่าคุ้มค่ากับการดูไหม ตอบเลยว่า "คุ้มค่า" ครับ เป็นหนังที่ดูจบแล้วยังคงติดอยู่ในหัวไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียวครับ
ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาหนังดูนะครับ ใครเคยดูแล้วมาแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ!