ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรจำเป็นต้องมีข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำเกี่ยวกับเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของเยอรมนี แต่การส่งเครื่องบินสอดแนมไปยังน่านฟ้าของเยอรมนีเป็นภารกิจที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Flak) ที่หนาแน่น
.
1. ปัญหา: การถ่ายภาพทางอากาศที่อันตราย
เครื่องบินสอดแนมทั่วไปมักจะบินได้ช้าและเป็นเป้าหมายง่ายต่อเครื่องบินขับไล่ของเยอรมนีและปืนต่อต้านอากาศยาน
.
2. การกำเนิดของ "ปาฏิหาริย์ไม้"
เครื่องบิน De Havilland Mosquito ได้รับฉายาว่า "ปาฏิหาริย์ไม้" เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ทำจาก ไม้บัลซา (Balsa Wood) และไม้เบิร์ช (Birch Plywood)
ข้อดีของการทำจากไม้คือทำให้มัน เบาอย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังได้ ทำให้มันสามารถบินได้ เร็วกว่าเครื่องบินขับไล่ของเยอรมนี แทบทุกชนิดในขณะนั้น
เครื่องบินมอสคีโตที่ใช้สำหรับภารกิจสอดแนมภาพถ่าย (Photo Reconnaissance Unit - PRU) จะถูกถอดอาวุธทั้งหมดออก และแทนที่ด้วย กล้องถ่ายภาพทางอากาศขนาดใหญ่ และถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม
.
3. การสอดแนมแบบ "วิ่งหนี"
นักบินมอสคีโตใช้ความเร็วสูงในการเป็นการป้องกันตัวหลัก พวกเขาจะบินด้วยความเร็วสูงมากในระดับความสูงที่เยอรมนีคาดไม่ถึง และหากถูกตรวจพบ เครื่องบินขับไล่ของเยอรมนีก็มักจะตามไม่ทัน
เครื่องบินมอสคีโตเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายภาพทางยุทธศาสตร์ของเยอรมันได้ เช่น
✈️โรงงานผลิต V-Weapons: พวกเขาเป็นผู้ที่ถ่ายภาพแรก ๆ ของสถานที่ทดลองและผลิตจรวด V-1 และ V-2 ใน Peenemünde ซึ่งนำไปสู่ปฏิบัติการโจมตีเพื่อทำลายโครงการจรวดของเยอรมนี
✈️เป้าหมายใน D-Day: พวกเขาถ่ายภาพทางอากาศของแนวป้องกันชายฝั่งนอร์มังดีอย่างละเอียด ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถวางแผนการยกพลขึ้นบกได้อย่างแม่นยำ
✈️ศูนย์บัญชาการของเกสตาโปในนอร์เวย์: ในภารกิจหนึ่งที่น่าทึ่งคือเครื่องบินมอสคีโตสามารถบินผ่านศูนย์บัญชาการของเกสตาโปในนอร์เวย์ และถ่ายภาพออกมาได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกยิงตกเลย
เครื่องบินมอสคีโตจึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้ ความเร็วและวัสดุที่ไม่ธรรมดา ในการเอาชนะเทคโนโลยีของศัตรู และเป็นแหล่งข่าวกรองหลักที่ช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
📸 เครื่องบินถ่ายภาพลึกลับของสัมพันธมิตร: การขึ้นบินของมอสคีโต (The High-Speed Mosquito Reconnaissance)
.
1. ปัญหา: การถ่ายภาพทางอากาศที่อันตราย
เครื่องบินสอดแนมทั่วไปมักจะบินได้ช้าและเป็นเป้าหมายง่ายต่อเครื่องบินขับไล่ของเยอรมนีและปืนต่อต้านอากาศยาน
.
2. การกำเนิดของ "ปาฏิหาริย์ไม้"
เครื่องบิน De Havilland Mosquito ได้รับฉายาว่า "ปาฏิหาริย์ไม้" เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่ทำจาก ไม้บัลซา (Balsa Wood) และไม้เบิร์ช (Birch Plywood)
ข้อดีของการทำจากไม้คือทำให้มัน เบาอย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังได้ ทำให้มันสามารถบินได้ เร็วกว่าเครื่องบินขับไล่ของเยอรมนี แทบทุกชนิดในขณะนั้น
เครื่องบินมอสคีโตที่ใช้สำหรับภารกิจสอดแนมภาพถ่าย (Photo Reconnaissance Unit - PRU) จะถูกถอดอาวุธทั้งหมดออก และแทนที่ด้วย กล้องถ่ายภาพทางอากาศขนาดใหญ่ และถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม
.
3. การสอดแนมแบบ "วิ่งหนี"
นักบินมอสคีโตใช้ความเร็วสูงในการเป็นการป้องกันตัวหลัก พวกเขาจะบินด้วยความเร็วสูงมากในระดับความสูงที่เยอรมนีคาดไม่ถึง และหากถูกตรวจพบ เครื่องบินขับไล่ของเยอรมนีก็มักจะตามไม่ทัน
เครื่องบินมอสคีโตเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายภาพทางยุทธศาสตร์ของเยอรมันได้ เช่น
✈️โรงงานผลิต V-Weapons: พวกเขาเป็นผู้ที่ถ่ายภาพแรก ๆ ของสถานที่ทดลองและผลิตจรวด V-1 และ V-2 ใน Peenemünde ซึ่งนำไปสู่ปฏิบัติการโจมตีเพื่อทำลายโครงการจรวดของเยอรมนี
✈️เป้าหมายใน D-Day: พวกเขาถ่ายภาพทางอากาศของแนวป้องกันชายฝั่งนอร์มังดีอย่างละเอียด ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถวางแผนการยกพลขึ้นบกได้อย่างแม่นยำ
✈️ศูนย์บัญชาการของเกสตาโปในนอร์เวย์: ในภารกิจหนึ่งที่น่าทึ่งคือเครื่องบินมอสคีโตสามารถบินผ่านศูนย์บัญชาการของเกสตาโปในนอร์เวย์ และถ่ายภาพออกมาได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกยิงตกเลย
เครื่องบินมอสคีโตจึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้ ความเร็วและวัสดุที่ไม่ธรรมดา ในการเอาชนะเทคโนโลยีของศัตรู และเป็นแหล่งข่าวกรองหลักที่ช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง