ตอนที่ 20 สงครามเย็น ค.ศ.1960-1969

“กำแพงเบอร์ลิน”สิ่งก่อสร้างที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ถึงการมีอยู่ของ “สงครามเย็น”
ความขัดแย้งทางการเมือง และเศรษฐกิจของสองขั้วอุดมการณ์แบ่งทวีปยุโรปออกเป็นสองฝั่ง
แบ่งเยอรมนีออกเป็นสองประเทศและ แบ่งเมืองหลวงออกเป็นสองเมือง

เบอร์ลินตะวันตก อยู่ในเยอรมนีตะวันตก ซึ่งเป็นประเทศทุนนิยมเสรี

เบอร์ลินตะวันออก อยู่ในเยอรมนีตะวันออก ซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์

เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนในเบอร์ลินตะวันออกอพยพไปยังฝั่งตะวันตกที่มั่งคั่งกว่า

รัฐบาลจึงตัดสินใจสร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นในปี ค.ศ. 1961 เพื่อแบ่งผู้คนในเมืองเดียวกัน ให้แยกออกจากกัน ความขัดแย้งของสงครามเย็น ลุกลามไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศเวียดนาม คือศูนย์กลางของความขัดแย้ง
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามซึ่งเคยถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นผู้แพ้สงคราม ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ อยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศผู้ชนะสงคราม เวียดนามเหนืออยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนและเวียดนามใต้อยู่ภายใต้อิทธิพลของอังกฤษ

ภายหลังฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคมต้องการกลับเข้ามายึดครองเวียดนามจึงเกิดขบวนการเวียดมินห์เพื่อปลดปล่อยเวียดนามจากฝรั่งเศส ผู้นำขบวนการ คือ โฮจิมินห์ ได้ขึ้นเป็นผู้นำของเวียดนามเหนือและปกครองประเทศภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ เพื่อขัดขวางการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือสหรัฐอเมริกาจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมโดยสนับสนุนกองกำลังของเวียดนามใต้

สงครามเวียดนามจึงถือกำเนิดอย่างเต็มรูปแบบในปี ค.ศ. 1965 การเข้ามาของกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม ส่งผลอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศข้างเคียง โดยเฉพาะประเทศไทย

การตั้งฐานทัพในหลายจังหวัดในไทย สร้างงานให้แก่ผู้คนทั้งภายในกองทัพ และเศรษฐกิจภาคบริการมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการตัดถนน สร้างสนามบิน ซึ่งล้วนส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงนี้

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่เติบโตอย่างไม่สะดุดมากว่า 2 ทศวรรษ ส่งผลให้ครัวเรือนอเมริกันมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจนหลายครัวเรือนได้เลื่อนขึ้นมา
เป็นชนชั้นกลาง บ้าน รถ และหน้าที่การงานที่มั่นคง กลายเป็นค่านิยมในหมู่ชาวอเมริกันเป็นที่มาของ “ความฝันแบบอเมริกัน” หรือ “American Dream” ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

ในขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็เจริญเติบโตไม่แพ้กัน บริษัท IBM กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในปี ค.ศ. 1967 อีกทั้ง เครือข่าย ARPANET ก็ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1969 ภายใต้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา นับเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายแรก ซึ่งได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเวลาต่อมา
บริษัทระดับโลกที่ก่อตั้งในช่วงทศวรรษนี้ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน

Mastercard ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1966

หลังจากบัตรเครดิต BankAmericard (VISA) ออกสู่ตลาดล่วงหน้าไป 8 ปี ธนาคารในรัฐแคลิฟอร์เนีย 4 แห่ง จึงได้รวมตัวกันเพื่อออกบัตรเครดิต Master Charge ไปสู้กับทาง BankAmericard ของ Bank of America ซึ่งต่อมา Master Charge ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Mastercard

Intel ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1968

บริษัทผู้พัฒนาการออกแบบสารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) เพื่อใช้ในการผลิตแผงวงจรรวม (Integrated Circuit) หรือชิป (Chip)
ซึ่งจะกลายมาเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายในยุคปัจจุบันทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมาร์ตโฟน ประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 5 อันดับแรกในปี ค.ศ. 1969 ได้แก่
สาธารณรัฐประชาชนจีน 796 ล้านคน
อินเดีย 529 ล้านคน
สหภาพโซเวียต 240 ล้านคน
สหรัฐอเมริกา 203 ล้านคน
อินโดนีเซีย 114 ล้านคน

แม้จีนจะเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด แต่ผลพวงจากการปฏิวัติวัฒนธรรมของเหมา เจ๋อตงในปี ค.ศ. 1966 ซึ่งมีการทำลาย และสังหารประชาชนนับล้านคน ทำให้เศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่มาจากทศวรรษที่แล้วกลับย่ำแย่ลงไปอีก จนขนาด GDP ลดลงจนหลุด 5 อันดับแรก

สวนทางกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินเยนต่อดอลลาร์สหรัฐที่คงที่ ทำให้ได้เปรียบในการส่งออกบวกกับการไม่ต้องทุ่มงบประมาณไปกับการทหาร เนื่องจากได้รับการคุ้มครองทางการทหาร ภายใต้สนธิสัญญากับสหรัฐอเมริกาล้วนส่งผลให้รัฐบาลสามารถทุ่มงบประมาณมาพัฒนาเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ จนญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของโลกในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970

กรุงโตเกียวได้ก้าวขึ้นมาเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแซงหน้านครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา ด้วยจํานวนประชากรกว่า 16.7
ล้านคน ตอกย้ำความสําเร็จด้วยการได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งแรกของทวีปเอเชีย ในปี ค.ศ. 1964

ซึ่งครั้งนี้ ญี่ปุ่นได้เปิดตัวนวัตกรรมรถไฟความเร็วสูง คือ “รถด่วนชินคันเซ็น”ออกสู่สายตาชาวโลก

ประเทศที่มีขนาด GDP มากที่สุด 5 อันดับแรก ในปี ค.ศ. 1969 เมื่อเทียบเป็นมูลค่าในปี ค.ศ. 2018
สหรัฐอเมริกา 220.6 ล้านล้านบาท
สหภาพโซเวียต 93.0 ล้านล้านบาท
เยอรมนีตะวันตก 37.7 ล้านล้านบาท
ญี่ปุ่น 37.3 ล้านล้านบาท
ฝรั่งเศส 30.5 ล้านล้านบาท

มหาอำานาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกยังคงแข่งขันกันเพื่อจะเป็นผู้นำในด้านการบุกเบิกอวกาศด้วยความพร้อม และองค์ความรู้ด้านอวกาศที่สั่งสมมา

ยานอวกาศ Vostok 1 ของสหภาพโซเวียต ก็ได้นำมนุษย์คนแรกออกไปโคจรรอบโลกได้เป็นผลสำเร็จ ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1961 มนุษย์อวกาศคนนั้นมีชื่อว่า ยูรี กาการิน

แต่ในอีก 1 เดือนถัดมา สหรัฐอเมริกาก็ส่งมนุษย์คนแรกเดินทางสู่อวกาศเช่นกัน คือ อลัน เชพเพิร์ด
ทั้งสองชาติต่างแข่งขันกันพัฒนาการสำรวจอวกาศ ทั้งดวงจันทร์และดาวอังคาร

แต่แล้วโครงการอพอลโล 11 ของสหรัฐอเมริกาก็ทำให้โลกต้องตกตะลึง เมื่อยานอวกาศลำนี้ได้พามนุษย์คนแรกไปเหยียบพื้นผิวของดวงจันทร์เป็นผลสําเร็จในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1969
ภาพของนีล อาร์มสตรอง ขณะกำลังก้าวเดินอยู่บนดวงจันทร์ถูกเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์สู่สายตาของผู้ชมทั้งโลก“ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ”ความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านอวกาศของสหรัฐอเมริกามีแรงผลักดันที่สำคัญ มาจากทรัพยากรธรรมชาติอย่าง “น้ำมัน”

แต่หารู้ไม่ว่า..“น้ำมัน” ซึ่งนำพา “ความฝันแบบอเมริกัน” มาสู่ความยิ่งใหญ่จะกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาทำลายตัวเอง ในที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่