https://www.matichon.co.th/local/education/news_5486221
https://www.facebook.com/DoctorModd/posts/-สรุปประเด็นดราม่า-พอร์ตโฟลิโอเข้าแพทย์ช่วงนี้มีเสียงตั้งคำถามกันมากว่ารอบพอร์ต-/122195361518560925/
https://www.facebook.com/groups/360252101098630/posts/2404413700015783/
มีคนออกมาร้องกันยกใหญ่
เด็กที่ไม่ได้ก็เสียใจด้วยนะครับ ส่วนเด็กที่ได้ก็ดีใจด้วย
ส่วนตัวกลับมองว่า มันเป็นเรืองของการวางแผนของเด็กนั้นๆ ว่าเขาจะจัดการยังไง
แสดงว่า เขาน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเข้า คณะนั้นๆ แล้ว ต้องเตรียมเอกสารอะไร
บางคน เริ่มเตรียม ม.4 ม.5 บาง คน เก็บมาตั้งแต่ ม.ต้น
บางคน ม.6 แล้ว ยังไม่รู้จะเรียนอะไร
ยิ่งยุคนี้ เด็กแข่งเขียนโค้ดตั้งแต่ ป.4 กันแล้ว
บางโรงเรียน มีส่งเสริม ให้เขียนเกมส์ สร้างหุ่นยนต์ หรือ ส่งเสริมด้านวิชาชีพชัดเจนมากขึ้น
ต่อไป เราอาจจะเห็น รอบผลงาน หรือ สิ่งประดิษฐ์ของเด็กๆ ก็ได้ นะครับ
อย่างด้านเขียนเกมส์ อาจจะมีสร้างเกมส์ ให้เห็น
หรือด้านอิเล็กทรอนิก อาจจะ มีการนำเสนอวงจร หรือ ทำโครงงานส่ง กรรมการ ก็เป็นได้
เด็กที่มีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่ ประถม เขาก็จะรู้แล้วว่า ตัวเองต้องฝึกอะไ และ อะไรที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บคะแนน
จะทำให้การเรียนไม่เครียด ไม่ต้องเสียเวลามาเก็บทุกวิชา เหมือนยุคก่อนๆ มุ่งเน้นไปที่สาขาหลักได้เลย ว่าต้องมีทักษะอะไร
อย่างคนที่ฝึกเขียนโปรแกรมตั้งแต่ ประถม กว่าจะจบ ม.6 น่าจะต้องมีการเก็บผลงาน และ ความเชี่ยวชาญเยอะ แน่ๆ ละครับ
เผลอๆ อาจจะเก่งในระดับ เด็ก ปี1 หรือ ปี2
พอเข้าไปเรียน ก้แค่ ต่อยอดจากที่เคยทำๆ มา และ เก็บวิชาอื่นๆ ที่น่าสนใจ พร้อมทั้ง ทำโปรเจคเพื่อ ต่อยอดกับงานที่ตัวเองจะไปทำ
แน่นอน ถ้าด้าน คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะ กราฟฟิก เขียนโปรแกรม แก้คอนเทนต์ หรือ แม้แต่ พิมพ์งาน แก้ excel ก็มีงานออนไลน์ให้ทำตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่า แต่ กรรมการ เห็นเว็บที่น้องๆ เขียน เห็นเกมส์ เห็นแอพ ที่น้องๆ เขียน หรือ เห็นโครงงานที่น้องสร้าง
น่าจะช่วยให้ตัดสินใจในการรับน้องๆ เข้าเรียนได้ง่ายมากขึ้น ครับ
ทำไมปีนี้ ความคิดเห็นที่ว่า พอร์ตโฟลิโอ เหลื่อมล้ำ เดือดกันจังครับ
https://www.facebook.com/DoctorModd/posts/-สรุปประเด็นดราม่า-พอร์ตโฟลิโอเข้าแพทย์ช่วงนี้มีเสียงตั้งคำถามกันมากว่ารอบพอร์ต-/122195361518560925/
https://www.facebook.com/groups/360252101098630/posts/2404413700015783/
มีคนออกมาร้องกันยกใหญ่
เด็กที่ไม่ได้ก็เสียใจด้วยนะครับ ส่วนเด็กที่ได้ก็ดีใจด้วย
ส่วนตัวกลับมองว่า มันเป็นเรืองของการวางแผนของเด็กนั้นๆ ว่าเขาจะจัดการยังไง
แสดงว่า เขาน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเข้า คณะนั้นๆ แล้ว ต้องเตรียมเอกสารอะไร
บางคน เริ่มเตรียม ม.4 ม.5 บาง คน เก็บมาตั้งแต่ ม.ต้น
บางคน ม.6 แล้ว ยังไม่รู้จะเรียนอะไร
ยิ่งยุคนี้ เด็กแข่งเขียนโค้ดตั้งแต่ ป.4 กันแล้ว
บางโรงเรียน มีส่งเสริม ให้เขียนเกมส์ สร้างหุ่นยนต์ หรือ ส่งเสริมด้านวิชาชีพชัดเจนมากขึ้น
ต่อไป เราอาจจะเห็น รอบผลงาน หรือ สิ่งประดิษฐ์ของเด็กๆ ก็ได้ นะครับ
อย่างด้านเขียนเกมส์ อาจจะมีสร้างเกมส์ ให้เห็น
หรือด้านอิเล็กทรอนิก อาจจะ มีการนำเสนอวงจร หรือ ทำโครงงานส่ง กรรมการ ก็เป็นได้
เด็กที่มีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่ ประถม เขาก็จะรู้แล้วว่า ตัวเองต้องฝึกอะไ และ อะไรที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บคะแนน
จะทำให้การเรียนไม่เครียด ไม่ต้องเสียเวลามาเก็บทุกวิชา เหมือนยุคก่อนๆ มุ่งเน้นไปที่สาขาหลักได้เลย ว่าต้องมีทักษะอะไร
อย่างคนที่ฝึกเขียนโปรแกรมตั้งแต่ ประถม กว่าจะจบ ม.6 น่าจะต้องมีการเก็บผลงาน และ ความเชี่ยวชาญเยอะ แน่ๆ ละครับ
เผลอๆ อาจจะเก่งในระดับ เด็ก ปี1 หรือ ปี2
พอเข้าไปเรียน ก้แค่ ต่อยอดจากที่เคยทำๆ มา และ เก็บวิชาอื่นๆ ที่น่าสนใจ พร้อมทั้ง ทำโปรเจคเพื่อ ต่อยอดกับงานที่ตัวเองจะไปทำ
แน่นอน ถ้าด้าน คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะ กราฟฟิก เขียนโปรแกรม แก้คอนเทนต์ หรือ แม้แต่ พิมพ์งาน แก้ excel ก็มีงานออนไลน์ให้ทำตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่า แต่ กรรมการ เห็นเว็บที่น้องๆ เขียน เห็นเกมส์ เห็นแอพ ที่น้องๆ เขียน หรือ เห็นโครงงานที่น้องสร้าง
น่าจะช่วยให้ตัดสินใจในการรับน้องๆ เข้าเรียนได้ง่ายมากขึ้น ครับ